Skip to main content
คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ

คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ

By 072

หนังสือเสียง ธรรมะ พระธรรมเทศนา หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) วิชชาธรรมกาย
Available on
Apple Podcasts Logo
Google Podcasts Logo
RadioPublic Logo
Spotify Logo
TuneIn Logo
Currently playing episode

ธรรมทั้งหลายประกอบเหตุจึงเกิดขึ้น

คำสอนพระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำMay 16, 2022

00:00
14:49
ผู้ประพฤติธรรมอยู่เสมอไม่ไปสู่ทุคติ

ผู้ประพฤติธรรมอยู่เสมอไม่ไปสู่ทุคติ

น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี ผู้ประพฤติธรรมเสมอ ไม่ไปสู่ทุคติ มีสุคติเป็นเบื้องหน้า
ผู้ประพฤติธรรมเสมอ ไม่มีทุคติ มีสุคติเป็นไปในเบื้องหน้า เรียกว่า ธรรมนั้นนำความสุขมาให้ ธรรมนั้นนำให้ถึงสุคติเป็นเบื้องหน้า ไม่มีทุคติตลอดไป
เมื่อเป็นผู้ประพฤติธรรมดังนี้แล้ว ผู้ประพฤติธรรมนะ รักษากาย วาจาใจ ให้บริสุทธิ์ไว้ ไม่ให้พิรุธไปได้
นี้ประพฤติธรรมให้บริสุทธิ์ ด้วยกาย วาจา ใจ ตลอดจนกระทั่งถึงใจเจตนา เจตนาก็บริสุทธิ์ ไม่มีพิรุธเข้าไปแทรกแซงได้
เข้าไปถึงใจ ใจก็ใส ไม่มีขุ่นมัวเศร้าหมองเข้าไปดองอยู่ในใจได้ ดังนี้เรียกว่าบริสุทธิ์ขั้นกายมนุษย์
บริสุทธิ์ขั้นกายมนุษย์ละเอียดเข้าไปอีก ละเอียดยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก ที่สุดเข้าถึงกายทิพย์อีก ผู้ประพฤติธรรมนะ
อุตสาหะให้ทาน
รักษาศีล
อุตส่าห์สดับรับฟังพระธรรมเทศนาอยู่เสมอ
อุตส่าห์มีจาคะ สละสิ่งที่เป็นโทษ เป็นข้าศึกต่อคัมภีร์อยู่ร่ำไป
มีปัญญารอบรู้รักษาตัว นี้ได้ชื่อว่าผู้ประพฤติธรรม
Apr 18, 202402:28
สิ่งที่บุคคลทำได้ยาก

สิ่งที่บุคคลทำได้ยาก

ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ กระทำกรรมที่บุคคลทำได้ด้วยยาก
กระทำอะไร อะไรที่บุคคลทำได้ด้วยยาก
นี่แหละภิกษุ สามเณร มาประพฤติตัวเช่นนี้แหละ เขายินดีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสกัน นี่มันตัดห่วงตัดอาลัย มาบวชเป็นพระเป็นเณรเช่นนี้
หรืออุบาสก อุบาสิกาเขายินดีปรีดาในการครอบครองบ้านเรือนเคหา ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อยากหยอกหลอกลวง อะไรกันต่างๆ ดังนี้ ละมันเสีย ปล่อยมันเสีย

นี้กระทำเช่นนี้ ที่บุคคลทำได้ด้วยยากเหมือนกัน ไม่ใช่ทางทำง่าย นี่ทำได้ยากทั้งนั้น เมื่อทำได้ยากเช่นนี้ ไม่ควรดูถูก ดูเบา อย่าประมาท เลินเล่อ อย่าเผลอตัว ทำให้ยิ่งหนักขึ้นไป ให้บรรลุธรรมที่พระองค์ทรงประสงค์ หนทางเบื้องต้นคือ ปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา โคตรภู โสดา สกทาคา อนาคา อรหัต ให้ปรากฏขึ้นในตัวของตัว จะได้เป็นที่พึ่งของตัว

เหตุนี้ทำกรรมที่บุคคลทำได้ด้วยยากนะ อีกมากมายนัก
ผู้ได้บรรลุผลศีล มีศีลบริสุทธิ์นี่ก็ทำได้ยาก ศีล ๕ บริสุทธิ์
ผู้ได้บรรลุศีล ๘ ศีลแปดบริสุทธิ์ นี่ก็ทำได้ยาก
ผู้บรรลุศีล ๑๐ ศีลสิบก็บริสุทธิ์ เป็นเพศสามเณรก็ทำได้ยาก
บรรลุศีล ๒๒๗ เมื่อบรรลุศีล ๒๒๗
ถ้ามีศีลบริสุทธิ์ ถ้าบรรลุปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา นี่ทำได้ยากทั้งนั้น
ทุกฺกรํ กมฺมกุพฺพตํ เหมือนกัน เป็นกรรมที่บุคคลทำได้ด้วยยาก ไม่ใช่เป็นของทำง่าย ทำบริสุทธิ์อย่างเดียว ไม่มีพิรุธในกายวาจาใจเลย มีบริสุทธิ์กายวาจาใจอย่างเดียวนี้ ก็ทำได้ยากอีกเหมือนกัน

ถ้าบุคคลใดทำได้ บุคคลผู้นั้นก็ได้ชื่อว่า ทำกรรมอันบุคคลทำได้ด้วยยาก
Apr 16, 202403:30
ให้เช่นนี้เรียกให้แบบแคบๆ ให้เช่นนี้เรียกให้แบบกว้างๆ

ให้เช่นนี้เรียกให้แบบแคบๆ ให้เช่นนี้เรียกให้แบบกว้างๆ

ที่เรียกว่าทานบารมีไม่ใช่ของให้ง่ายนะ คนเป็นพาล คนมีกิเลสหนาลามก ปัญญาหยาบ ลองหยิบขึ้นแล้วตัวสั่นเชียวหนา ทานที่มือถือไว้นะ เหงื่อแตกเหงื่อแตนเชียว มือเป็นเหงื่อเชียว ที่จะให้ได้แต่ละครั้งละคราน่ะ ต้องหัดจนกระทั่งชำนาญทีเดียว ให้เสียคล่องแคล่ว ให้เสียชำนาญในชาตินั้นแหละ จึงจะให้ได้ง่าย ถ้าว่าชาติเดียวภพเดียว ไม่ได้ให้ง่ายๆ ทีเดียว

บางคนเกิดมาไม่ได้เคยให้อะไรใครเสียเลย
บางคนก็เคยให้เสียจนชำนิชำนาญ ให้แต่เพียงว่าให้กับตัว
ให้กับลูกของตัว เพื่อความรุ่งเรืองแก่ตัว
ให้กับเมียของตัว เพื่อจะต้องการเอาไว้ใช้สอยตามชอบใจของตัว
ให้กับผัวของตัวให้ได้ เพื่อต้องการตอบแทน ถ้าไม่ตอบแทนก็ไม่ให้อีกเหมือนกัน

ลูกนะเป็นเนื้อเป็นเลือดของตัวละ รักสนิทชิดชมเป็นประหนึ่งว่าดวงใจของตัวนั่น เป็นคล้ายๆ ทีเดียว จะได้ดำรงวงศ์ตระกูลต่อไป นี่ก็ให้มีความมุ่งหมายเหมือนกัน ให้มีความมุ่งหมายเหมือนกัน เพื่อจะได้เจริญในวงศ์ตระกูลต่อไป

ถ้าแม้ว่าเราให้เช่นนี้แคบ ไม่กว้าง
ถ้าให้ไว้เป็นกลางๆ กับภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ในพระพุทธศาสนา ให้เป็นตำราบุคคลดีต่อไป นี้ตัวไม่ได้มุ่งหมายอะไรเลย มิได้มุ่งหมายอะไรเลย หมายแต่บุญกุศลเท่านั้น จะสร้างบารมีของตนเท่านั้น

ให้อย่างนี้ เรียกว่าให้กว้าง ไม่แคบ ให้เป็นกลาง กว้างออกไป นี่คนมีปัญญาสูง

Apr 14, 202403:05
📚 กัณฑ์ที่ ๕๐ ปกิณกเทศนา

📚 กัณฑ์ที่ ๕๐ ปกิณกเทศนา

ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถา แก้ด้วย ปกิณกเทศนา เป็นเทศนาเรี่ยรายเบ็ดเตล็ดสำหรับเป็นเกร็ดของสัตบุรุษ อสัตบุรุษ เป็นเครื่องประดับสติปัญญาของเราท่านทั้งหลาย ทั้งคฤหัสถ์บรรพชิตทุกถ้วนหน้า

ธรรมที่เป็นของสัตบุรุษอสัตบุรุษนี้ต่างกัน หาเหมือนกันไม่ เราจะได้รู้ได้เข้าใจว่า บัดนี้เราเป็นสัตบุรุษหรืออสัตบุรุษ ก็ไปฟังธรรมที่ผุดขึ้นในใจ

หรือธรรมที่เป็นไปทั้งกาย เป็นสัตบุรุษก็รู้ว่าตัวเป็นสัตบุรุษ เป็นอสัตบุรุษ ก็รู้ว่าตัวเป็นอสัตบุรุษ

หรือธรรมที่เป็นไปทางวาจา เมื่อบังเกิดขึ้นแล้ว กาย วาจาของเราก็จะรู้ว่าวาจาของเราเป็นสัตบุรุษ หรืออสัตบุรุษ

หรือธรรมที่จะผุดขึ้นทางใจ ก็จะตัดสินตัวเองได้ว่า เป็นสัตบุรุษหรือ อสัตบุรุษ ความเห็นจะได้ไม่พิรุธ ถูกต้องร่องรอยความประสงค์ของพระพุทธศาสนา
Apr 10, 202435:28
ที่มันรบกัน ประเทศต่อประเทศต้องประหารกันอยู่นี่ เพราะเหตุมาจากอะไร

ที่มันรบกัน ประเทศต่อประเทศต้องประหารกันอยู่นี่ เพราะเหตุมาจากอะไร

ความเห็นนั่นไม่ใช่พอดีพอร้ายนะ รบกับเกาหลีนะ รบกับไต้หวันนะ เวลานี้นั่นนะรบกันยุ่งเหยิงหมด ยุ่งยากมากมายเทียวนะ นั่นแหละ นั่นเรื่องอะไรละ ทิฏฐาสวะ ความเห็นมันไม่ตรงกันหละ มันแก่งแย่งกันละ มันไม่ถูกต้องร่องรอยกัน อวดความเห็น อวดเชิดความเห็นกันหละ ต้องประหารซึ่งกันและกัน ไม่ใช่พอดีพอร้าย ทิฏฐิๆ นะ นั่งอยู่ดีๆ นะ ลุกขึ้นรบ ขึ้นต่อย ขึ้นยิง ขึ้นแทงกันทีเดียว นั่นเพราะอะไร ที่เป็นเช่นนั้นเพราะความเห็นของตัวไม่ตรงกัน ทำตามความเห็นของตัว ความเห็นมันก็มีรสมีชาติเหมือนกัน ไม่ใช่พอดีพอร้าย

Mar 29, 202401:49
ภวาสวะ อาสวะของภพเป็นอย่างไร

ภวาสวะ อาสวะของภพเป็นอย่างไร

อาสวะของภพนะ มีรสมีชาติแบบเดียวกัน ที่เราอาศัยอยู่นี้ สิ่งที่มี ที่เป็นแก่เรา นี้เรียกว่า ภพ รูปมามีมาเป็นแก่เรา ก็มีเป็นภพอันหนึ่ง ไม่ว่าอะไรหละ ถ้ามันมามีแก่เราผืน ก็เป็นภพอันหนึ่ง ไม่ว่าสิ่งอะไร ผ้านุ่งผ้าห่มมามีแก่เรา ก็เป็นภพ เรียกว่า ภพ ภพ แปลว่า มี ว่า เป็น มันมีปรากฏว่าเป็นภพขึ้น สิ่งที่มามีมาเป็น สิ่งนั้นที่มาปรากฏขึ้นแล้ว อยากได้บ้านเรือน บ้านเรือนมาปรากฏเป็นภพขึ้นแล้ว อยาก ได้ไร่ได้นา ไร่ นามาปรากฏขึ้นเป็นภพขึ้นแล้ว อยากได้อะไรสิ่งนั้นมาปรากฏเป็นภพขึ้น ที่มีเป็นเห็นปรากฏที่ เรากำหนดว่า เป็นเรา เป็นของเรา ก็นั่นแหละเป็น ตัวภพทั้ง นั้น กามภพ รูปภพ กามภพ ไอ้นั่นเป็นกามภพ รูปภพ ปรากฏ รูปภพ อรูปภพ สองประการนี้ กามภพติดอยู่ในกาม ติดอยู่กามนี้ รูปภพละ เอาพวกเทวดา พวกที่ได้ รูปฌาน อรูปฌาน ไปติดอยู่แกะไม่ออกอีกเหมือนกัน อรูปภพ ไปติดอยู่ในอรูปฌาน แกะไม่ออก ติดอยู่เหมือนกัน ต้องกลับมาเกิดเวียนว่ายตายเกิดอยู่ ไม่จบไม่แล้ว เพราะไอ้ที่ไปยินดีติดอยู่ในรูปภพ อรูปภพนะ นั่นอาสวะ มันตรึงเข้าไว้ ชาติมันมีอยู่ถอนไม่ออก ถอนเสียดายมัน จะทิ้งก็เสียดายมัน ถ้าจะถอนจริงๆ ก็เสียดายมัน มันไม่กล้าถอน เสียดายมัน ไอ้เสียดายนั่นตัวสำคัญนัก ถึงได้ติดอยู่ในภพ รูปภพ ก็ยิ่งติดอยู่ในรูปภพ อรูปภพ ติดแบบเดียวกันนั่น เพราะอาสวะมันดึงเข้าไว้ มันเป็นเครื่องเหนี่ยวเครื่องรั้งดึงดูดไว้ ผักเสี้ยนแท้ๆ ยังไม่ได้ดอง รสชาติไม่ดีเหม็นเขียว แต่เมื่อดองเข้า เปรี้ยวเข้า เค็มๆ ดีเท่านั้นแหละ มีรสอร่อยเกินผักเสี้ยน ผักเสี้ยนอร่อยเหลือเกิน น้ำพริกขี้หนูจิ้มให้ดีๆ หาแกล้มให้ดีๆ เข้า ว่าลืมอื่นหมดทีเดียว นั่นแหละรสของผักดอกหละ ไม่ใช่เล่น ตัวสำคัญ รสเหมือนกันหมดแบบเดียวกัน กามภพก็ดี รูปภพก็ดี ที่ติดอยู่ในภพนะ ติดอยู่ในรสชาติของภพนั่นเอง ในกามภพที่มีรสชาติของภพนั่นเอง ในกามภพที่มีรสชาติสำคัญนัก รูปภพ ก็มีรสชาติประเสริฐเลิศกว่ากามภพอีก อรูปภพก็เลิศประเสริฐๆ กว่ากามภพอีก ประเสริฐเลิศกว่ารูปภพอีก นี้ให้รู้ว่า อาสวะของภพนะเป็นอย่างนี้

