หลงไปในประวัติศาสตร์ by หมอเอ้ว ชัชพล

ในตอนที่แล้วเราคุยกันไปว่ายุค Reign of terror หรือยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวได้สิ้นสุดลงเมื่อผู้ชายคนนึงที่ชื่อ รอแบสปีแยร์ (Maximilien Robespierre) ได้ถูกสังหาร

หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็เข้าสู่อีกช่วงที่สำคัญที่มีชื่อเรียกทางการว่า Thermidorian Reaction เราจะมาคุยกันว่าภาพรวมของสังคมในช่วงนี้เป็นอย่างไร สำคัญต่อการปฏิวัติฝรั่งเศสอย่างไรบ้าง ติดตามได้ใน episode นี้

หัวข้อในวันนี้เราจะเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว หรือที่เรียกว่ายุค Reign of terror ในช่วงการปฏิวัติของฝรั่งเศสกันต่อ 

เป็นยุคที่มีช่วงเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดอย่างชัดเจน Reign of terror เริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1793 และสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1794 

เป็นช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อการปฏิวัติหลังจากนี้ไปด้วยเช่นกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามรับฟังได้ใน episode นี้ 

หัวข้อที่เราจะคุยกันในวันนี้เราจะมาดูกันว่าอะไรคือปัจจัยที่มีผลให้การปฏิวัติฝรั่งเศสหันหัวปักลง จนนำไปสู่จุดเริ่มต้นของยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว หรือที่เรียกว่า Reign of terror

ฝรั่งเศสในช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทั้งสงครามระหว่างประเทศ และความซับซ้อนของผู้คนที่เริ่มแตกแยกออกเป็นกลุ่มต่างๆ หลายกลุ่ม

ปัจจัยที่เป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว ที่ชาวฝรั่งเศสลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันมากมายนี้มีเรื่องราวอย่างไรบ้าง ติดตามรับฟังใน episode นี้

เรื่องราวที่เราจะคุยกันในวันนี้เป็นเรื่องของสงครามที่ฝรั่งเศสไปรบกับชาติต่างๆ สงครามที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะรบกันลากยาวไปเรื่อยๆ อย่างน้อยๆ 23 ปี 

สงครามนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ตามมาหลายอย่าง ตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกประหารชีวิต ทิศทางการปฏิวัติเริ่มกลับหัว จนเข้าไปสู่ยุคที่เรียกว่า Reign of Terror ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว ที่ชาวฝรั่งเศสเข่นฆ่ากันมากมาย

รวมไปถึงการขึ้นมาของนายทหารที่แต่เดิมไม่ได้มีชื่อเสียง จนกระทั่งกลายมาเป็นจักรพรรดินโปเลียนอย่างที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ 

สงครามนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ทำไมฝรั่งเศสถึงต้องไปรบกับชาติอื่นๆ ติดตามเรื่องราวได้ใน episode นี้

สำหรับเหตุการณ์ใน episode นี้ เราจะโฟกัสไปที่เรื่องราวการหลบหนีของกษัตริย์ฝรั่งเศสในเวลานั้น ซึ่งก็คือพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ที่พยายามจะหนีออกจากประเทศ

เหตุการณ์นี้เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญ ที่ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของสถาบันกษัตริย์ของฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้

เรื่องราวการหลบหนีของพระเจ้าหลุยส์จะเป็นอย่างไร จะหลบหนีได้สำเร็จหรือไม่ แล้วจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไปในฝรั่งเศส ติดตามรับฟังกันได้ใน episode นี้

ในตอนที่แล้วเราได้เห็นแล้วว่าระบอบศักดินาที่อยู่มาอย่างยาวนานของฝรั่งเศสได้ล่มสลายลงภายในคืนเดียว

ร่างกฤษฎีกาเพื่อสิทธิของประชาชนทุกคนก็ถูกประกาศให้ได้รับรู้โดยทั่วกัน

หลังจากนั้น 2 เดือนต่อมา ก็ได้มีอีก 2 เหตุการณ์สำคัญที่เป็นฉนวนสู่ความรุนแรงที่กำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องราวการปฏิวัติของฝรั่งเศสในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ใน episode นี้

จากตอนที่แล้วที่พูดถึงเหตุการณ์ที่ประชาชนลุกฮือขึ้นมาบุกคุกบาสตีย์

เราได้เริ่มเห็นความรุนแรงของการปฏิวัติที่ก่อตัวขึ้น แต่มันไม่ยังจบที่แค่นั้น ความรุนแรงของการปฏิวัติฝรั่งเศสในครั้งนี้จะค่อยๆ ลุกลามมากขึ้น ขยายตัวมากขึ้น