Mar 27, 202404:21
กาม กิเลสกาม อาสวะของกามแตกต่างกันอย่างไร

กาม กิเลสกาม อาสวะของกามแตกต่างกันอย่างไร

รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นแหละ เป็นตัวพัสดุกาม ยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นเป็นตัวกิเลสกาม ก็อาสวะของกามนะ อะไรละ ไอ้รูปที่เราแลเห็นนะ มันมีรสนา มันมีรสทีเดียวแหละ ถ้าตามไปเห็นถูกส่วนมันเข้าละก็ โอ้!เอาละ กินไม่ลง นอนไม่ลงละ กระสับกระส่าย ทีเดียว รสมันขึ้นแล้ว รสไอ้เห็นมันขึ้นแล้ว มันดึงดูดแล้ว ไอ้ดึงดูดเป็นรส นั่นแหละเป็นตัวอาสวะทีเดียว ไอ้เสียงละ ถ้าฟังๆ พอดีพอร้ายละไม่ถนัดถนี่ ไปฟังเข้าช่อง เข้ากระแสเข้าคูมันละ ก็ติดหมับทีเดียว ลืมไม่ได้ทีเดียว นั่งคิดนอนคิดทีเดียว ไอ้เสียงนั่นแหละมันเป็นอาสวะ เป็นรสของเสียง ของกลิ่น รสของรส ไอ้รสของกลิ่นนะ ไอ้พวกที่ไปถูกกลิ่นพอดีพอร้ายเข้า ก็พอดีพอร้ายอยู่ ไอ้เมื่อไปถูกกลิ่นไปถูกตัวกามมันเข้า ไปถูกอาสวะมันเข้า เอาหละตานี้ไปติดไอ้กลิ่นนั่นเข้าอีกแล้ว ไอ้รสก็เหมือนกัน ลิ้มรสไปเถอะ ถ้าว่าไปถูกอาสวะของกามเข้า เอาหละเข้าไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิต จะเป็นจะตายหละ เพราะไอ้อาสวะนั่นมันบังคับอยู่ ติดในรสอยู่ สัมผัส สัมผัสละ อย่างไรก็สัมผัสไปเถิด ถ้าไปถูกอาสวะของกามเข้าละก็ เอ้าละถอนจากเรือนไม่ออกทีเดียว อยากจะให้ถึงเวลาสัมผัสอยู่ร่ำไป ว่าไอ้นี่ร้ายนักๆ ทีเดียว นี่สัมผัสนี่สำคัญนัก นี่อาสวะมันบังคับ เราอย่างนี้นะ

Mar 27, 202403:05
ภิกษุสามเณรบวชเป็นสมภารอายุ ๔๐ ๕๐ สึกไปเพราะอะไร

ภิกษุสามเณรบวชเป็นสมภารอายุ ๔๐ ๕๐ สึกไปเพราะอะไร

ไอ้ใจไปเจอะกับรูป เสียง กลิ่น รส นั่น ถอนไม่ออกอีกเหมือนกัน ถอยไม่ออกอีกเหมือนกัน หนักเข้าถึงกับเตรียมเครื่องมือ ได้เงินได้ทองเก็บไว้ เก็บไว้ นี่พอสินสอดแล้วนี่ พอปลูกเรือนหอแล้ว อายุ ๔๐-๕๐ สึกหัวโด่ นั่นแน่จับได้ ติดอะไรละ ติดรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นแหละ

รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส นั่นแหละ แก้มันไม่หลุด แกะไม่หลุด เพราะเหตุอะไรมันถึงแกะไม่หลุด เข้าไม่ถึงธรรมทางพุทธศาสนา ที่เข้าจริงเข้าไม่ถึงอะไร เข้าไม่ถึงศีล ดวงศีลจริงๆ เข้าไม่ถึง เป็นแต่รู้จักศีล รู้จักหลั่วๆ ไม่เห็นดวงศีลจริงๆ ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ไม่เห็น ทำไม่เป็น ไม่เห็นปรากฏก็ยังสงสัยไม่หมดสิ้นอยู่ร่ำไป ก็ต้องสึกออกมาเพราะเข้าไม่ถึงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ

Mar 25, 202402:03
ธรรมกายโคตรภูยังเป็นปุถุชนสาวก ไม่ใช่อริยสาวก

ธรรมกายโคตรภูยังเป็นปุถุชนสาวก ไม่ใช่อริยสาวก

ถ้าว่ายังไม่ขาดจากโคตรภูบุคคล ยังไม่เข้าถึงอริยภูมิ ยังเป็นโคตรภูสาวกอยู่ หรือยังเป็นปุถุชนสาวกอยู่ นี้สาวกของพระพุทธเจ้ามีขีดแค่นี้ ถ้าเข้าถึง พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ดังนี้แล้ว ก็ว่า ภควโต สาวกสงฺโฆ เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค แต่ว่าชั้นสาวกชั้นเป็นโคตรภูนี้ ได้ชื่อว่าเป็นปุถุชนสาวก ไม่ใช่อริยสาวก

Mar 23, 202401:35
ธรรมะของพระพุทธเจ้ามี ๕ ประการ มีห้านั้นคืออะไร

ธรรมะของพระพุทธเจ้ามี ๕ ประการ มีห้านั้นคืออะไร

คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ

ตามตำราท่านวางไว้ว่า ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหา วิมุจฺจตีติ ผู้ใดมาพร้อมแล้วด้วยองค์ ๑๐ ผู้นั้นเป็นพระอรหันต์ องค์นั้นคืออะไร สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัป_โป ๒ สัมมาวาจา ๓ สัมมากัมมันโต ๔ สัมมาวายาโม ๕ สัมมาอาชีโว ๖ สัมมาสติ ๗ สัมมาสมาธิ ๘ มี ๘ แล้ว สัมมาญาณ ๙ สัมมาวิมุตติ ๑๐ แล้ว มีองค์ ๑๐ อย่างนี้

องค์ ๘ นั้นย่น ลงเป็นองค์ ๓ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป นี่ย่นเข้าเป็นปัญญา สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว ย่นลงเป็น ศีล สัมมาวายาโม สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ย่นลงเป็น สมาธิ รวมเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา ๓ ถ้าได้ ๓ แล้วเติม สัมมาญาณ ๔ สัมมาวิมุตติ เป็น ๕

นี่แหละผู้ใดมาตามพร้อมด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล้ว ผู้นั้นจะพบหลักฐานของพระพุทธศาสนาอย่างแน่ นี่อาศัยดวงธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน ได้เห็นดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ หลักนี้เป็นสำคัญนัก ต้องเข้าถึงหลักนี้ให้ได้ หญิงก็ดี ชายก็ดี คฤหัสถ์ บรรพชิตไม่ว่า ถ้าเข้าถึงหลักนี้ไม่ได้ จะไม่ถึงพระพุทธศาสนา จะบวชเป็นพระเป็นเณร เป็นอุบาสกอุบาสิกาก็อย่างนั้นแหละ ไม่มีรสชาติอะไร

Mar 21, 202403:11
📚 กัณฑ์ที่ ๔๙ การแสดงศีล (สีลุทเทส)

📚 กัณฑ์ที่ ๔๙ การแสดงศีล (สีลุทเทส)

ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงในสีลุทเทส แสดงเรื่อง ศีลเป็นเหตุ มีสมาธิเป็นอานิสงส์ สมาธิเป็นต้นเหตุ มีปัญญาเป็นอานิสงส์ ปัญญา เป็นต้นเหตุ อบรมจิตให้หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย ในข้อนั้นท่านทั้งหลายพึงกระทำโดยความไม่ประมาทเถิดประเสริฐนัก ที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา สมเด็จพระบรมศาสดาทรงวางตำรับตำราไว้ เป็นแบบแผนแน่นหนา ทรงตรัสเทศนาโปรดเวไนยสรรพสัตว์อยู่ ๔๕ พรรษา เมื่อรวบรวมธรรมวินัยไตรปิฎกของพระบรมศาสดาแล้ว ก็คงเป็น ๓ คือ วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก ปรมัตถปิฎก เรื่องนี้พระเถรานุเถระ มีพระมหาอริยกัสสปเป็นประธาน ได้สังคายนาร้อยกรอง ทรงพระธรรมวินัยเป็นหลักฐาน เรียกว่าพระวินัย พระสูตร พระปรมัตถ์

วันนี้ตั้งใจจะแสดงพระธรรมเทศนาถึงเรื่องอาสวะเหล่านี้ จะแสดงถึงเรื่องอาสวะ อวิชชาสวะ ตั้งใจจะแสดงอย่างนี้ กามาสวะ กามก็มีอาสวะเหมือนกัน ตัดออกเป็นสองบท กามอย่างหนึ่ง อาสวะอย่างหนึ่ง กามกับอาสวะ ภวาสวะ ตัดออกเป็น ภวอันหนึ่ง แต่ว่าภวนั่นตัดเป็นภพ อาสวะอีกอันหนึ่ง ภพกับอาสวะติดกันอยู่ แสดงอาสวะทั้ง ๔ ทีเดียว ทิฏฐาสวะ ความเห็นผิด ทิฏฐิอันนั้น แปลว่า เห็นผิด อาสวะมีอันหนึ่งอีกเหมือนกัน อาสวะในความเห็นผิด อวิชชาสวะ อวิชชา บทหนึ่ง อาสวะอีกบทหนึ่ง มันติดกันได้อย่างนี้ นี่ถ้าไม่ได้เรียนบาลีก็ไม่เข้าใจ เนื้อความเหล่านี้ก็เป็นอย่างเดียวกัน

Mar 17, 202456:33
นี่ล่ะคนมีประโยชน์

นี่ล่ะคนมีประโยชน์

ราตรีล่วงไป ชั้นของวัยละลำดับไป นั้นเป็นภัยในความตายเทียวนะ ตัวตายทีเดียวไม่ใช่ตัวอื่นละ เมื่อรู้ชัดเช่นนี้ เมื่อรู้ชัดจริงลงไปเช่นนี้แล้ว อย่างมุ่งอื่น มุ่งแต่บำเพ็ญการกุศลไป ที่จะนำความสุขมาให้แท้ๆ ไม่ต้องไปสงสัย เอตฺตกานมฺปิ ปาฐานํ อตฺถํ อญฺญาย สาธุกํ ปฏิปชฺเชถ เมธาวี อโมฆํ ชีวิตํ ยถาติ ผู้มีปัญญาได้รู้เนื้อความของบาลีแม้เพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว สาธุกํ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ

Mar 04, 202402:20
ผู้มีปัญญาพึงปฏิบัติชีวิตของตนไม่ให้ไร้ประโยชน์

ผู้มีปัญญาพึงปฏิบัติชีวิตของตนไม่ให้ไร้ประโยชน์

ผู้มีปัญญารู้ความของบาลีเพียงเท่านี้ก็ดีแล้ว พึงปฏิบัติชีวิตของตนไม่ให้ไร้ประโยชน์พึงปฏิบัติตามเป็นอยู่ของตน ในวันหนึ่งๆ ให้มีประโยชน์อยู่ร่ำไป ไม่ให้ไร้ประโยชน์ ถ้าปล่อยความเป็นอยู่ของตนให้ไร้ประโยชน์ละก็ เป็นลูกศิษย์พญามาร เป็นบ่าวของพญามาร ไม่ใช่เป็นลูกศิษย์พระ บ่าวพระ เป็นลูกพญามารเป็นบ่าวพญามาร พึงปฏิบัติชีวิตของตน อโมฆํ ไม่ให้ไร้ประโยชน์ ไม่ให้เปล่าประโยชน์ จากประโยชน์ทีเดียว ให้มีประโยชน์อยู่เสมอ ในความบริสุทธิ์ในธรรมที่ขาวอยู่เสมอไป ไม่ให้คลาดเคลื่อน นี่พระองค์ได้เตือนเราท่านทั้งหลาย แม้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วตั้งนาน ก็ยังเตือนเราทานทั้งหลายอยู่ชัดๆ อย่างนี้ เราพึงปฏิบัติตามเถิด สมกับพบพระบรมศาสดา

Mar 02, 202402:04
บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้แล้ว มุ่งทำแต่กุศล

บุคคลผู้มีปัญญา เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้แล้ว มุ่งทำแต่กุศล

ชีรนฺติ เวยา ธนตฺถา สุจิติ วา อโถ สรีรญฺปิ สรํ อุปฺโปติ ปปญฺจธมฺโม สครํ อุเปติ ปุญฺญานิ กยิราถ สุขาวหานิ ราชรถอันงดงามย่อมถึงซึ่งความเสื่อมทรามไปแม้สรีระร่างของเราท่านทั้งหลาย นี้ละ สรีระร่างกายก็ย่อมเข้าถึงความทรุดโทรม ไม่ยักเยื้องแปรผันไปข้างไหน ทรุดโทรมหมดเหมือนกัน หมดเป็นลำดับๆไป ย่อมเข้าถึงซึ่งความทรุดโทรม ธรรมของสัตตบุรุษ ย่อมหาเข้าถึงซึ่งความทรุดโทรมไม่ดำรงคงที่อยู่ดังกล่าวมาแล้วนั้น เป็นธรรมของสัตตบุรุษ ไม่ถึงซึ่งความทรุดโทรมไม่สลาย ไม่เสียหาย ไม่เข้าถึงซึ่งความทรุดโทรม

Feb 29, 202402:17
ชนผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีแก่นสาร

ชนผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีแก่นสาร

หญิง ชายเหล่าใด เจริญด้วยศรัทธาความเชื่อมั่นในขันธสันดานละชั่วขาดแล้ว ไม่กลับกลอกแล้ว เหลือแต่ดีแล้วฝ่ายเดียวแล้ว เจริญด้วยศีลเจริญด้วยสุตตะ นี่ก็เป็นฝ่ายดี เจริญด้วยจาคะ เจริญด้วยปัญญา หญิงชายเหล่าใดที่เจริญในทางจิตด้วยศีล ด้วยจาคะ ด้วยสุตตะ ด้วยปัญญาแล้ว สาตา สีสี ลภตี อุปฺปาติกา หญิงชายเช่นนั้น ชื่อว่าประพฤติเป็นปกติ หญิงชายเหล่านั้น ชื่อว่าประพฤติเป็นระเบียบเรียบร้อยดี มั่นในพระรัตนตรัยแท้ มั่นในพระรัตนตรัย อาทิยติ สารมิเทว อตฺตโน ได้ชื่อว่า ยึดแก่นสารของตนไว้ได้

Feb 28, 202401:47
ธรรมที่ทำให้เป็นกายแต่ละกาย

ธรรมที่ทำให้เป็นกายแต่ละกาย

กายมนุษย์ ดวงธรรมนั้นได้ด้วยบริสุทธิ์ กาย วาจา ตลอดถึงใจ เป็นอัพโพหาริกไปด้วย บริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ ได้ธรรมดวงนั้น ธรรมที่ทำให้เป็นเทวดาทั้งหยาบทั้งละเอียด ต้องเติม ทาน ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ไปในความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ อีก มันก็ได้ธรรมที่ทำให้เป็นกายเทวดาเป็นลำดับไป ทั้งหยาบทั้งละเอียด ธรรมที่ทำให้เป็นพรหมละ ได้ด้วยรูปฌาณทั้ง ๔ ได้ สำเร็จรูปฌานแล้ว ให้สำเร็จธรรมที่ทำให้เป็นกายรูปพรหม ธรรมเป็นอรูปพรหมเล่า ทั้งหยาบทั้งละเอียด ก็ได้ด้วย อรูปฌาน อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน นั่นแหละสำหรับเติมลงไป ในธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหม ในธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหมอีก จึงจะได้ธรรมที่ทำให้เป็นกายอรูปพรหมขึ้น ทั้งหยาบทั้งละเอียดดังนี้

Feb 28, 202401:59
ทิ้งทั้งนั้น ว่างเปล่า เอาอะไรไปไม่ได้เลย

ทิ้งทั้งนั้น ว่างเปล่า เอาอะไรไปไม่ได้เลย

วเส อวตฺตนาเยว อตฺตวิปกฺขภาวโต สุญฺญตฺตสฺสามิกตฺตา จ เต อนตฺตาติ ญายเร สังขารธรรมทั้งหลายเหล่านั้น บัณฑิตรู้ว่าไม่ใช่ตัว ว่าเป็นอนัตตา เพราะความเป็นสภาพไม่เป็นไปตามอำนาจเลยและเป็นปฏิปักษ์แก่ตัวเสียด้วย อตฺตวิปกฺขภาวโต เพราะเป็นปฏิปักษ์แก่ตน สุญฺญตฺตสฺสามิกตฺตา จ เป็นสภาพว่างเปล่าหมดทั้งสากลโลก เราก็ว่างเปล่า เขาว่างเปล่า ว่างเปล่าหมดทั้งนั้น เอาอะไรมิได้ หาอะไรมิได้เลย โบราณต้นตระกูลเป็นอย่างไรหายไปหมด ว่างเปล่าไปหมด หาแต่คนเดียวก็ไม่ได้ ว่างเปล่าอย่างนั้ไม่มีเจ้าของ เอ้า! ใครล่ะมาเป็นเจ้าของเบญจขันธ์ คนไหนเล่าเป็นเจ้าของเบญจขันธ์ ด้วยกันทั้งนั้น เป็นเจ้าของไม่ได้เลย ของตัวก็ต้องทิ้ง เอาไปไหนไม่ได้ ทิ้งทั้งนั้น ยืนยันว่าเหมือนของขอยืมเขาใช้ทั้งนั้น แล้วก็ต้องส่งคืนทั้งนั้น เอาไม่ได้ เอาอะไรไม่ได้ทั้งนั้น

Feb 25, 202402:30
ดังของที่ยืมเขามา ในไม่ช้าต้องคืนเขาไป

ดังของที่ยืมเขามา ในไม่ช้าต้องคืนเขาไป

สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดเสมอ ดับไปเสมอ สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงนั้นดับไป สพฺพนฺต นิโรธธมฺมํ ดับไป ถ้าย่นลงไปแล้วก็มีเกิดดับ นี่ตรงกับ อุปฺปชฺชนฺติ นิรุชฺฌนฺติ เกิดดับอยู่อย่างนี้ เมื่อเกิดดับดังนี้แล้ว เอวํ หุตฺวา อภาวโต เอเต ธมฺมา อนิจฺจาถ ตาวกาลิกตาทิโต เมื่อเป็นอย่างนี้ความเกิดและดับ ความดับ หุตฺวา อภาวโต เอเต ธมฺมาร อนิจฺจาถ รูปธรรมนามธรรมเหล่านั้น ไม่เที่ยง เพราะความเกิดขึ้นแล้ว เพราะความมีแล้วหามีไม่ รูปธรรมนามธรรมเหล่านั้น ไม่เที่ยง เพราะความมีแล้วหามีไม่ เพราะความเป็นเหมือนดังของขอยืม เหมือนเราท่านทั้งหลายบัดนี้ มีเกิดมีดับเรื่อยไป รูปธรรมนามธรรมที่ได้มานี้ มีแล้วหามีไม่ เพราะความเป็นดังของขอยืมเหมือนกันทุกคนต้องขอยืมทั้งนั้น ผู้เทศน์นี่ก็ต้องคืนให้เขา เราๆ ทุกคนก็ต้องคืนทั้งนั้น ขอยืมเขามาใช้ ไม่ใช่ของตัวเลย ความเป็นจริงเป็นอย่างนี้

Feb 22, 202402:31
ปฏิจสมุปบาท อวิชชานี่ล่ะ คือตัวเหตุด้วยปัจจัยด้วย

ปฏิจสมุปบาท อวิชชานี่ล่ะ คือตัวเหตุด้วยปัจจัยด้วย

อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ ความรู้ เมื่อมีความรู้ขึ้นแล้ว วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป มันก็ไปยึดเอานามรูปเข้า นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิด สฬายตนะ มีนามรูปแล้วก็มีอายตนะเข้าประกอบ อายตนะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ เมื่อมีอายตนะ เข้าแล้วก็รับผัสสะ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ความอยากได้ดิ้นรน กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตัณหามีขึ้นแล้ว เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ความยึดถือ อุปาทาน เป็นปัจจัยให้เกิดภพ ก็ยึดถือภพต่อไป กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ เป็นปัจจัยให้เกิดชาติ เมื่อได้ภพแล้ว ก็เกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นสัตว์เดียรัจฉานก็ดี ที่กำเนิดเกิดด้วยอัณฑชะ เกิดจากสังเสทชะ อุปปาติกะ เกิดด้วยชลาพุชะ สังเสทชะ เหงื่อไคล อัณฑชะเกิดเป็นฟองไข่ ชลาพุชะเกิดด้วยน้ำพวกมนุษย์ อุปปาติกะลอยขึ้นบังเกิดอย่างพวกเทวดา สัตว์นรกนี่อุปปาติกะ นี้ที่เกิดขึ้นได้เช่นนี้ ก็เพราะอวิชชานั่นเอง ไม่ใช่อื่น ถ้าอวิชชาไม่มีแล้ว เกิดไม่ได้ อวิชชา นะ เป็นเหตุด้วยแล้วเป็นปัจจัยด้วย นี่เราท่านทั้งหลายเป็นหญิงเป็นชายเป็นคฤหัสถ์บรรพชิตเกิดมาได้อย่างนี้

ความเกิดอันนี้แหละเกิดแต่เหตุ ไม่ได้เกิดแต่อื่น ไม่ว่าอันใดทั้งสิ้นต้องมีเหตุเป็นแดนเกิดทั้งนั้น ถ้าไม่มีเหตุเกิดไม่ได้ นี่พระองค์ทรงรับรองไว้ตามวารระพระบาลีในเบื้องต้นนั้น

Feb 21, 202403:09
📚 กัณฑ์ที่ ๔๘ ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ

📚 กัณฑ์ที่ ๔๘ ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ

ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถา เริ่มต้นแต่ความย่อย่นธรรมเทศนาของพระบรมศาสดา พระองค์ได้รับสั่งด้วยพระองค์เองว่า ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ ไม่มีเหตุแล้ว ธรรมก็เกิดไม่ได้ นั้นเป็นข้อใหญ่ใจความทางพระพุทธศาสนา ผู้มีปัญญาจะพึงได้สดับในบัดนี้ ตามวาระพระบาลีที่ยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นว่า เย ธมฺมา เหตุปพฺภวา เตสํ เหตํ ตถาคโต เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าทรงตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้น และความดับเหตุของธรรมเหล่านั้น พระมหสมณเจ้าทรงตรัสอย่างนี้

นี่เนื้อความของพระบาลีแห่งพุทธภาษิต คลี่ความเป็นสยามภาษาอรรถาธิบายว่า คำว่าเหตุนั้น ในสังคหะแสดงไว้ ฝ่ายชั่วมีสาม ฝ่ายดีมีสาม ดังพระบาลีว่า โลภเหตุ โทสเหตุ โมหเหตุ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ มีเหตุสามดังนี้ เพราะท่านแสดงหลักไว้ตามวาระพระบาลีที่ยกขึ้นไว้นะ ท่านแสดงหลักยกเบญจขันธ์ทั้ง ๕ มี อวิชชาเป็นปัจจัย วางหลักไว้ดังนี้ อวิชฺชาทีหิ สมฺภูตา รูปญฺจ เวทนา ตถา อโถ สญฺญา จ เวทนา วิญฺญาณญฺจาติ ปญฺจิเม เบญจขันธ์ทั้ง ๕ เหล่านี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เกิดพร้อมแต่ปัจจัยทั้งหลาย มี อวิชชา เป็นต้น เกิดอย่างไร เกิดแต่เหตุ เกิดพร้อมแต่ปัจจัยทั้งหลาย มีอวิชชาเป็นต้นดังในวาระพระบาลีที่ท่านวางเนติแบบแผนไว้ว่า อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา ดังนั้นเป็นต้น อวิชชาความรู้ไม่จริง มันก็กระวนกระวายนิ่งอยู่ไม่ได้ ความรนหาความรู้จริงนั่นแหละ มันก็เกิดเป็นสังขารขึ้น รู้ดี รู้ชั่ว รู้ไม่ดีไม่ชั่วเข้าไปว่า อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ ความรู้ เมื่อมีความรู้ขึ้นแล้ว วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป มันก็ไปยึดเอานามรูปเข้า นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิด สฬายตนะ มีนามรูปแล้วก็มีอายตนะเข้าประกอบ อายตนะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ เมื่อมีอายตนะ เข้าแล้วก็รับผัสสะ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ความอยากได้ดิ้นรน กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตัณหามีขึ้นแล้ว เป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน ความยึดถือ อุปาทาน เป็นปัจจัยให้เกิดภพ ก็ยึดถือภพต่อไป กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภพ เป็นปัจจัยให้เกิดชาติ เมื่อได้ภพแล้ว ก็เกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เป็นสัตว์เดียรัจฉานก็ดี ที่กำเนิดเกิดด้วยอัณฑชะ เกิดจากสังเสทชะ อุปปาติกะ เกิดด้วยชลาพุชะ สังเสทชะ เหงื่อไคล อัณฑชะเกิดเป็นฟองไข่ ชลาพุชะเกิดด้วยน้ำพวกมนุษย์ อุปปาติกะลอยขึ้นบังเกิดอย่างพวกเทวดา สัตว์นรกนี่อุปปาติกะ นี้ที่เกิดขึ้นได้เช่นนี้ ก็เพราะอวิชชานั่นเอง ไม่ใช่อื่น ถ้าอวิชชาไม่มีแล้ว เกิดไม่ได้ อวิชชา นะ เป็นเหตุด้วยแล้วเป็นปัจจัยด้วย นี่เราท่านทั้งหลายเป็นหญิงเป็นชายเป็นคฤหัสถ์บรรพชิตเกิดมาได้อย่างนี้

ความเกิดอันนี้แหละเกิดแต่เหตุ ไม่ได้เกิดแต่อื่น ไม่ว่าอันใดทั้งสิ้นต้องมีเหตุเป็นแดนเกิดทั้งนั้น ถ้าไม่มีเหตุเกิดไม่ได้ นี่พระองค์ทรงรับรองไว้ตามวารระพระบาลีในเบื้องต้นนั้น
Feb 13, 202442:50
หาความสุขในความทุกข์