ใน Episode นี้ เราจะไปติดตามดูเรื่องราวกันต่อว่าอะไรคือเหตุปัจจัยของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในกลุ่มผู้ปฏิวัติกันเอง

การปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่สำคัญของยุโรปและของประวัติศาสตร์โลกเลยก็ว่าได้

จากความหวังของกลุ่มปฏิวัติที่เชื่อว่าการฏิวัติในครั้งนี้จะนำความเป็นอยู่ที่ดีมาสู่สังคมฝรั่งเศส

ช่วงแรกของการปฏิวัติดำเนินไปด้วยดี ดูจะเป็นไปตามที่หวัง

แต่แล้วก็เข้าสู่ยุคสมัยของ Reign of Terror

ในซีรีส์นี้เราจะมาดูว่าจากการปฏิวัติฝรั่งเศสสู่การขึ้นมาของนโปเลียน มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง อะไรทำให้คนลุกขึ้นมาปฏิวัติ แล้วทำไมในเวลามาต่อการปฏิวัติถึงผิดพลาดจนนำไปสู่ยุค Reign of Terror

มาเริ่มต้นด้วยการย้อนกลับไปดูภาพความเป็นอยู่ของคนในสังคมฝรั่งเศสก่อนเกิดการปฏิวัติใน episode นี้กันค่ะ

ในตอนที่แล้ว สถานการณ์ต่างๆ เหมือนจะกำลังผ่านไปด้วยดี

พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 สั่งให้กลุ่มคนที่เหลือเข้าร่วมกับกลุ่มสมัชชา

ประชาชนเริ่มมีความหวัง เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นชัยชนะเล็กๆ ของกลุ่มสมัชชาที่รวมกันขึ้นมาเพื่อเรียกร้องสิทธิให้กับคนทุกกลุ่มของสังคม

แต่ขณะเดียวกัน ปัญหาปากท้องที่ยังแก้ไขไม่ได้ในทันที ราคาขนมปังเริ่มแพงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนยังหิวโหยและเริ่มอดอยากมากขึ้น

จนนำไปสู่เหตุการณ์ในวันที่ 14 กรกฎาคม ณ คุกบาสตีย์

วันนั้นมีความสำคัญยังไง มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ทำไมถึงได้กลายมาเป็นวันชาติของฝรั่งเศส

ติดตามเรื่องราวใน episode นี้

จากปัญหาเศรษฐกิจของฝรั่งเศสที่เข้าขั้นวิกฤต

พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงต้องเรียกเก็บภาษีจาก 2 ฐานันดรที่ไม่เคยถูกเรียกเก็บมาก่อน อย่างกลุ่มนักบวชและชนชั้นขุนนาง

ด้วยอำนาจที่เริ่มอ่อนแอลงของสถาบันกษัตริย์ และการไม่ยินยอมของกลุ่มขุนนางและนักบวชที่ต้องการรักษาอภิสิทธิ์การได้รับยกเว้นเสียภาษีมาโดยตลอด

การประชุมสภาฐานันดรทั้ง 3 กลุ่มของฝรั่งเศสจึงเกิดขึ้น

การประชุมที่ไม่เคยถูกเรียกให้มาประชุมเป็นเวลานานกว่า 175 ปี

ทำไมถึงไม่ได้เรียกประชุมแบบนี้กันมานานแล้ว แล้วจะนำไปสู่ปัญหาอะไรตามมา

การประชุมในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นการรวมตัวของกลุ่มคนสำคัญที่จะมาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสได้อย่างไร

ติดตามรับฟังกันใน episode นี้

ในตอนที่แล้วเราคุยถึงโลกเก่าของฝรั่งเศสก่อนการปฏิวัติ เพื่อที่จะได้เห็นว่าหลังจากการปฏิวัติเสร็จแล้วโลกใหม่ที่เกิดขึ้นมีหน้าตาแบบไหน โลกเก่าและโลกใหม่มันแตกต่างกันยังไงบ้าง

สำหรับใน episode นี้เราจะโฟกัสไปที่สถาบันของกษัตริย์

การปฏิวัติฝรั่งเศสในครั้งนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1789 กษัตริย์ที่ปกครองฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น คือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และราชินีพระนางมารี อองตัวเน็ตต์

เราจะไปดูว่าอะไรคือเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้สถาบันกษัตริย์ถูกโจมตี ทำไมสถาบันกษัตริย์จึงถูกมองว่าเป็นศัตรูของประชาชนในช่วงนั้น

วันนี้เป็น Episode สุดท้ายของซีรีส์จุดเริ่มต้นของสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา

เราจะมาพูดถึงบทสรุปผลกระทบต่อประเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติอเมริกา (American Revalution) ในครั้งนี้ ทั้งผลต่อประเทศอเมริกาเอง ประเทศฝรั่งเศสที่มาช่วยอเมริกา และประเทศแม่อย่างอังกฤษ

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันได้ใน Episode นี้กันค่ะ

Episode นี้เรายังอยู่ในหัวข้อเรื่องการปฏิวัติอเมริกา (American Revalution)

วันนี้เราจะพูดถึงสมรภูมิรบที่อาจจะเรียกได้ว่าสำคัญมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอเมริกา ที่มีชื่อว่า The Battle of Saratoga ถือเป็นการรบที่เปลี่ยนทิศทางของสงครามการปฏิวัติอเมริกาเลยก็ว่าได้

เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามได้ใน Episode นี้ค่ะ

ในแต่ละประเทศจะมีเรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาถึงเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง

ประเทศอเมริกาที่ปัจจุบันเป็นมหาอำนาจของโลก ก็มีเหตุการณ์นั้นเช่นกัน

เรื่องราวที่จะเล่านี้ ชาวอเมริกันเชื่อว่าเป็น 10 วันสำคัญ ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศไปอย่างสิ้นเชิง หรืออาจจะต้องพูดว่า ถ้าไม่มี 10 วันนี้ก็คงไม่มีอเมริกาอย่างที่เป็นในทุกวันนี้

เหตุการณ์นี้คืออะไร มีความสำคัญยังไง ติดตามได้ใน episode นี้กันค่ะ

เรื่องราวต่อจากตอนที่แล้ว เมื่อความขัดแย้งเริ่มมาถึงจุดที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้แล้ว สงครามระหว่าวชาวอังกฤษในอเมริกากับประเทศแม่อย่างประเทศอังกฤษกำลังจะเกิดขึ้น

วันนี้เราจะมาคุยกันต่อ 2 หัวข้อ อย่างแรก การรบกับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป ณ ช่วงเวลานั้น อย่างประเทศอังกฤษ ชาวอเมริกันที่ไม่ได้มีอาวุธและกองทัพจริงจังจะสามารถต่อสู้ได้อย่างไร?

สอง สงครามที่เลี่ยงไม่ได้แน่ๆ แต่ทางฝั่งอเมริกาก็ได้มีการร่างประกาศ Olive Branch Petition ขึ้นมา ร่างประกาศนี้คืออะไร? มีจุดมุ่งหมายเพื่ออะไร? ติดตามใน episode นี้กันค่ะ

หลงไปในประวัติศาสตร์ซีรีส์ใหม่วันนี้เรายังอยู่ในเรื่องของประเทศอเมริกา เรื่องราวจะต่อเนื่องจากซีรีส์ 13 อาณานิคมที่เราเคยคุยกันไปแล้ว

episode นี้ เราจะพูดถึงการปฏิวัติอเมริกา (American Revalution) หรือจุดเริ่มต้นของการที่อเมริกาต้องการแยกตัวจากประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศแม่ ที่ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาและของโลก

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? อะไรคือสาเหตุของสงคราม? และสุดท้ายแล้วการปฏิวัติอเมริกานี้มันส่งผลกระทบต่อเมริกาและยุโรปอย่างไรบ้าง? ติดตามเรื่องราวได้ในซีรีส์นี้ค่ะ

ในตอนที่ผ่านมาเราเห็นกันไปแล้วว่าชาวอังกฤษเดินทางมาตั้งรกรากที่ทวีปอเมริกายังไง เมืองแรกๆ อย่างเจมส์ทาวน์และพลีมัธเกิดขึ้นได้ยังไง

วันนี้เราจะโฟกัสไปที่ความต่างของ 13 อาณานิคม มาทำความรู้จักกับแต่ละชุมชนแบบคร่าวๆ เพื่อให้เห็นว่าแต่ละอาณานิคมมีความแตกต่างกันยังไง อะไรคือสาเหตุที่นำไปสู่ความแตกต่างของทั้ง 13 อาณานิคมนี้

แล้วสุดท้ายเราจะไปดูว่าอะไรที่ทำให้อาณานิคมทั้ง 13 ที่ต่างมองว่าตัวเองเป็นเอกเทศ ตัดสินใจที่จะรวมตัวกันและประกาศอิสรภาพจากประเทศแม่อย่างอังกฤษ

สำหรับเรื่องราวในวันนี้เราจะมาดูการก่อตั้งเมืองที่ถือได้ว่าเป็นสองเมืองแรกของประเทศอเมริกา เมืองแรกมีชื่อว่า เจมส์ทาวน์ (Jamestown) เมืองที่สองคือ พลีมัธ (Plymouth) อย่างแรก เราจะมาดูว่าเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นยังไง การก่อตั้งเมืองมีความยากยังไง เจอปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้าง