หาความสุขในความทุกข์

เราต้องการความสุขนัก แต่หาความสุขในความทุกข์
ไม่หาความสุข ในเหตุของความสุข
หาความสุข ในเหตุของความทุกข์
หาความสุขเป็นอย่างไรละ หาเงินให้มากๆ เข้า แต่พอได้เงินมากเข้าเป็นอย่างไรละวะ เดือดร้อนเป็นจ้าละหวั่นเทียว
ต้องรักษาเงินทองเหล่านั้น ก็ฉันว่าเป็นสุขหาเงินทองเหล่านั้น หามาเถอะ ถ้าว่าในป่าในดอนเป็นอย่างไร
หามาได้สักแสน สักล้าน มนุษย์มันก็รู้กันทีเดียว ก็คุมพวกปล้นฆ่าทีเดียว นั่นเห็นแล้ว เงินทองเป็นสุขซิ อ้าว..เงินทองเป็นทุกข์เสียแล้ว หาเป็นสุขไม่
เมื่อรู้ชัดเช่นนี้ละก็ เอาเป็นมั่งมีละ เอ้า..ยกแผ่นดินให้ปกครองเสียทีเดียวเป็นอย่างไรบ้าง ?
โธ่! ถูกปกครองแผ่นดิน ผมไม่รู้เลยขอรับ ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ถ้ารู้อย่างนี้ละก็ไม่รับทีเดียว เดี๋ยวนี้มันขึ้นนั่งบนหลังราชสีห์แล้ว จะลงมันก็กัดตาย ก็จำเป็นต้องขี่มันไปอย่างนี้เอง กลัวก็กลัวมันเหมือนกัน

เพราะฉะนั้น ผู้ปกครองก็กลัวชีวิตเหมือนกับอยู่บนหลังราชสีห์ นั่นเหตุเป็นที่ตั้งของความทุกข์ทั้งนั้น ไม่ใช่เหตุเป็นที่ตั้งของความสุข

เหตุเป็นที่ตั้งของความสุข ก็เหมือนพระสิทธารถราชกุมาร ทิ้งราชสมบัติแสวงหาพุทธการกธรรม พอได้พุทธการกธรรม ก็ได้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ได้พบตัวยอดสุขทีเดียว

นี่ท่านรอดไปอย่างนี้
ถึงซึ่งความไม่เบียดเบียน
ถึงซึ่งความเป็นผู้ระวังในสัตว์ทั้งหลาย
ถึงซึ่งความเป็นผู้ปราศจากความกำหนัดยินดี
ถึงซึ่งผู้ก้าวล่วงซึ่งกามทั้งหลายไป
เป็นผู้ถอนอัสมิมานะเสียได้

เอตํ เว ปรมํ สุขํ นี่แหละเว้ย เป็นสุขอย่างยิ่ง ความจริงเป็นอย่างนี้
เมื่อรู้จักหลักอันนี้แล้ว ก็จำไว้เป็นเนติแบบแผนสืบต่อไป

Feb 07, 202403:16
จงพยายามให้มีธรรมกายขึ้นเถิด เลิศกว่าฌาณ

จงพยายามให้มีธรรมกายขึ้นเถิด เลิศกว่าฌาณ

บัดนี้ ที่วัดปากน้ำนี่นะมีธรรมกาย สูงกว่าฌานนั่นอีก โอ้ย..นั่นสู้ไม่ได้ไกลกว่าฌานนั่นอีก เขามีธรรมกายกัน
ถ้ามีความกำหนัดยินดีเวลาใด แพร็บเข้าธรรมกายไป ความกำหนัด ยินดีทำอะไรไม่ได้เลย ล้อมันเล่นเสียก็ได้ มันทำอะไรไม่ได้ ความกำหนัดยินดีทำอะไรไม่ได้
ที่เราเป็นผู้ครองเรือนน่ะ ความกำหนัดยินดีมันบังคับ เหมือนกับเด็กๆ ตามชอบใจมัน จะทำอะไรก็ทำตามชอบใจของมัน ความกำหนัดยินดีมันบังคับ มันบังคับเช่นนั้นแล้ว
เราเข้าธรรมกายเสีย ไม่ออกจากธรรมกาย ความกำหนัดยินดีที่มันบังคับนั่น หายแวบไปแล้ว เหมือนไฟจุ่มน้ำ
จงพยายามให้มี ธรรมกาย ขึ้นเถิด เลิศกว่าฌาน

Feb 05, 202401:50
เข้าปฐมฌาณเสีย กามทำอะไรเราไม่ได้

เข้าปฐมฌาณเสีย กามทำอะไรเราไม่ได้

ติดอยู่กับกาม เหมือนกับนั่งอยู่ในกองไฟ หรือนั่งอยู่ในกลางแดดจัด ทนไม่ค่อยไหว ไม่สบาย
พอไปอยู่กับฌานเสีย เหมือนเข้าร่ม สบายจริง เหมือนเข้าร่มที่เย็นมีน้ำล้อมอยู่ข้างๆ ทั้งเย็น ทั้งชื่นมื่น ทั้งสบาย
ใจไปจรดอยู่กับรูปฌาน รูปฌานนะ ลักษณะเหมือนยังกับกงเกวียนเป็นเหมือนกระจก แผ่นกระจก หนาคืบหนึ่ง วัดผ่าเส้นศูนย์กลาง ๒ วา กลมๆ ไม่ใช่กลมรอบตัว กลมเหมือนกับกงเกวียนวงล้อต่างๆ กลมๆ เป็นแผ่นเดียวเหมือนกระจก กลมรอบตัว แล้วก็ข้างๆ ก็เรียบร้อยเป็นอันดี ข้างหน้า ข้างหลังเรียบร้อยดี
ส่วนกายรูปพรหม ก็เข้านั่งอยู่บนกลางปฐมฌานนั่น พอขึ้นนั่งบนนั้นเท่านั้น เย็นอกเย็นใจสบายใจ ก็ติดอยู่กลางดวงปฐมฌานนั้น
พอใจจรดอยู่กับกลางดวงปฐมฌานได้ มันชื่นมื่น สบาย ความสบายของปฐมฌานนะวิเศษวิโสนัก

เขาเล่าเรื่องว่า มหากษัตริย์องค์หนึ่ง ได้บรรลุปฐมฌานแล้ว สละราชสมบัติให้ ราชโอรสปกครองไป ตัวไปเป็นฤาษี ชีไพรเสียภายนอกนั่น
ฝ่ายผู้ได้รับรัชทายาทนั้นไม่อาจจะปกครองได้ ให้ไปตามบิดามา มหาดเล็กเด็กชายก็ไปพร้อมกัน ผู้คนสกลโยธามากมายหลาม ไปทีเดียว ไปตามพระเจ้าแผ่นดิน
เมื่อพระเจ้าแผ่นดินเดิมผู้สละราชสมบัติไปเสียนั่นนะ เป็นผู้ปกครองมีความสงบเงียบเรียบร้อยดี มหากษัตริย์ไปถึง กำลังเข้าฌานสมาบัติอยู่เข้าไปคอยอยู่ จนกระทั่งมีโอกาสออกมา ก็เข้าไปทูลว่า
พระองค์เชิญพระองค์เสด็จกลับเสวยราชสมบัติ ไม่มีใครสามารถจะปกครองได้
มหากษัตริย์ก็ลืมพระเนตรขึ้น ก็ไถ่ถามเรื่องราว รู้เรื่อง เอ็งกลับไปเถอะข้าจะเข้าฌานของข้า ข้าไม่ต้องการแล้วสมบัติ ข้าอยู่ในฌานของข้า สบายกว่า อยู่เป็นกษัตริย์ข้าไม่สบายเลย ข้าเดือดร้อนนัก
นั่นแน่ถึงขนาดนั้น ถึงขนาดนั้น อ้อ! การเข้าฌานนี่มันเลิศประเสริฐอย่างนี้หรือ ร่มเย็นเป็นสุขอย่างนี้
ที่จะละกามได้ต้องเข้าฌาน เข้าปฐมฌานเสีย กามทำอะไรเราไม่ได้

Feb 03, 202404:02
ก้าวล่วงเสียซึ่งกามทั้งหลาย

ก้าวล่วงเสียซึ่งกามทั้งหลาย

กามทั้งหลายนั้น คือ อะไรเล่า
รูปที่ชอบใจนะซิ
เสียงที่ชอบใจ
กลิ่นที่ชอบใจ
รสที่ชอบใจ
สัมผัสที่ชอบใจ
เรียกว่าปปัญจธรรม ธรรมที่ทำสัตว์ให้เนิ่นช้า ไม่เป็นอันที่จะให้มีเวลาให้ทาน จำศีล ภาวนา

ความยินดีในรูป ถอนไม่ออก
ยินดีในเสียง ถอนไม่ออก
ยินดีในกลิ่น ถอนไม่ออก
ยินดีในรส ถอนไม่ออก
ยินดีในสัมผัส ถอนไม่ออก
จะหยุดจะยั้งเสียก็ไม่ได้ เสียดายห่วงใยอาลัย ละไม่ได้ วางไม่ได้
ทำอย่างไรเล่าคราวนี้ เมื่อเป็นเช่นนั้น
ก้าวล่วงไม่พ้นจมอยู่ในความสุข
จมอยู่ในปลักของความสุขนั่น ถอนไม่ออก
จมอยู่ในปลักของความทุกข์นั่น ถอนไม่ออก
เพราะธรรมนั่นทำสัตว์ให้เนิ่นช้า
ให้เดือดร้อน ทุรนทุราย กระสับกระส่ายต่างๆ นานา เป็นอยู่อย่างนี้ทั่วสากลโลก เพราะก้าวไม่ข้ามหามไม่พ้น

ยินดีในรูป ติดอยู่ในรูป
ยินดีในเสียง ติดอยู่ในเสียง
ยินดีในกลิ่น ติดอยู่ในกลิ่น
ยินดีในรส ติดอยู่ในรส
ยินดีในสัมผัส ติดอยู่ในสัมผัส
ธรรม ๕ อย่างนี้ ทำให้สัตว์เนิ่นช้า เรียกว่า ปปัญจธรรม
ปปัญจธรรมทั้งห้านี้เป็นตัวกามแท้ๆ เรียกว่าเป็นตัวพัสดุกาม และเป็นที่ตั้งของกิเลสกามด้วย

รูปนั่นแหละเป็นตัวพัสดุกาม ที่สวยๆ งามๆ ก็เป็นพัสดุกาม ความยินดีมันก็ไปติดมากขึ้น

เสียงที่เพราะๆ งามๆ นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีหนักขึ้น

กลิ่นที่หอมๆ ที่จับใจ นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีมากขึ้น

รส เป็นที่ชอบอกชอบใจ คือรสชาติที่เลิศที่ประเสริฐ นั่นแหละเป็นพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งของความยินดีหนักขึ้น

สัมผัสทางกายเป็นที่ชอบใจของกาย นั่นแหละเป็นตัวพัสดุกามแท้ๆ เป็นที่ตั้งแห่งความยินดี หนักขึ้น

รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ๕ นี้เป็นตัวพัสดุกาม
ความยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส และในสัมผัสนั้นเป็นตัวกิเลสกาม
ถ้าก้าวไม่พ้น ติดอยู่ในตัวพัสดุกามเหล่านี้แล้ว ต้องเป็นทุกข์เนืองนิตย์อัตรา หัวเราะบ้าง ร้องไห้บ้าง ต่างๆ นานา ไม่เสื่อมสร่าง
ต่อเมื่อใดก้าวล่วงปัญจวิธกามคุณทั้งห้า ทั้งตัวพัสดุกาม ทั้งตัวกิเลสกามนี้ ปล่อยวางเสียได้ ก้าวพ้นไปเสียได้

Jan 30, 202404:17
ความเบียดเบียน เริ่มตั้งแต่มนุษย์ต้นกัป

ความเบียดเบียน เริ่มตั้งแต่มนุษย์ต้นกัป

โลกก็เกิดขึ้นใหม่ๆ ยังมีมนุษย์น้อยอยู่ ลงมากินง้วนดินแล้ว ก็เหาะเหินเดินอากาศไม่ได้ ก็จ๊อหลออยู่ในแผ่นดินนี้ ต่อไปๆๆๆ ก็ได้กายนั้นก็กลายมาเป็นมนุษย์เป็นลำดับไป

กลายไปอยู่สมัครสังวาสในกันและกัน ได้เกิดมนุษย์ขึ้น
เมื่อเกิดมนุษย์ในตอนต้น ก็มีน้อยคนไม่สู้จะเบียดเบียนกันนัก แล้วมนุษย์มากขึ้นเป็นลำดับ
มนุษย์เริ่มเบียดเบียนกัน ใกล้เคียงกันก็ทะเลาะบาดหมางให้ประหัตประหารกัน ด้วยกายบ้าง ด้วยวาจาบ้าง ด้วยใจบ้าง ก็เกิดเบียดเบียนกันขึ้น ทุบตีฆ่าฟันกัน
ครานั้นโลกได้รับความเดือดร้อน เพราะเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ด้วยการให้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ทุบตีฆ่าฟันซึ่งกันและกัน
ผู้ที่มีปัญญา ก็ต้องแก้ไขให้มนุษย์เลิกเบียดเบียนกันเสีย
เมื่อหยุดเบียดเบียนกัน ก็เป็นสุขทีเดียว
ต่อเมื่อเบียดเบียนกันอีก ความคับคั่งเข้ามากมนุษย์ด้วยกัน แย่งชิงอาหารในกันและกัน ฉกลัก หลอกลวงในกันและกันเป็นทุกข์อีก มนุษย์เหล่านั้นเกือบจะโลกแตกทีเดียว
ผู้มีปัญญาก็ต้องแก้ไข ให้เลิกฉกลัก หลอกลวง ล่อหลอนในกันและกันเสีย ฉะนั้นโลกก็เป็นสุขสงบไปอีก