อย่างที่สอง อย่างที่เราพูดกันไปในตอนที่แล้วว่าอัตลักษณ์หลายอย่างของอเมริกา มันมีจุดเริ่มต้นความเป็นอเมริกามาตั้งแต่ยังไม่เป็นประเทศอเมริกา ซึ่งก็คือตั้งแต่การเกิดเมืองสองเมืองนี้ เราจะมาดูว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดความเป็นอเมริกันเหล่านี้ขึ้นมา

ติดตามฟังได้ใน Podcast 13 อาณานิคมจุดเริ่มต้นของอเมริกา ตอนที่ 3

ในตอนที่แล้วเราได้ปูพื้นภาพใหญ่ประวัติศาสตร์การกำเนิดของอเมริกาไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงการเกิดขึ้นของ 13 อาณานิคมที่เรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประเทศอเมริกากันต่อ

เรื่องราวของ 13 อาณานิคมที่เป็นจุดเริ่มต้นมีความน่าสนใจอย่างนึงก็คือว่า หลายอย่างที่เป็นอัตลักษณ์ของประเทศอเมริกาทุกวันนี้ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัย 13 อาณานิคม ก็คือตั้งแต่ตอนที่อเมริกายังไม่เป็นประเทศอเมริกา มีลักษณะบางอย่างที่เกิดขึ้นแล้วถูกถ่ายทอดมาจนกระทั่งกลายมาเป็นอเมริกาอย่างทุกวันนี้ มาดูกันว่า 13 อาณานิคมนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ติดตามฟังได้ใน Podcast 13 อาณานิคมจุดเริ่มต้นของอเมริกา ตอนที่ 2

เริ่มต้นซีรีส์ใหม่วันนี้เราจะเดินทางย้อนเวลากลับไปดูประวัติศาสตร์ของประเทศอเมริกา

เพื่อให้เชื่อมโยงกับเรื่องที่เราเคยคุยกันไปแล้ว เราจะเริ่มคุยตั้งแต่ยุคสมัยที่ยุโรปเพิ่งค้นพบทวีปอเมริกา จากนั้นก็จะพูดถึงกลุ่มอาณานิคม หรือ 13 colonies ชนกลุ่มแรกที่ในเวลาต่อมาจะเกิดเป็นประเทศอเมริกา

เหมือนเป็นการนำเรื่องทั้งหมดที่เราเคยคุยกันมาต่อเป็นจิ๊กซอว์ภาพใหญ่ให้เห็นว่าสุดท้ายประวัติศาสตร์ที่เราคุยๆ กันมา มันมาเชื่อมต่อกับประวัติศาสตร์การกำเนิดของอเมริกาได้อย่างไร

ติดตามฟังได้ที่ Podcast หลงไปในประวัติศาสตร์ episode นี้กันค่ะ

"ถึงแม้ว่าความล้มเหลวจะทำลายจิตใจของคนในทีมไปมาก เพียงแต่ความล้มเหลวแต่ละครั้งมันทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย และสิ่งเหล่านี้มันจะนำไปสู่การช่วยชีวิตผู้ป่วยได้" ความตอนหนึ่งจากหนังสือของหมอ Murray อันเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง

เรื่องราวยังคงอยู่กับหมอ Murray จาก Ep. ที่แล้ว

ความก้าวหน้าของการปลูกถ่ายไตยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

วิธีการรักษาใหม่ๆ ถูกมาทดลองใช้

และหนึ่งในการรักษาใหม่นั้นเป็นไอเดียที่เกิดขึ้นมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2

การรักษาใหม่นั้นแม้ว่าจะเพิ่มโอกาสให้ไต "ติด" มากขึ้น แต่ก็เพิ่มโอกาสตายมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ใน Ep. เราจะมาดูกันว่า การรักษาใหม่นั้นคืออะไร ? และทำไมจึงเพิ่มโอกาสตายมากขึ้น ? หาคำตอบได้ใน Ep. สุดท้ายของซีรีส์นี้ไปด้วยกันครับ

Ep. นี้ ว่าด้วยเรื่องราวของหมอเมอร์รีย์ ที่เข้ามาพลิกวงการปลูกถ่ายไต หลังจากล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน หมอหลายคนจึงเชื่อว่าการปลูกถ่ายไตเป็นสาขาที่ไม่มีอนาคตและอาจจะเป็นไปไม่ได้ 

จนหมอ โจเซฟ เอดเวิร์ด เมอร์รีย์ เข้ามาและทำให้ความฝันในการปลูกถ่ายไตเป็นจริงได้ในที่สุด 

จุดเริ่มต้นของเรื่องราวใน Ep. นี้เกิดขึ้นจากนักบินที่ถูกไฟคลอกทั่วร่างกายจากเหตุเครื่องบินตก ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ผู้ป่วยถูกไฟคลอกจะเกี่ยวกับการปลูกถ่ายไตยังไง เกิดอะไรขึ้นกับการปลูกถ่ายไตที่สำเร็จครั้งแรก ? 