ต่อมาอีกมากมนุษย์เข้า มีความกำหนัดยินดีกันเกินไป ประทุษร้าย สับสนกัน ไม่ว่าลูกใครเมียใครตามชอบใจของตัวเองอีกแล้ว โลกแตกอีกแล้ว
มนุษย์ผู้มีปัญญาก็แก้ไข ให้มนุษย์พวกนั้นเลิกประทุษร้ายในกัน และกัน เลิกผิดในกามเสีย ให้ยินดีเฉพาะคู่ครองของตนๆ มนุษย์พวกนั้นก็สงบเงียบได้รับความสุขไปอีก

ต่อมาอีก มนุษย์มากขึ้น เกิดขี้ปด ขี้โป้กันขึ้นแล้ว ไม่จริงแล้วถ้อยคำสำเนียง หลอกลวง ล่อหลอก ฉ้อโกงกันต่างๆ แล้ว เกิดถ้อยคำตลบแตลงไปแล้ว เดือดร้อนแทบจะถล่มทลายอีก
มนุษย์ผู้มีปัญญาแก้ไขอีกสงบเสีย มนุษย์พวกนั้นก็ได้รับความสุขใจ เพราะสงบในการเบียดเบียน ในการหลอกลวง ล่อหลอน พูดไม่จริง กลับพูด จริงกันเสียหมด มนุษย์ก็ได้รับความสุข

ครั้นต่อมา มนุษย์สนุกกันใหญ่ บริโภคสุรากันขึ้นหมด ไอ้ที่ข้อกฎหมายวางกันไว้ เท่าไรๆ ถล่มทลายหมด โลกจะแตกจะทำลายคราวนี้
ทำอย่างไรกันละ เกิดเหตุยกใหญ่ เกิดอลหม่านทีเดียว
ผู้มีปัญญาก็ต้องแก้ไข ให้สงบให้เลิกสุรากันเสีย งดสุราเสียให้ขาด ไม่บริโภคสุรากัน สิ่งที่ทำให้เมาเลิกกัน มนุษย์ก็ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขไป
นี่ต้นเดิมของมนุษย์นะ เดือดร้อนแล้วก็สงบกันได้ด้วยวิธีนี้

Jan 27, 202404:27
ต้องอาศัยพระพุทธศาสนาจึงจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ต้องอาศัยพระพุทธศาสนาจึงจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ความเบียดเบียนนี้แหละสำคัญนัก ถ้าเลิกเบียดเบียนกันเสียได้ ตระกูลหนึ่งมารดาบิดาลูกหญิงลูกชาย ก็ไม่ต้องแตกแยกจากกัน เป็นกลุ่มเป็นก้อน เป็นหมู่เป็นพวกกัน อยู่ได้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวในกันและกันได้

เพราะไม่มีความเบียดเบียนในกันและกัน ขยายส่วนออกไปกว่านั้น กว้างออกไป ตระกูลหนึ่งๆ เต็มประเทศออกไป ขยายส่วนออกไปกว่านั้น ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

ประเทศหนึ่งๆ ไม่เบียดเบียนกันทั้งหมด ปรากฏว่าประเทศนั้นจะได้รับความรุ่งเรืองเจริญ เกิดจากความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขด้วยกันทั้งนั้น

ไม่ต้องมีตำรวจเฝ้า ไม่ต้องมีใครรักษา ไม่ต้องมีศาล ไม่ต้องมีตุลาการ
การที่จะไม่เบียดเบียนกันได้เช่นนี้ จะเป็นได้เช่นไร ?
ต้องอาศัย พระพุทธศาสนาแท้ๆ จึงจะไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

Jan 25, 202402:12
ปกครองลูกหญิงลูกชายไม่ได้ สัมหาอะไรที่จะไปปกครองผู้อื่น

ปกครองลูกหญิงลูกชายไม่ได้ สัมหาอะไรที่จะไปปกครองผู้อื่น

ตั้งต้นแต่สกุลๆ เดียว บิดามารดาเดียวกัน อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ถ้าจะให้ได้รับความสุข บิดามารดาต้องไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันก่อน
ลูกหญิงลูกชายของบิดามารดาเดียวกัน ต้องไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
เมื่อมารดาบิดาไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันแล้ว มารดาบิดาก็ได้รับความสุขทั้งสองฝ่าย
ลูกหญิงลูกชายไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันแล้ว ลูกหญิงลูกชายก็ได้รับความสุข ตลอดจนกระทั่งมารดาก็ได้รับความสุข
ลูกหญิงลูกชาย เบียดเบียนกันขึ้นเวลาใด มารดาบิดาก็ได้รับความทุกข์เวลานั้น
ถ้าว่าลูกหญิงลูกชายไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เมตตาปราณีในกันและกัน รักใคร่ในกันและกัน สนิทสนมในกันและกัน กลมเกลียวในกันและกัน ได้ชื่อว่าไม่เบียดเบียนในกันและกัน
ถ้าว่าไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกันดังนี้แล้ว มารดาบิดาสกุลนั้น ลูกหญิงลูกชายสกุลนั้นได้รับความสุข มีแต่ความเจริญเป็นเบื้องหน้า ความเสื่อมทรามไม่มี
ที่จะได้รับความเสื่อมทรามแตกสลาย เพราะบิดามารดาเบียดเบียนกันขึ้นก่อน เป็นอุทาหรณ์ให้ลูกเอาอย่างเบียดเบียนซึ่งกันและกันบ้าง เบียดเบียนกันแรงหนักเข้า ถึงตบตีให้ประหัตประหารซึ่งกันและกัน

หนักมือไปกว่านั้นแตกแยกจากกัน อยู่รวมกันไม่ได้ อยู่รวมกันก็ตีกันเท่านั้น พูดไม่ลงรอยกัน เพราะเบียดเบียนกันเสียแล้ว ก็ตั้งเป็นหมู่พวกไม่ได้ มารดาบิดาคู่นั้นเรียกว่าคุมความปกครองไม่อยู่ ไม่สามารถปกครองลูกหญิงลูกชายไว้ได้

เป็นคนมีปัญญาแต่เพียงให้ลูกหญิงลูกชายเกิดเท่านั้น เลี้ยงให้ใหญ่โตเท่านั้น ที่จะปกครองลูกหญิงลูกชาย ปกครองไม่ได้

สัมหาอะไรที่จะไปปกครองผู้อื่น ปกครองลูกหญิงลูกชายของตนก็ไม่ได้ช

Jan 24, 202403:28
📚 กัณฑ์ที่ ๔๗ พุทธโอวาท ว่าด้วยการไม่เบียดเบียนทำร้ายซึ่งกันและกัน

📚 กัณฑ์ที่ ๔๗ พุทธโอวาท ว่าด้วยการไม่เบียดเบียนทำร้ายซึ่งกันและกัน

อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลก
ปาณภูเต สุสญฺญโม ความสำรวมระวังในสัตว์มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตเป็นเหตุให้รักษา
สุขา วิราคตา โลเก ความปราศจากจากความกำหนัดยินดีเป็นสุขในโลก
กามานํ สมติกฺกโม ก้าวล่วงเสีย ซึ่งกาม
อสฺสมิมานสฺส วินโย นำเสียซึ่งอัสมิมานะ
เอตํ เว ปรมํ สุขํ นี้ละเป็นสุขอย่างยิ่ง
ตรงนี้แง่นี้เป็นธรรมสำคัญ ๕ ข้อด้วยกัน
ความไม่เบียดเบียนเป็นสุขในโลกนั้นเป็นไฉน ?
มีอรรถาธิบายเป็นลำดับไป
ตนของตนไม่เบียดเบียนตนเองด้วยกาย หรือด้วยวาจา หรือด้วยใจตน
ตนของตนเองไม่เบียดเบียนบุคคลผู้อื่น ด้วยกาย หรือด้วยวาจา ด้วยใจของตน
ตนของตนเองไม่เบียดเบียนทั้งตนและทั้งบุคคลอื่น ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจของตนเอง
นี้เพียงเท่านี้ ตนก็เป็นสุขแล้ว
คนอื่นที่ไม่ถูกเบียดเบียน ก็เป็นสุขด้วย
ทั้งตนและบุคคลอื่น ก็เป็นสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ยักย้ายไปไหน
ความเบียดเบียนนี่เป็นทุกข์ในโลก ไม่ใช่เป็นสุข
ความเบียดเบียน เป็นทุกข์ในโลก
บัดนี้โลกกำลังเบียดเบียนซึ่งกันและกันอยู่ เดิมก็ออกจากตนนั่นแหละ ไม่ใช่ออกจากไหน ความเบียดเบียนอันนี้
ถ้าว่าตนไม่คิดเบียดเบียนแล้ว ความเดือดร้อนก็จะมีเป็นไฉน ความเบียดเบียนอันนี้แสดงโดยข้อเค้าสำเนาความ ก็เพียงตนของตน กับบุคคลอื่น สองคนเท่านั้นในโลก
โลก คือ หมู่สัตว์ โอกาสโลก ขันธโลก
โอกาสโลก ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ นี้เรียกว่า โอกาสโลก
ขันธโลก รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
สัตว์โลกที่ไปเกิดมาเกิดอาศัยขันธ์ทั้ง ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ขันธ์ทั้ง ๕ ก็อาศัยโอกาสโลก ดิน น้ำ ไฟ ลม วิญญาณ อากาศ อาศัยอย่างนี้ นี้เมื่อมีขึ้นเป็นขึ้นในโลกแล้ว เกิดเบียดเบียนซึ่งกันและกัน

หมู่มนุษย์ใดในสากลโลก ในประเทศใดหมดทั้งประเทศ ประเทศใดไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ประเทศนั้นได้รับความสุขแน่แท้

ประเทศใดเบียดเบียนในกันและกันเข้า ในสองประเทศนั้นที่เบียดเบียนซึ่งกันและกันเป็นทุกข์แน่

Jan 12, 202442:27
นิพพาน พระนิพพาน อายตนนิพพาน

นิพพาน พระนิพพาน อายตนนิพพาน

อายตนนิพพานนั้น เมื่อธรรมกายของพระพุทธเจ้ายังไม่ได้เข้าไปมีอยู่ไหมละ มีอยู่เรียกว่า อายตนนิพพาน บาลีบริหารตำรับตำราไว้ว่า อตฺถิภิกฺขเว ตทายตนํ… ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นิพพานเป็นอายตนะมีอยู่อันหนึ่ง แต่ว่า พระ พุทธเจ้ายังไม่ได้เข้านิพพาน พระอรหันต์ยังไม่ได้เข้านิพพาน ก็เป็นอายตนะคอยรองรับอยู่ เหมือนอย่างกับตาของเรามีอยู่ ยังมิเห็นรูป รูป มันยังไม่มาถึง ตายังไม่มาถึงรูป รูปยังไม่ถึงตา ก็ไม่เห็นกัน ก็มีอายตนะอยู่แล้ว อายตนนิพพาน อายตนะคือหู เสียงมันยังไม่มาถึงก็ไม่ได้ยินกัน พอเสียงมาถึงก็ได้ยินกัน เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ มีอายตนะเครื่องรับทั้งนั้น นี่เป็นอายตนะของโลกเขา อายตนนิพพานเป็นของละเอียด ละเอียดทีเดียว นั่นแหละ นิพพานที่พระพุทธเจ้าเข้าถึง ที่เรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ เข้าไปแล้วไม่กลับมานั่นแหละ นิพพานนั่นแหละได้ชื่อว่าเป็นอายตนะ อยู่อันหนึ่งเรียกว่า นิพพาน เฉยๆ ไม่เรียกว่า พระนิพพาน ธรรมกาย ของพระสีธาตุราชกุมาร เข้าไปอยู่ในนิพพานนั้น เรียกว่า พระนิพพาน ธรรมกายนั่นเรียกว่า พระนิพพาน แต่ว่า นิพพานที่ยังเป็นเครื่องรองรับนั้น เรียกว่า อายตนนิพพาน หรือเรียกว่า นิพพาน เฉยๆ พระนิพพาน คือ พระเข้านิพพาน ให้รู้จักหลักอย่างนี้นะ

Dec 22, 202302:56
นิพพานแยกออกเป็น ๒

นิพพานแยกออกเป็น ๒

นิพพานแยกออกเป็นสอง สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

นิพพานแยกออกเป็นสอง สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ เหมือนพระพุทธเจ้า ได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่ว่า ขันธปัญจก ยังปรากฏอยู่ สั่งสอนเวไนยสัตว์อยู่ ๔๕ ปี ในระหว่างนั้นเป็นสอุปาทิเสสนิพพานธาตุทั้งนั้น เป็นสอุปาทิเสสนิพพาน

ส่วน อนุปาทิเสสนิพพานละ เมื่อพระพุทธเจ้าครบอายุ ๘๐ พรรษาแล้ว ที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน เดินสมาบัติทีเดียว ถึงกำหนดแล้วเข้าปรินิพพาน เดินสมาบัติ ปฐมฌาน…รูปฌาน…อรูปฌาน เดินถอยไปถอยมา นับครั้งนับหนไม่ถ้วน เมื่อสมควร ธรรมกายของท่านละเอียด สมควรแล้วก็ตกศูนย์มุบ พอตกศูนย์มุบ อายตนิพพานดึงดูดแล้ว เดี๋ยวโน่นธรรมกายของพระพุทธเจ้าที่ได้ตรัสรู้ธรรม หาย ไปอยู่ในนิพพาน ศูนย์นั่นเข้าถึงกำเนิดนิพพาน กำเนิดนิพพานในกำเนิดนั้นมีว่าง ศูนย์เข้าไปตกอยู่ในนั้น กลับเป็นธรรมกายใหญ่มโหฬาร หน้าตัก ๒๐ วา สูง ๒๐ วา เกตุดอกบัวตูมใส จะว่าเป็นธรรมกายที่โปรดสัตว์อยู่นี่หรือ ที่ไปนิพพานนั่นนะที่เข้านิพพานไปแล้ว นิพพานอยู่ข้างบน สูงจากภพสามนี่ขึ้นไปสามเท่าภพสาม โตเท่ากันกับภพสามนี่ สว่างเป็นแก้วไปหมดทั้งนั้น งดงาม โตเท่ากับภพสามนี่ แต่ว่า ตรงกลางนิพพานนะมีกำเนิด กำเนิดเหมือนกับกำเนิดของมนุษย์ ที่เดินสมาบัติเข้าไป เข้าไปถึงกายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด รูปพรหม รูปพรหมละเอียด อรูปพรหม อรูปพรหมละเอียด เป็นชั้นๆเข้าไป

นั่นมี อายตนะ ทั้งนั้น มีอายตนะรองรับเป็นขั้นๆๆ เข้าไป จนกระทั่งถึงอรูปพรหมถึงธรรมกาย ธรรมกายก็มีอายตนะรองรับเป็นชั้นๆๆไป จนกระทั่งถึงธรรมกายละเอียด โสดา โสดาละเอียด สกทาคา สกทาคาละเอียด อนาคา อนาคาละเอียด มีอายตนะรองรับเป็นชั้นๆขึ้นไปทั้งนั้น มีอายตนะรองรับทั้งนั้นเป็นขั้นๆขึ้นไป ถึงธรรมกายอรหัตต์ อรหัตต์ละเอียดนั่นแหละ ในอาตนะของพระอรหัตต์ นั่นแหละ บริสุทธิ์ฉันใด นิพพานบริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้น เป็นอายตนะอย่างนั้นพอไปถึงนิพพานก็เป็นธรรมกาย ธรรมกายที่เข้านิพพานไปนะ ธรรมกายองค์นี้ใช่ไหม ธรรมกายตกศูนย์แล้ว ดับไปแล้ว ตรงศูนย์นั้น ตกถึงศูนย์อายตนนิพพานก็กลับเป็ยธรรมกายใหญ่ยี่สิบวา สูงยี่สิบวา เกตุดอกบัวตูมใสนั่น จะเป็นธรรมกายใหม่ ไม่ใช่ธรรมกายเก่าหรือ ก็ถูก เป็นธรรมกายใหม่หรือ ก็ถูก ไม่ผิด ก็เอาธรรมกายเก่าไปไว้ที่ไหนเล่า ธรรมกายเก่าตกศูนย์เสียแล้ว ดับเสียแล้ว ตกศูนย์ดับธรรมกายเสียแล้ว กลับเป็นธรรมกายอีก ละเอียดกว่า สวยกว่าธรรมกายเก่านับเท่าไม่ถ้วน นั่นนิพพานอยู่โน่นนั่นเรียกว่า เมื่อพระพุทธเจ้าถึงอายตนนิพพานนั่นแล้ว อยู่ในนิพพานแล้วขณะใด ขณะนั้นเรียกว่า อนุปาทิเสสนิพพาน เข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพานเสียแล้ว ไม่ใช่สอุปาทิเสสนิพพานเป็นอนุปาทิเสสนิพพานทีเดียว เข้าไปอยู่ในอายตนนิพพานนั้น

Dec 20, 202305:27
นิพพานอยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจหรืออย่างไรกัน

นิพพานอยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจหรืออย่างไรกัน

นิพพานนะอยู่อย่างไรกัน อยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจ คำว่านิพพานนะ นิกฺขนฺตํ นิพฺพานํ ใจของเราออกจากกิเลสเครื่องร้อนได้เป็นตัวนิพพาน นี่นิพพานไม่อยู่กับใจเสียแล้ว ใจออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดไปเสียแล้ว ใจออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดไป ตัวใจที่ออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดนั่นหรือตัวนิพพาน กิเลสเข้าไปเย็บร้อยอยู่นั่น หลุดออกเสียจากกิเลส ขาดออกไปเสียจากกิเลส นั่นหรือเป็นตัวนิพพาน นั่นเป็นตัวออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัด เมื่อออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดแล้ว จึงจะไปสู่นิพพานอีกครั้งหนึ่ง

Dec 18, 202301:45
เป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ด้วยความอดทน

เป็นพระพุทธเจ้าได้ก็ด้วยความอดทน

ความอดทนติดอยู่กับขอบนิพพาน ความ อดทนอันนี้แหละ ถ้าพระพุทธเจ้าไม่มีละก็ ไม่มีในพระโพธิสัตว์เจ้าสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้าไม่ได้ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ก็เป็นด้วยความอดทน นี่จะไปนิพพานได้ก็ไปด้วยความอดทนนี้ ถ้าอดทนไม่มีไปนิพพานไม่ได้ ขันตินี่แหละเป็นตัวสำคัญนะ จะเป็นภิกษุ สามเณรที่ดีได้ก็ด้วยขันตินี่แหละ จะเป็นอุบาสกอุบาสิกาที่ดีได้ในธรรมวินัยของพระศาสดาก็ด้วยขันติความอดทนนี่แหละ รักษาเข้าไว้เถิด เลิศล้นพ้นประมาณทีเดียว เมื่อรักษาเอาไว้ได้แล้ว นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงรับสั่งว่า เป็นนิพพานอย่างยิ่ง ว่านิพพานนั่นแหละเป็นอย่างยิ่งทีเดียว นี่แหละขันตินี่เป็นตัวนิพพานหละ อดทนไม่ได้ไปนิพพานไม่ได้ อดทนได้ไปนิพพานได้

Dec 17, 202302:05
อดทนคืออดใจ

อดทนคืออดใจ

พระพุทธเจ้าเป็นตำรับตำราเป็นประมุขของเรา เราต้องตั้งใจแบบเดียวกับพระพุทธเจ้า ท่านตั้งอย่างไรท่านสอนอย่างไร ท่านทำอย่างไร ท่านก็สอนว่า ท่านสอนพวกเราให้อดใจ ให้อดทน คืออดใจ อดใจเวลาความโลภหรืออภิชฌาเกิดขึ้น หยุดนิ่งเสีย รู้นี่รสชาติอภิชฌา อยากจะได้สมบัติของคนอื่น เป็นของๆตน อยากกว้างขวางใหญ่โต ไปข้างหน้า ต้องหยุดเสีย อดทนหรืออดใจเสีย ประเดี๋ยวก็ดับไป อ้ายความอยากนั้นดับไป ดับไปด้วยอะไร ด้วยความอดทน คืออดใจนั่นแหละ ความโกรธ ประทุษร้ายเกิดขึ้น นิ่งเสีย อดเสียไม่ให้หลุดออกมาได้ ให้ อยู่ในใจของตัวเอง ไม่ให้คนได้ยิน ไม่ให้คนอื่นรู้กิริยาท่าทางทีเดียว ไม่แสดงกิริยามรรยาทให้ทะเลิกทะลัก แปลกประหลาด อย่างผีเข้าสิงทีเดียว ไม่รู้ทีเดียว นิ่งเสียกะเดี๋ยวหนึ่ง ความโกรธ ประทุษร้ายหายไป ดับไป พยาบาทนั้นหายไป มิจฉาทิฏฐิเกิดขึ้น มิจฉาทิฏฐินั้นแปลว่าเห็นผิดละ รู้อะไรไม่จริงสักอย่าง เลอะๆเทอะๆเกิดขึ้น หยุดเสีย ไม่ช้าเท่าไรกะเดี๋ยวดับไป
นั่นแหละความโลภเกิดขึ้น อภิชฌาเกิดขึ้นให้ดับไปได้ อภิชฌาเกิดขึ้นชั่วขณะ อดเสียให้ดับไปได้ ฆ่าอภิชฌาตายครั้งหนึ่ง นั่นเป็นนิพพานปัจจัยเชียว จะถึงพระนิพพานโดยตรงทีเดียว ความพยาบาทเกิดขึ้น ให้ดับลงไปเสียได้ ไม่ให้ออก ไม่ให้ทะลุลวงออกมาทางกายทางวาจา ให้ ดับไปเสียทางใจนั่นดับไป

Dec 17, 202303:13
พยาบาท หมายมาดให้เขาถึงความวิบัติพลัดพราก

พยาบาท หมายมาดให้เขาถึงความวิบัติพลัดพราก

ถ้าดีกว่าตัว เกินตัว ก็ให้วิบัติพลัดพรากไปเสีย โดยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ด้วยเหลี่ยมโกงอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นจากความพยาบาท พยาบาทเข้าแทรกแซงคอยป้องกันไว้ ไม่ให้เขาสูงกว่าเราได้ ขออย่าให้คนอื่นถูกล๊อตเตอรี่เบอร์หนึ่งเสีย ให้เราถูกคนเดียวเถอะ นั่นแน่พยาบาท พออยากจะได้สมบัติก้อนใหญ่ก็เข้าป้องกันสมบัตินั้นทีเดียว คนอื่นอย่าให้ถูก ให้ถูกเราคนเดียว นั่นแน่ นี่พยาบาทให้คนอื่นตกจากสมบัติเสีย ให้ถึงความวิบัติพลัดพรากเสีย

Dec 17, 202301:38
อภิชฌา ความเพ่งอยากได้สมบัติของคนอื่นมาเป็นสมบัติของตัว

อภิชฌา ความเพ่งอยากได้สมบัติของคนอื่นมาเป็นสมบัติของตัว

อภิชฌา เพ่ง อภิชฌา คือความเพ่งอยากได้สมบัติของบคนอื่นมาเป็นสมบัติของตัว โดยเราเพ่งว่าขอให้ถูกล๊อตเตอรี่ให้รวยสักทีเถอะ ให้ถูกล๊อตเตอรี่สักทีเราจะรวยยกใหญ่หละ นี่เพ่งอยากได้สมบัติของคนอื่นมาเป็นของตัวอย่างนี้ นี่ก็เป็นอภิชฌาเหมือนกัน เพ่งอยากได้สมบัติก้อนใหญ่มาเป็นของตัว ได้มาลอยๆ ด้วยนี่แหละอภิชฌาแท้ๆ เชียว ไม่ให้ใครหละ

อภิชฌาอยากได้สมบัติของคนอื่น อยากได้อะไร ทำสวนใกล้กันก็คิดจะรุกรานนาเจ้า ค้าขายใกล้กันก็คิดจะเขม็ดแขม่ให้วงของเจ้าแคบเข้ามา ให้วงของเรากว้างออกไป ท่วมทับเข้าเสีย ค้าขายรุกกันอย่างนี้หนา ไม่ใช่รุกกันพอดีพอร้าย ทำนาค้าขายรุกกันอย่างนี้ ข้าราชการก็แก้ไขอีกเหมือนกัน ให้เราสูงขึ้น ให้เขาต่ำลง ให้เราดีกว่าเขาไว้ นี่พวกอภิชฌา

Dec 17, 202302:21
📚 กัณฑ์ที่ ๔๖ โอวาทปาฏิโมกข์

📚 กัณฑ์ที่ ๔๖ โอวาทปาฏิโมกข์

ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงธรรมิกถา ซึ่งมีมาใน โอวาทปาฏิโมกข์ บ้าง ในที่อื่นๆ บ้าง มาหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่มาในโอวาทปาฏิโมกขคาถานั้น พระศาสดายกข้อสำคัญของพระพุทธศาสนาขึ้นประกาศแก่พระภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป ซึ่งเป็นปุราณกชฎิล ท่านเหล่านั้นที่จะประกาศพระศาสนาสืบต่อไป พระจอมไตรยกข้อสำคัญขึ้นให้ท่านที่มาประชุมนั้นเข้าเนื้อเข้าใจชัดเจน ว่าทางปฏิบัติหลีกลัดโดยตรงแต่คนละคน ไม่เชือนแชผิดทางไปได้ พระจอมไตรรับสั่งด้วยพระองค์เองว่า ขนฺตี ปรมํ ความอดทน ขันติ อันว่าความอดทน ตีติกฺขา กล่าวคือความอดใจ อดทนคืออดใจนั่นเอง ตโป เป็นความเพียร เครื่องแผดเผา ปรมํ อย่างยิ่ง ความอดทนคืออดใจเป็นความแผดเผาอย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา พระ พุทธเจ้าทรงรับสั่งความอดทนนั้นว่าเป็นเครื่องดับ ไม่มีเครื่องดับอื่นยิ่งไปกว่าเป็นเครื่องดับอย่างยิ่ง ว่าความอดทนนั้นเป็นเครื่องดับอย่างยิ่งความอดทนนั้นเป็นนิพพานอย่างยิ่ง บาทที่หนึ่งและบาทที่สองรวมกันเข้าได้ความชัดอย่างนี้ น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี การเข้าไปฆ่าซึ่งสัตว์อื่น การเข้าไปฆ่าผู้อื่นสัตว์อื่น เรียกว่าเป็นบรรพชิตไม่ได้ หาเป็นบรรพชิตได้ไม่ สมโณ โหติ ปรํ วิเหฐยนฺโต การเบียดเบียนสัตว์อื่น จะชื่อว่าเป็นสมณะก็ไม่ได้เหมือนกัน ถ้าเป็นบรรพชิตแล้วไม่เข้าไปฆ่าสัตว์อื่น ถ้าเป็นสมณะแล้วไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น จึงเป็นบรรพชิตได้ เป็นสมณะได้ ถ้ายังเบียดเบียนยังฆ่าสัตว์อื่นอยู่ เป็นบรรพชิตไม่ได้ เป็นสมณะไม่ได้ พวกเราเหล่านักบวชเป็นภิกษุสามเณร เป็นอุบาสกอุบาสิกา ก็เว้นขาดแล้วจากการเข้าไปฆ่า หรือการเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นไม่มีแก่เราแล้ว จึงเป็นนักบวชได้ เป็นสมณะได้ ถ้าว่ายังมีข้าไปฆ่า เข้าไปเบียดเบียนอยู่ เป็นนักบวชเป็นสมณะไม่ได้ นี่ต้องจำเป็นตำรับตำราทีเดียว ข้อตายตัวทีเดียว ข้อสั้นที่สุดว่ายที่สุด ฟังแล้วไม่มีพิรุธละ เอาเป็นข้อวัตรปฏิบัติได้ทีเดียว