มาฟังหมอเอ้วเล่าใน Ep. นี้กันครับ

หลังจากเรื่องราวการปลูกถ่ายไตในตอนที่แล้ว ผ่านมา 5 ปี ก็มีทีมหมอที่สนใจเรื่องการปลูกถ่ายไตเพิ่มมากขึ้น

แต่จากอดีต ยังไม่เคยมีการปลูกถ่ายไตจากผู้ที่มีชีวิตมาก่อน มีเพียงการปลูกถ่ายไตจากผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วเท่านั้น โดยการนำไตจากผู้ที่เสียชีวิต หรือเพิ่งจะเสียชีวิต มาต่อเข้ากับอีกคนหนึ่งเป็นอันเสร็จ

และสำหรับ จุดเริ่มต้นของการปลูกถ่ายไตจากผู้ที่มีชีวิตนั้น เรื่องราวมีอยู่ว่า เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1972 ชายหนุ่มช่างไม้ผู้หนึ่ง กำลังปีนขึ้นไปซ่อมหลังคาบ้าน แต่เกิดผลัดตกลงมา สีข้างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง ทำให้ไตของเขาได้รับความเสียหายอย่างหนัก จนตัองผ่าตัดเอาไตออกไปข้างหนึ่งทันที

แต่หลังการผ่าตัดพบว่า เขามีปัญหาการขับปัสสาวะไม่ได้เกิดขึ้น ชายผู้นี้เลยถูกส่งไป รพ อีกที่หนึ่งในกรุงปารีส ผลปรากฏว่า เขามีไตเพียงข้างเดียวตั้งแต่แรก (เท่ากับว่า ตอนนี้เขาไม่มีไตเหลืออยู่เลย)

ด้วยความเป็นห่วงของผู้เป็นแม่ เธอเลยเสนอให้นำไตของตัวเอง มาบริจาคให้กับลูกชายของเธอ

แต่หมอก็ตอบปฏิเสธไปในตอนแรก เพราะมันเสี่ยงเกินไป และไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทั้งนี้ หมอก็ต้องยอมให้กับการตื้อของเธอในที่สุด

ถึงตรงนี้ การปลูกถ่ายไตจากผู้ที่มีชีวิตอยู่ครั้งแรกนี้ จะสำเร็จไหม หรือเกิดปัญหาอะไรบ้าง มาฟังกันเลยครับ

เมื่อปี ค.ศ. 1947 ในประเทศอเมริกา…

มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาที่โรงพยาบาล พร้อมกับอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จากการที่เธอได้ไปทำแท้งมาก่อนหน้านี้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือ “ภาวะไตวาย”

สำหรับการรักษาภาวะไตวาย ถ้าเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน หญิงสาวคนนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย เพียงนำไตเทียมมาต่อเข้าในร่างกาย ก็มีโอกาสพ่นขีดอันตรายได้ไม่ยากนัก แต่เมื่อ 75 ปีที่แล้วนั้น ยังไม่มีองค์ความรู้ ไม่มีวิธีรักษาภาวะไตวายเหมือนกับในปัจจุบันนี้ ทำได้เพียงภาวนาให้หายจากอาการนี้อย่างปลอดภัยเท่านั้น

ทั้งนี้ เป็นเรื่องโชคดี (หรือโชคร้ายกันแน่) เมื่อมีหมอนายหนึ่ง ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาได้คิดค้นวิธีรักษา และได้นำไอเดียการเปลี่ยนไตของสัตว์สี่ขาสุดน่ารักอย่างสุนัข มาใช้รักษาหญิงสาวผู้นี้ !!!

ชะตากรรมของหญิงสาวจะเป็นอย่างไร มาหาคำตอบได้ในเอพิโสดนี้กันครับ

และนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ ประวัติศาสตร์การปลูกถ่ายไต ที่เราจะได้เรียนรู้กันต่อไปครับ

วันนี้ซีรีส์สงครามครูเสดของช่องหลงไปในประวัติศาสตร์ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายของซีซัน 1 กันแล้วนะคะ 

สงครามครูเสด (Crusade) ตอนที่ 7 จะเป็นเรื่องราวการปิดล้อมและพิชิตเมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) หลังจากที่กองทัพครูเสดพิชิตเมืองแอนติออก (Antioch) ได้สำเร็จแล้ว อะไรทำให้พวกเขายังอยู่ในเมืองแอนติออกต่อนานถึง 6 เดือน ? ทำไมพวกเขาถึงไม่รีบออกเดินทางไปยึดเมืองเยรูซาเลมกันต่อ ? การถอนกำลังออกของ Prince of Antioch ในขณะนั้นจนกองทัพครูเสดมีขนาดลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง จะทำให้พวกเขาบุกพิชิตเมืองเยรูซาเลมได้สำเร็จหรือไม่ ? ติดตามกันได้ในเอพิโสดนี้ค่ะ 

หลงไปในประวัติศาสตร์เอพิโสดนี้กัน เรายังอยู่ในสงครามครูเสด ครั้งที่ 1 

จากตอนที่แล้ว การบุกพิชิตเมืองไนเซียได้สิ้นสุดลงในเเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1097 หลังจากนั้นไม่นาน กองทัพครูเสดก็ได้เริ่มเดินทางเข้าสู่ดินแดนตะวันออกกลาง ในระหว่างทางก็มีการต่อสู้กับเมืองเล็กเมืองน้อยไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายได้เดินทางไปถึงเมืองสำคัญอีกหนึ่งเมืองที่ชื่อว่า Antioch เมืองใหญ่ที่เก่าแก่และรุ่งเรือง 

การปิดล้อมในครั้งนี้จะเป็นยังไง กองทัพครูเสดจะพิชิตเมืองแอนติออกได้สำเร็จหรือไม่ ติดตามฟังเรื่องราวกันค่ะ

หลังจากการล้มเหลวของกองทัพครูเสดชาวบ้านผ่านไป 2 เดือน สงครามครูเสด ครั้งที่ 1 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อกลุ่มกองทัพครูเสดขุนนางต่างๆ เดินทางมาถึงกรุงคอนสแตนติโนเปิลตามที่พระสันตะปาปานัดหมาย เรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นจนไปสู่การพิชิตเมืองไนเซียจะเป็นยังไง กองทัพครูเสดกลุ่มนี้มีใครบ้าง และทำไมจึงยึดเมืองไนเรียเป็นเมืองแรก ติดตามได้ใน episode นี้ค่ะ

วันนี้เราจะไปดูเรื่องราวของคนสองกลุ่มที่ออกไปรบก่อนจะเกิดสงครามครูเสด ครั้งที่ 1 กลุ่มคนแรกๆ ที่ออกไปรบในสงครามครูเสดไม่ใช่อัศวิน แต่เป็นกลุ่มชาวบ้านชาวทั่วไป อะไรทำให้พวกเขาเลือกทิ้งบ้านแล้วออกไปรบในสงคราม ปัจจุบันเราเรียกกลุ่มแรกว่า People’s Crusade หรือครูเสดชาวบ้าน และคนอีกกลุ่มคือ Millenarian หรือ Millennialism ที่สุดท้ายแล้วกลายมาเป็นกองทัพออกไปไล่ล่าสังหารชาวยิว 

วันนี้เราจะไปดูวิวัฒนาการของสิ่งที่เรียกว่าครูเสด และตอบคำถามสองข้อสั้นๆ อย่างแรก สงครามครูเสดคืออะไร ?  ต่างจากสงครามอื่นๆ อย่างไรบ้าง ? ทำไมสงครามครูเสดจึงไม่ใช่แค่ชาวคริสต์รบกับชาวมุสลิม ? สอง ทำไมผู้คนมากมายถึงออกเดินทางไปรบอย่างที่คาดคิดมาก่อน

จากคำถามที่ทิ้งท้ายในตอนที่แล้ว วันนี้เราจะไปหาคำตอบว่าทำไมศาสนาที่สอนให้คนไม่ฆ่ากันถึงชวนคนไปรบในสงคราม อะไรคือไอเดียเบื้องหลังของ Holy War (สงครามศักดิ์สิทธิ์) ? สงครามกลายเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร ?  ติดตามเรื่องราวได้ในซีรีส์สงครามครูเสด ตอนที่ 2 กับหลงไปในประวัติศาสตร์ 

เริ่มต้นซีรีส์สงครามครูเสด ตอนที่ 1 เราจะเดินทางย้อนเวลากลับไปที่ฝรั่งเศส ในวันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1095 หรือเมื่อประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว เราจะไปดูว่าการประชุมที่แกลร์มง (Council of Clermont) คือการประชุมอะไร เกี่ยวข้องกับสงครามครูเสดยังไง พระสันตะปาปา Urbano II ประกาศอะไรต่อชาวคริสต์ ถึงได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์สงครามครูเสดที่ยาวนาน 200 ปี 

หลงไปในประวัติศาสตร์ซีรีส์นี้ จะพาทุกคนเดินทางย้อนเวลากลับไปดู สงครามครูเสดในแง่ของประวัติศาสตร์ ว่ามันมีหน้าตาเป็นแบบไหน ซับซ้อนยังไง ไอเดียเบื้องหลังที่ทำให้สงครามครูเสดเกิดขึ้นคืออะไร ติดตามดูเรื่องราวน่าสนใจที่ซ่อนอยู่ได้ในซีรีส์สงครามครูเสด (Crusade) กันค่ะ