Dec 17, 202345:37
ดวงจิตและดวงใจต่างกันอย่างไร รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร จิตนั่นอยู่ที่ไหน

ดวงจิตและดวงใจต่างกันอย่างไร รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร จิตนั่นอยู่ที่ไหน

ต่อไปนี้จะอรรถาธิบายขยายความในเรื่อง จิต จิตนั่นอยู่ที่ไหน รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร คำที่เรียกว่า “จิต” นั่น ๑ ใน ๔ ของใจ ดวงวิญญาณ เท่าดวงตาดำข้างในดวงจิต เท่าดวงตาดำข้างนอก เห็นชัดอยู่อย่างนี้แล้วก็ ดวงจำ ก็โตไปอีกหน่อย อยู่ในเบาะน้ำเลี้ยงหัวใจ ดวงเห็น อยู่ในกลางกาย โตไปอีกหน่อย ดวงเห็นอยู่ข้างนอก มันซ้อนกันอยู่

ดวงเห็นอยู่ข้างนอก ดวงจำอยู่ข้างใน อยู่ข้างในดวงเห็น ดวงคิดอยู่ข้างในดวงจำ ดวงรู้อยู่ข้างในดวงคิด ดวงรู้ เท่าตาดำข้างใน นั่นแหละเขาเรียกว่าดวงวิญญาณ เท่าดวงตาดำข้างในเขาเรียกว่าดวงวิญญาณ เท่าดวงตาดำข้างนอกนั้นเขาเรียกว่า ดวงจิต หรือ ดวงคิด โตออกไปกว่านั้น โตออกไปกว่าดวงจิต เท่าดวงตานั่นแหละ นั่นเขาเรียกว่า ดวงใจ หรือ ดวงจำ โตกว่านั้นอีกหน่อย เท่ากระบอกตานั่นแหละเขาเรียกว่า ดวงเห็น ดวงเห็นนั้นคือดวงกายทีเดียว ๔ ดวงนั้นมีเท่านี้แหละ

Nov 30, 202302:17
📚 กัณฑ์ที่ ๔๕ มหาสติปัฏฐานสูตร อธิบาย กาย เวทนา จิต ธรรม

📚 กัณฑ์ที่ ๔๕ มหาสติปัฏฐานสูตร อธิบาย กาย เวทนา จิต ธรรม

ณ บัดนี้ อาตมภาพจักแสดงใน มหาสติปัฏฐานสูตร ที่แสดงไปแล้วนั้น โดยอุเทศทวาร ปฏิเทศทวาร แสดงในมหาสติปัฏฐานสูตร เป็นอุเทศทวารนั้น ตามวาระพระบาลีว่า เอ กายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย แค่นี้ จบอุเทศทวารของมหาสติปัฏฐานสูตร แปลภาษาบาลีว่า เอกายโน อยํ ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อยํ มคฺโค อันว่าหนทางนี้ เอกายโน เป็นเอก เอกายโน อยํ ภิกฺขเว หนทางนี้เป็น หนทางเอก ไม่มี ๒ แพร่ง เป็นหนทางเดียวแท้ๆ หนทางหนึ่งแท้ๆ เอกนะ คือหนึ่ง เอโก ทฺวิ ติ จตุปญฺจ เหล่านี้ เอโก เขาแปลว่า หนึ่ง หนทางนี้เป็นหนึ่งไม่มีสองต่อไป สตฺตานํ วิสุทฺธิยา ความหมดจดวิเศษของสัตว์ทั้งหลาย โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย เพื่อความล่วงเสียซึ่งโศก ความแห้งใจ ความปริเทวะ ความพิไรรำพันเพ้อ ทุกฺขโมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย เพื่ออัสดงคต หมดไปแห่งเหล่าทุกข์โทมนัส ญายสฺสอธิคมาย เพื่อบรรลุซึ่งญาณ นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย เพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน นี่แสดงดังนี้เพียงเท่านี้ เรียกว่า อุเทศทวาร จักได้แสดงเป็นปฏินิเทศทวารสืบต่อไป

Nov 04, 202342:14
ให้นับหนึ่งต่อแต่นี้ไป เราจะต้องถึงที่สุดให้ได้

ให้นับหนึ่งต่อแต่นี้ไป เราจะต้องถึงที่สุดให้ได้

ให้หนึ่งไว้ในใจว่าต่อแต่นี้ไป เราจะต้องเข้าถึงที่สุด เข้าไปในกายที่สุดของเราให้ ได้เป็นกายๆ เข้าไป เมื่อเป็นกายๆ เข้าไปแล้ว ถ้าว่าทำเป็นแล้วไม่ใช่เดินท่านี้นะ เดินในไส้ทั้งนั้น เดินในไส้ทั้งนั้น ไส้เห็น ไส้จำ ไส้คิด ไส้รู้ ในกำเนิดของดวงธรรมที่ทำให้เป็นสุดหยาบสุดละเอียด เถา ชุด ชั้น ตอน ภาค พืด เดินไส้ทั้งนั้น เดินไส้ไม่ใช่เดิน ท่าอื่น เดินในกลางดวงปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา เดินไปในกลางดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ นั้นเป็นทางเดินของพุทธเจ้าพระอรหันต์ เดินไปในไส้ ไม่ใช่เดิน ไปในไส้เพียงเท่านั้น ในกลางว่างของดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ว่างในว่างเข้าไป ในเหตุว่าง เหตุเปล่า เหตุดับ เหตุลับ เหตุหาย เหตุสูญ เหตุสิ้นเชื่อ ไม่เหลือเศษ หล่อเลี้ยง เป็นอยู่ ปราสาท รส ชาติ ไอ แก๊ส แก๊สกรด หนักเข้าไป เหตุสุด เหตุหมด ในแก๊สกรด หนักเข้าไปอีก ไม่ถอย กลับ นับอสงไขยไม่ถ้วน นับอายุธาตุอายุบารมีไม่ถ้วน ไม่มีถอยกลับกัน เดินเข้าไป อย่างนี้นะ

พระพุทธเจ้าพระอรหันต์นะ ไม่ใช่เดินโลเลเหลวไหลนะ ที่เรากราบเราไหว้เรา นับถือน่ะ ท่านวิเศษวิโสอย่างนี้ นี่แหละเป็นผู้วิเศษแท้ๆ นี่แหละเป็นที่พึ่งของสัตว์โลก แท้ๆ ท่านเป็นผู้รู้จริง เห็นจริง ได้จริง เราจึงเอาเป็นตำรับตำราได้ เมื่อรู้จักหลักธรรมอัน นี้แล้ว อย่าเข้าใจว่าได้ฟังง่ายๆ นะ ตั้งแต่เราเกิดมาเป็น ภิกษุ สามเณร อุบาสกอุบาสิกาน่ะ อย่างนี้ไม่เคยได้ฟังเลยไม่ใช่หรือ ถ้าไม่เคยได้ฟัง ได้ฟังแล้วจำเอาไว้ ทำให้เป็นเหมือน อย่างแสดงนี้ทุกสิ่งทุกประการ ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพุทธศาสนา

Oct 21, 202303:50
เรื่องของพญามารทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของตัว

เรื่องของพญามารทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของตัว

นี่เจอพุทธศาสนานี่แหละ เป้าหมายใจดำ อย่าไปทำแง่อื่น อย่าไปหลงเล่อ อย่า ไปหลงเลอะเทอะไหลเล่อ เอ้า! ต่างว่ามีครอบครัวละ แล้วได้อะไรบ้างล่ะ ลูกคนหนึ่ง แล้วเอามาทำไมล่ะ เอามาเลี้ยง ได้ ๑๐ คนเอ้า เอ้าไว้เลี้ยงไปยังไงก็เลี้ยงไป บ่นโอ๊ก แล้วพอได้ ๑๐ คน เอ้าได้ ๕๐ คน เอ้า! เอาล่ะสิคราวนี้ลงเปะปะล่ะสิ เอ้าอยากได้ลูก ใช่ไหมล่ะ ไม่จริง เหลว โกงตัวเอง โกงตัวเอง พาให้เลอะเลือนซะ ไม่เข้าไปค้นกาย ของตัวให้ถึงที่สุด ไม่ให้ตรวจตัวถึงที่สุด เป็นมนุษย์กับเขาทั้งที เพราะเชื่อกิเลสเหลวไหล เหล่านี้แหละพาให้เลอะเลือน จะครองเรือนไปสักกี่ร้อยปีก็ครองไปเถิด งานเรื่องของคน อื่นเขาทั้งนั้น เรื่องของพญามารทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของตัว ไม่ใช่งานของตัว ไปทำงาน ให้พญามารเขาทั้งวันทั้งคืน เอาเรื่องอะไรไม่ได้

เพราะอะไรล่ะ เพราะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เกิดมาพบอย่างไงก็ไปอย่างนั้นแหละ เพราะไม่ได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ นี่ไม่ได้ฝึกใจในธรรมพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ฝึกฝนใจของสัตบุรุษ ความเห็นก็พิรุธเหลวไหล ไปดังนี้ เมื่อรู้จักหลักอันนี้แล้ว นี่แหละ เป็นความจริงทางพระพุทธศาสนาตัวจริงทีเดียว นี่เป็นข้อที่ลึกซึ้ง

Oct 19, 202303:12
ถ้าใครยังไม่ถึงที่สุดก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่

ถ้าใครยังไม่ถึงที่สุดก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่

ผู้เทศน์นี้ได้ทำวิชชานี้ ๒๓ ปี วันออกพรรษานี้ก็ ๓ เดือนเต็มละ ยังไม่หมด กายละเอียดเหล่านี้เลย ไม่ได้ถอยกลับเลย ยังไม่หมดกายละเอียดเหล่านี้เลย ยังไม่ ถึงที่สุด ไปทูลถามพระพุทธเจ้าองค์เก่าองค์แก่ที่เข้านิโรธเข้านิพพาน นิพพานไปแล้ว ถอยเข้าไปหากายละเอียดนี้น่ะ ไปถึงมั่งแล้วรึยัง แล้วไม่มีใครรู้เลยว่าไปถึงหรือไม่มีใคร ไปถึง เอาละซิคราวนี้ นี่ศาสนา ตัวจริงของกายมนุษย์เป็นอย่างนี้ เมื่อเป็นพระอรหันต์ ขึ้นก็ต้องไปตรวจของตัว เข้านิพพานแล้วต้องไปตรวจของตัว เมื่อเป็นพระพุทธเจ้าขึ้น แล้ว เข้านิพพานก็ต้องไปตรวจกายของตัวอย่างนี้แหละ ว่าที่สุดอยู่ที่ไหน ต้องไปที่สุด ให้ได้ ไปบอกที่สุดให้ได้ นี่ความจริงเป็นอย่างนี้

เมื่อรู้จักความจริงอย่างนี้แล้วละก็ อย่าไหลเล่อ อย่าเลอะเทอะ ที่อื่นไม่ใช่ของตัว ให้เอาใจจรดอยู่ในของตัวนี้อย่าถอยกลับ ให้เข้าไปถึงกายที่สุดให้ได้ ว่ากายที่สุดของตัวอยู่ที่ไหน เมื่อไปถึงที่สุดของตัวได้ละ คราวนี้ตัวก็รักษาตัวได้ ไม่มีใครมาเป็นอิสระ ไม่มีใครมาบังคับบัญชา ถ้าว่ายังไม่ถึงที่สุดของตัวแล้วละก็อย่าหมายเลย เขาจะต้องบังคับบัญชาแกท่า เดียวเท่านั้นแหละ แกจะต้องเป็นบ่าวเป็นทาสเขา เวลานี้พญามารเขาบังคับ ใช้เป็น บ่าวเป็นทาส ให้ทำอะไรทำได้ ให้ด่า ให้ตี ให้ชก ให้ฆ่า ให้ฟันกันได้ มารบังคับ บังคับ ได้อย่างนี้นะ ให้เป็นบ่าวเป็นทาสเขา ให้เลวทรามต่ำช้า ให้เป็นคนจนอนาถา ติดขัด ทุกสิ่งทุกอย่าง เครื่องกินเครื่องใช้ขาดตกบกพร่อง เครื่องกันเครื่องใช้มากมีมูลมอง เครื่องใช้เครื่องสอยก็มี ทำได้ มารเขาทำได้ บังคับได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะตัวไม่เป็น อิสระในตัว เพราะตัวไม่เป็นใหญ่ในตัว เพราะตัวไม่รู้จักที่สุดของตัว

นี่มนุษย์โง่ขนาดนี้เห็นไหมล่ะ ไม่ใช่มนุษย์โง่เท่านั้น พระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ท่านก็ไปยังไม่ถึงที่สุดเหมือนกัน ถ้าใครไปยังไม่ถึงที่สุดก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่ ต่อเมื่อใด ไปถึงที่สุดกายของตัวไม่มีสุดต่อไปแล้ว นั่น ฉลาดเต็มที่แล้ว ตัวของตัวเองเป็นที่พึ่งแก่ ตัวได้แล้ว นี่เป็นข้อสำคัญอย่างนี้นะ