ในตอนที่แล้วเราจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง มันมีผลให้ศาสนาทางตะวันตกแยกห่างจากตะวันออกยังไง วันนี้เราจะมาคุยกันต่อโดยจะมาดูว่า ความต่างของภาษา วัฒนธรรม นำไปสู่ความเชื่อและพิธีกรรมที่ต่างกันระหว่างโรมันคาทอลิกและกรีกออร์โธดอกซ์ได้ยังไง ซึ่งความต่างเหล่านี้จะค่อยๆ สะสมจนนำไปสู่จุดแตกหักในปี ค.ศ. 1054

เริ่มต้นซีรีส์ใหม่วันนี้ เราจะพาย้อนเวลากลับไปดูว่าทำไมคริสต์โรมันคาทอลิกทะเลาะกับกรีกออร์โธดอกซ์ถึงทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนกลายเป็นคู่แค้นกันในช่วงยุคกลางของยุโรป เป็นความบาดหมางที่ลากยาวมาจนเกือบถึงยุคปัจจุบันของเรา แล้วจึงค่อยๆ กลับมาคืนดีกันในช่วงราวๆ ปี 1960 ปัจจุบันเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า The Great Schism หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งคือ East–West Schism

เรื่องราวที่เราจะคุยกันในวันนี้ อาจจะเริ่มต้นจากวันที่ 22 พฤษภาคม ค.ศ. 1877 หรือประมาณ 250 ปีที่แล้ว มีชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ทั้งหมด 12 คนมานัดเจอกันที่โรงพิมพ์แห่งหนึ่ง พวกเขาทั้ง 12 คนมีจุดหมายที่ยิ่งใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง สิ่งที่พวกเขาต้องการร่วมกันนั่นก็คือ เขาต้องการให้อังกฤษเลิกการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

ไอเดียสิทธิเสรีภาพหรือความเท่าเทียมกัน กลายมาเป็นไอเดียกระแสหลักของสังคมได้อย่างไร? วันนี้หลงไปในประวัติศาสตร์จะพาไปเซอร์เวย์ถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ช่วงนั้นที่นำไปสู่การวิวัฒนการการของความคิดและสังคมเกี่ยวกับเสรีภาพและความเท่าเทียมกัน

ใน Episode นี้เราจะมาดูกันว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดของการเลิกค้าทาส มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? และตัวไอเดียนี้มันมีวัฒนาาการมาอย่างไรบ้าง?

สำหรับซีรี่ส์ใหม่ในวันนี้ เราจะคุยกันถึงการเลิกค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของอังกฤษเรื่องราวที่น่าสนใจไม่ใช่แค่การที่ประเทศอังกฤษเลิกค้าทาส แต่มันเมีเรื่องราวที่มีรากที่มายาวนานมาก และความแปลกของความน่าสนใจของเรื่องราวนี้คือในวันที่อังกฤษประกาศเลิกค้าทาส ในเวลานั้น ประเทศที่เป็นผู้นำ และได้ผลประโยชน์จากการค้าทาสมากที่สุดก็คือประเทศอังกฤษนั่นเอง

ทำไมอังกฤษถึงได้ทำแบบนั้น ? เราจะมาหาคำตอบนี้ไปพร้อมๆกัน

ตอนพิเศษในซีรี่ส์การค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ในตอนนี้เราจะพาย้อนไปใน ปี ค.ศ. 1781 ในเรือทาส กับ คน 142 คนโดนโยนทิ้งลงทะเล และนี่คือเรื่องราวของการสังหารหมู่นั้น

จาก 4 ตอนที่ผ่านมา เราพูดเรื่องการค้าทาสในมุมมองทางฝั่งยุโรปเป็นหลัก สำหรับ Episode นี้ เราจะมาดูในฝั่งของชาวแอฟริกันกันบ้าง ว่าพวกเขามีมุมมองและประสบการณ์อย่างไร ตลอด 300-400 ปีที่เกิดการค้าทาสขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง การเข้ามาของยุโรปเปลี่ยนตลาดค้าทาสของแอฟริกัน คนที่ถูกจับเป็นรทาสต้องพบเจอกับอะไร และสิ่งเลวร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นมันเป็นอย่างไร

อังกฤษเข้ามาในวงการค้าทาสได้อย่างไร? ทำไมการเข้ามาในวงการค้าทาสของอักฤษจึงสำคัญ เพราะในเวลาต่อมา อังกฤษจะเปรียบเสมือนผู้เล่นเบอร์หนึ่ง ของพ่อค้าที่ค้าขายทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ตามมาลงไปในประวัติศาสตร์พร้อมๆกันค่ะ