Oct 17, 202304:13
จะความดีใจ จะความเสียใจ จะความดีใจ จะความเสียใจ

จะความดีใจ จะความเสียใจ จะความดีใจ จะความเสียใจ

ความดีใจเสียใจนี้ร้ายนัก ไม่ใช่ร้ายแต่เมื่อเวลาปฏิบัติธรรมะ เห็นธรรมะ อย่างนี้นะ งนี้นะ ถึงเวลาเราดีๆ อยู่ ไอ้ความดีใจเสียใจนี่แหละ ตีอกชกใจล่ะ กินยาตาย ผูกคอตาย โดดน้ำตายล่ะ ดีใจเสียใจนี้ล่ะมันเต็มขีดเต็มส่วน ของมันเข้า บังคับอย่างนี้ เพราะฉะนั้น ความ ดีใจเสียใจนี่เป็นมารร้ายทีเดียว ถ้าว่าใครให้เข้าไปอยู่ในใจบ่อยๆละก็หน้าดำคร่ำเครียดสี ร่างกายไม่สดชื่นสิ ไม่เศร้าหมองไม่ผ่องใสหรอก เพราะอะไร เพราะมันดีใจเสียใจ มันบังคับใจ มันเดือดร้อนมันหน้าดำคร่ำเครียดทีเดียว บางคนไม่อ้วนทีเดียว ผอม ผอม กริวทีเดียว ไอ้นี่มันเอาความดีใจเสียใจหมกอยู่ทุกวันไม่ปล่อยมันออกไป

ถ้าว่าทำใจให้สบายให้ชื่นมื่น ให้เย็นอกเย็นใจสบายใจ จะมั่งมีดีจนอะไรก็ช่าง ทำใจเบิกบานไว้ ทำใจสบายไว้ ร่างกายมันก็ชุ่มชื่นสบาย นี่ไอ้ดีใจเสียใจมันฆ่ากาย มนุษย์อย่างนี้ กายมนุษย์ละเอียดก็ฆ่า กายทิพย์ก็ฆ่า กายทิพย์ละเอียดก็ฆ่า ฆ่าทั้งนั้น ทุกกาย ดีใจเสียใจน่ะคอยระวังไว้ ท่านถึงได้สอนนักว่า นำความดีใจและเสียใจในโลก เสียให้พินาศ ดีใจเสียใจในโลกเลยนะ ดีใจเสียใจในอัตภาพร่างกาย

Oct 15, 202302:53
เห็นจิตในจิต เห็นอย่างไร

เห็นจิตในจิต เห็นอย่างไร

เห็นจิตในจิตล่ะ ดวงจิตตามส่วนของมัน ก็เท่าดวงตาดำข้างนอก ถ้าว่าไปเห็น เข้ารูปนั้นมันขยายส่วน วัดเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์เหมือนกัน ดวงจิตก็ขนาดเดียวกัน ไปเห็นจริงๆ เข้าเช่นนั้นขยายส่วนเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ดวงจิตปรากฏอยู่ในดวงจิต กายมนุษย์หยาบนี่แหละ แต่ว่าเป็นดวงจิตของกายมนุษย์ละเอียด อยู่ในกายมนุษย์ ละเอียดโน่น แต่ว่าซ้อนอยู่ข้างในนี่แหละ

Oct 12, 202302:44
เห็นเวทนาในเวทนา เห็นอย่างไร

เห็นเวทนาในเวทนา เห็นอย่างไร

เห็นเวทนาในเวทนา ล่ะ ก็ตัวมนุษย์คนนี้มีเวทนาอย่างไรบ้าง สุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เวทนาเป็นอย่างนั้นมิใช่หรือ ก็ส่วนกายที่ฝันออกไปนั้นก็มีสุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เหมือนกันแบบเดียวกันกับกายมนุษย์คนนี้แหละ ไม่ต่างอะไรกันเลย

Oct 10, 202302:09
กายเวทนาจิตธรรม เห็นกายในกาย เห็นอย่างไร

กายเวทนาจิตธรรม เห็นกายในกาย เห็นอย่างไร

เห็นกายในกาย น่ะเห็นอย่างไร บัดนี้กายมนุษย์ที่ปรากฏอยู่ นั่งเทศน์อยู่นี่ นั่งฟังเทศน์อยู่นี่ นี่กายมนุษย์แท้ๆ แต่ว่ากายมนุษย์นี่แหละเวลานอนหลับฝันไปก็ได้ พอฝันออกไปอีกกายหนึ่ง เขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด นี่รู้จักกันทุกคนเชียวกายนี้ เพราะเคยนอนฝันทุกคน รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร เป็นเหมือนมนุษย์คนนี้แหละ คนที่ฝันนี่แหละ นุ่งห่มอย่างไร อากัปกิริยาเป็นอย่างไร สูงต่ำอย่างไร ข้าวของเป็นอย่างไร ก็ปรากฏเป็นอย่างนั้น ก็ปรากฏเป็นคนนี้แหละแบบเดียวกันทีเดียว คนเดียวกันก็ว่าได้ แต่ว่าเป็นคนละคน เขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด เวลานอนหลับสนิทถูกส่วนเข้าแล้ว ก็ฝันออกไป ออกไปอีกคนหนึ่งก็เป็นกายมนุษย์คนนี้แหละ รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างนี้แหละ ถึงได้ชื่อว่าเป็นกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์คนที่ฝันออกไปนั่นแหละเขาเรียกว่า กายมนุษย์ในกายมนุษย์ นี่แหละกายในกาย แหละ เห็นจริงๆ อย่างนี้ ไม่ใช่เห็นตามเหลวไหล เห็นอย่างนี้ก็เป็นหลักเป็นพยานได้ทุกคน เพราะเคยนอนฝันทุกคน นี่เห็นในกายเห็นอย่างนี้นะ เมื่อเห็นกายในกายอย่างนี้แล้ว

Oct 08, 202302:45
📚 กัณฑ์ที่ ๔๔ สติปัฏฐานสูตร ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์

📚 กัณฑ์ที่ ๔๔ สติปัฏฐานสูตร ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์

ณ บัดนี้ อาตมาภาพจักได้แสดงธรรมิกถา แก้ด้วยเรื่อง ธรรม ที่ทำให้เป็นธรรมกาย เป็นธรรมที่แน่แท้ในพระพุทธศาสนา จะแสดงตามคลองธรรมของ สติปัฏฐานสูตร ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้เป็นหลักเป็นประธาน มหาสติปัฏฐานสูตรนั้น เป็นโพธิปักขิยธรรม เป็นไปในเรื่องฝ่ายเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เหมือนกันหมด ปรากฏดังนี้ 

Oct 04, 202341:57
ไม่ติดสุขเล็กๆ น้อยๆ ไปหาสุขอันไพบูลย์

ไม่ติดสุขเล็กๆ น้อยๆ ไปหาสุขอันไพบูลย์

ถ้าหากว่าฉลาด รู้จักให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ถ้าแม้ว่ายังไม่ได้สูงขึ้นไปก็จะได้สุขในชั้นจาตุมหาราช ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี ปรนิมมิตวสวัตตี เหล่านี้ มันก็เวียนอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสนั่นแหละ ในกามนั่นเอง มันยังเป็นกาม ไปทางโลกก็สุขนิดหน่อยเท่านี้ ไม่ได้อะไรหละ สุขอยู่ชั่วคราว มนุษย์นี่ก็สุขอยู่ชั่วคราว ประเดี๋ยวเดียว อายุร้อยปีเท่านั้นอย่างมาก หรือน้อยกว่านั้น ก็ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ถ้าเราได้เป็นเทวดาก็สุขตามส่วนขึ้นไป อายุก็ตามส่วนขึ้นไป จะนานหนักเข้า แต่ว่าถึงกระไรก็เถอะ ปรนิมมิตวสวัตตี สุขมากน้อยเท่าใดก็ช่าง สุขประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ไม่มากเท่าใด ไปถึงรูปพรหม ก็สุขเป็นกัลป์ๆ เหมือนกัน เป็นมหากัลป์ถึงอกนิฏฐาภพ ถึงเวหัปผลานั่นแน่ อสัญญีสัตตาโน่น ห้าร้อยมหากัลป์ ถึงห้าร้อยมหากัลป์ก็มีกัลป์มาอีก ก็สุขนิดเดียวอีกเหมือนกัน ไม่จริง หลอกๆ ไม่จริงหรอก สุขในชั้นเนวสัญญานาสัญญา อกนิฏฐาโน่น สุขสูงขึ้นไป สุขสูง ขึ้นไปขนาดนั้นก็ขนาดพันมหากัลป์เท่านั้น ไม่เท่าไรนัก สุขยิ่งขึ้นไป นี่ไม่ใช่สุขในทางนิพพาน มีชั้นสุขสูงสุดอย่างนี้ ถ้าสุขในภพถึง ๘๔๐,๐๐๐ มหากัลป์ในโลก เพราะติดสุขในภพเหล่านี้แหละเรียกว่า ติดสุขน้อยไม่ใช่สุขใหญ่

Oct 01, 202302:55
ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่ได้ฟังธรรม

ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่ได้ฟังธรรม

ถ้าเมื่อมาเจอกายมนุษย์แล้วมาสุขกับกายมนุษย์ มัวงมอยู่แต่รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสนั้นแหละ มันก็ได้เท่านั้นจนแก่ตาย เอาดีไม่ได้เลย สุขแค่นั้นเอง นี่มันสุขน้อยอย่างนี้ เพียงนิดเดียว เพราะอะไร เพราะ รู้ไม่เท่าทันตัวเอง ไม่ฉลาด รู้ไม่เท่าทันตัวเอง ไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่ได้ฝึกฝนใจในทางพระพุทธเจ้าพระอรหันต์ ไม่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ ไม่ได้ฝึกฝนใจในธรรมของสัตบุรุษ ความเห็นจึงพิรุธไปเช่นนั้น

Sep 29, 202301:29
ทานศีลภาวนา เหล่านี้เป็นข้อสำคัญนัก

ทานศีลภาวนา เหล่านี้เป็นข้อสำคัญนัก

ก็เพราะอาศัยผลทานนั่นแหละเป็นข้อสำคัญของทานนะ ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี ถ้าบริจาคทานแล้วมีผลลัพธ์ ทานมโย บุญคือความบริสุทธิ์สำเร็จด้วยทาน ฉกามาวจโร เป็นเหตุให้เกิดในกามาวจร หกชั้น ทานเป็นเหตุให้เกิดในกามาวจรหกชั้น ได้รับความสุขยิ่งใหญ่ไพศาลขึ้นไปเป็นลำดับเพราะทานส่งให้ สีลมโย บุญคือความ บริสุทธิ์แล้วสำเร็จด้วยศีล ศีลสำเร็จแล้วเป็นเหตุให้เกิดในชั้นอกนิฏฐาภพ พรหมชั้นที่สิบหกโน้น ต้องวางหลัก อย่างนี้ ภาวนามโย บุญคือความบริสุทธิ์สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา อมตผโล เป็นผลที่จะให้บรรลุถึงชั้นนิพพาน สำเร็จภาวนาแล้วเป็นผล จะให้มนุษย์ถึงชั้นนิพพาน ทานให้สำเร็จในสวรรค์หกชั้น ศีลให้สำเร็จในพรหมสิบหกชั้น ภาวนาให้สำเร็จนิพพาน ให้สำเร็จผลนิพพานทีเดียว นี่ต้องวางหลักไว้อย่างนี้ เมื่อได้รู้หลักอย่างนี้เป็นข้อสำคัญ ทาน ศีล ภาวนา เหล่านี้ เป็นข้อสำคัญนัก

Sep 27, 202302:26
ถ้าเป็นคนจนเสียแล้ว เราจะทำความดีก็ไม่ได้เต็มที่เต็มส่วน

ถ้าเป็นคนจนเสียแล้ว เราจะทำความดีก็ไม่ได้เต็มที่เต็มส่วน

เมื่อรู้ว่าสุขเช่นนั้นแล้ว ทำอย่างไรต่อไป วิธีจะละตั้งแต่มนุษย์นี่ จะละสุขในมนุษย์หละ เราจะละท่าไหน ต้องแก้ไขวิธีละทีเดียวต้อง ใช้ละด้วยกาย ละด้วยวาจา ละด้วยใจ ต้องใช้ ทาน ศีล ภาวนา เป็นฆราวาสครองเรือนให้หมั่นให้ทาน ให้ละสุขน้อยโดยการบริจาค ทาน ที่ มีสมบัติยิ่งใหญ่ไพศาลในมนุษยโลกดังนี้ ถึงมีพอประมาณหรือมีเล็กน้อยก็ช่าง อุตส่าห์ละเถิด จงให้ทานให้ความสุขในภพนี้ และภพหน้าต่อไปนับภพไม่ถ้วน ให้อุตส่าห์ให้ทาน ทานนี่แหละเป็นข้อสำคัญนัก ท่านยืนยันตามตำรับตำราว่ามนุษย์จะได้รับความสุขในมนุษยโลก ก็เพราะอาศัยการให้ทานกัน ด้วยเหตุนี้ พระโพธิสัตว์เจ้าสร้างบารมีมาเกิดในมนุษยโลกก็ย่อมให้ทานในเบื้องหน้า ท่านเป็นผู้เก็บหอมรอมริบ สนับสนุนอุปถัมภ์ค้ำชูแก่บริวารของ ท่านไม่แพ้ฝ่ายใด ท่านก็อุปถัมภ์ค้ำชูตลอด เพราะท่านเป็นผู้มีสมบัติยิ่งใหญ่ไพศาล ท่านบริจาคทานอย่างนี้ อัตราการให้ทานนี่แหละที่จะส่งเราให้ไปถึงสุขยิ่งใหญ่ไพศาล ถ้าไม่มีทานจะมีสุขอันยิ่งใหญ่ไพศาลไม่ได้ เพราะไม่มีผลทานส่งให้ จะถึงสุขยิ่งใหญ่ไพศาลไม่ได้

Sep 25, 202301:49