ในปี คศ. 1470 ปริมาณการบริโภคน้ำตาลของชาวยุโรป เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการค้าทาส ในเวลานั้นเป็นที่รู้กันดีว่า “น้ำตาล” เป็นสินค้าที่มีมูลค้ามหาศาลมากเรียกว่าเป็นทองคำสีขาว การปลูกอ้อยและผลิตน้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานคนจำนวนมหาศาลมาก

สุดท้ายสิ่งที่โปรตุเกสทำคือขนแรงงานมาจากที่อื่น รวมไปถึงแรงงานคนผิวดำที่โปรตุเกสซื้อมาจากตลาดค้าทาสในยุโรป และในเวลาต่อมารูปการขนแรงงานทาสในครั้งนี้จะกลายเป็นต้นแบบที่ชาวยุโรปนำไปใช้บนเกาะต่างๆในมหาสมุทรแอตแลนติก จนนำไปสู่สิ่งที่เรารู้จักกันในชื่อว่า Atlantic slave trade

วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องประวัติศาสตร์การเริ่มต้นของการค้าทาส ยุโรปเข้ามาค้าทาสกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวได้อย่างไร?ไปจนถึงเรื่องของการทำไร่ ปลูกอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาล ซึ่งประวัติศาสตร์ของการผลิตน้ำตาลนั้นมาควบคู่ไปกับการใช้แรงงานทาสมาตลอด หรืออาจจะพูดง่ายๆได้ว่า การทำน้ำตาลนั้นมันนำมาสู่การค้าทาสอย่างมากมายมหาศาล เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น มาหลงไปในประวัติศาสตร์ไปพร้อมๆกันค่ะ

การค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก หรือ Atlantic slave trade อุตสาหกรรมการค้าทาสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมนุษย์ชาติที่มีการขนย้ายคนผิวดำจากทวีปแอฟริกามายังทวีปอเมริกาอย่างมหาศาล มากกว่า 10 ล้านคนตลอดระยะเวลากว่า 400 ปี เรื่องราวทั้งหมดเป็นมาอย่างไร และบทสรุปสุดท้ายจนไปถึงการเลิกทาสนั้นเกิดอะไรขึ้น

มาถึงตอนจบของซีรี่ส์นี้กันแล้ว ในตอนที่แล้วเราพูดกันถึงเรื่องของสเปนได้มาค้นพบอาณาจักรอินคาได้อย่างไร วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องทางฝั่งอินคากันบ้าง ทำไมในตอนแรกชาวอินคาถึงไม่สนใจการมาของชาวสเปน ทำไมชาวอินคาจึงต่อสู้กันเอง? และเหตุการณ์ทั้งหมดจะนำไปสู่การล่มสลายของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร

เดินทางมาถึงตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นตอนจบของการล่มสลายของ Aztec บทสรุปสุดท้ายของอาณาจักรและอารยธรรมที่รุ่งเรือที่สุดแห่งหนึ่งของโลกยุคโบราณจะจบลงอย่างไร ตามมาหลงไปในประวัติศาสตร์ไปด้วยกันค่ะ

คอร์เตสและเหล่า conquistador ของเขาก็เดินทางมาถึงเมือง Tenochtitlan ที่ในเวลานั้นเป็นเมืองที่ใหญ่ร่ำรวยและสวยงามที่สุดในทวีปอเมริกา แต่เมืองใหญ่ที่มีอารยธรรมมายาวนาน 200 กว่าปีนี้ กำลังจะล่มสลายลงด้วยการมาของชาวยุโรป ราวๆเพียงแค่ 50 กว่าคน พวกเขาทำได้อย่างไร ตามมาหาคำตอบไปด้วยกันค่ะ

เมื่อคอร์เตสได้เดินทัพบุกไปยัง Aztec และเขาก็ได้ค้นพบกับตำนานความเชื่อ ที่นำไปสู่ที่มาของพิธีกรรมการควักหัวใจ หลั่งเลือดบูชายันของชาว Aztec วิถีที่โลกภายนอกมองว่าป่าเถื่อนเช่นนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ตามมาหลงไปในประวัติศาสตร์ไปด้วยกันเลยค่ะ

หลงไปในประวัติศาสตร์วันนี้เราจะพาไปพบกับจุดเริ่มต้นและจุดจบของอาณาจักร Aztec แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าการผจญภัยของเราในรอบนี้อันตรายมาก เพราะจะมีทั้งการบูชายัน ควักหัวใจ สงครามระหว่างเผ่า แล้วก็โรคระบาดที่น่าเกลียดน่ากลัว เพราะฉะนั้น ถ้าเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว ตามกันมาได้เลยค่ะ