ปลดล็อกทุกปัญหาชีวิต

3 วิธีรับมือเมื่อถูกกลั่นแกล้ง

การถูกรังแกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือ

การกลั่นแกล้งอาจทำให้เด็กรู้สึกหมดหนทาง อ่อนแอ และสับสนได้

ดังนั้น เมื่อเด็กๆ ถูกรังแก พวกเขามักจะตกใจจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

แต่การไม่ตัดสินใจและขาดการตอบสนองนี้สามารถเปิดประตูสู่การกลั่นแกล้งที่มากขึ้น

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบุตรหลานของคุณพร้อมแล้วหากสถานการณ์เคยเกิดขึ้น

วิธีจัดการกับคนพาล

เพื่อป้องกันไม่ให้คนพาลล่วงละเมิดบุตรหลานของคุณ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขารู้ว่าต้องทำอย่างไรหากเผชิญหน้ากับคนพาล

นอกเหนือจากการพัฒนาทักษะความกล้าแสดงออก

การสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และพัฒนาทักษะทางสังคมแล้ว

พวกเขายังต้องการเครื่องมือที่นำไปใช้ได้จริงในการจัดการกับสถานการณ์การกลั่นแกล้ง

ต่อไปนี้เป็นแนวคิด 3 ประการที่เด็กทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้

1 ละเว้นคนพาล

การไม่ตอบสนองเมื่อมีคนพูดหรือทำอะไรที่ทำร้ายจิตใจมักจะเป็นการตอบโต้ที่ได้ผลที่สุดต่อการกลั่นแกล้ง

คนพาลส่วนใหญ่กำลังมองหาปฏิกิริยา

พวกเขาต้องการให้เป้าหมายโกรธหรือร้องไห้

หากบุตรหลานของคุณมีปฏิกิริยาตอบสนองทางอารมณ์ต่อการกลั่นแกล้ง

ก็มักจะดำเนินต่อไปและอาจบานปลาย

เมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการตอบกลับจากลูกของคุณ

พวกเขาจะหมดความสนใจที่จะถูกโจมตี

2 บอกให้คนพาลหยุด

บ่อยครั้งที่คนพาลมักไม่คาดหวังให้ใครมายืนหยัดต่อสู้กับพวกเขา ที่จริงแล้ว

พวกเขามักกำหนดเป้าหมายไปที่เด็กที่พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาสามารถข่มขู่ได้

เป็นผลให้การบอกคนพาลให้หยุดด้วยเสียงที่หนักแน่นและมั่นใจจึงมีประสิทธิภาพมาก

อันที่จริง คนพาลมักพึ่งพาการหาเหยื่อที่ไม่พูดอะไรเลย

แต่ถ้าลูกของคุณทำให้ คนพาลรู้ว่า

เรื่องนี้มันผ่านไปไม่ได้

คนพาลมักจะหยุดสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่

3 สร้างเรื่องตลก

เด็กบางคนเป็นคนตลกตามธรรมชาติและพบว่ามันง่ายที่จะหัวเราะร่วมกับคนพาล

หากพวกเขาสามารถทำเช่นนี้ได้

ก็แสดงว่าพวกเขามีความมั่นใจว่าตนเองเป็นใคร

และไม่รู้สึกถูกรบกวนใจ หากคนอื่นชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของตน

เมื่อลูกของคุณหัวเราะกับคนพาล

วิธีการกลั่นแกล้งของพวกมันก็ไร้ผล

ลองนำไปใช้ดูนะคะ ดิ่ฉันเชื่อว่า มันช่วยได้แน่นอนค่ะ

3 เคล็ดลับของการเห็นคุณค่าในตนเอง: วิธีรักตัวเอง

“คุณไม่สามารถค้นหาความรักได้ จนกว่าคุณจะเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง”

องค์ประกอบหลัก 3 ประการของการเห็นคุณค่าในตนเอง

1. ยอมรับว่าคุณมีข้อบกพร่อง

ก้าวแรกสู่การชอบตัวเองคือการยอมรับทุกส่วนในตัวเอง

คนส่วนใหญ่มีความสมบูรณ์แบบเล็กน้อยโดยมีความคาดหวังที่ไม่สมจริง

ความนับถือตนเองขึ้นอยู่กับความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ซึ่งหมายความว่าคุณคาดหวังและยอมให้ตัวเองทำผิดพลาดในบางครั้ง

และอ่อนโยนกับตัวเองเมื่อคุณทำผิด

มันเกี่ยวกับการมีความเห็นอกเห็นใจและความเมตตาต่อตัวเอง

เมื่อคุณล้มเหลว ด้วยรู้ว่าหากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงตนเอง

การใช้ความปรารถนาอย่างอ่อนโยนที่จะทำดีกว่านั้น

ให้ผลดีกว่าการทุบตีตัวเอง

2. อยากรู้เกี่ยวกับตัวเอง

คุณไม่สามารถรักในสิ่งที่คุณไม่รู้

ดังนั้นขั้นตอนสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจในตนเองคือ

การเรียนรู้ว่าคุณเป็นใครอย่างแท้จริง

บ่อยครั้ง เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ แม้ว่าคุณจะขี้อายหรือโกรธ

แต่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของคุณเท่านั้น

อีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ไม่รู้จักตัวตนของคุณคือ

เมื่อเลือกสิ่งที่คุณให้คนอื่นเห็น

การแสดงเฉพาะส่วนต่างๆ ของตัวคุณเองที่คุณคิดว่าดูดีที่สุด

สำหรับคนอื่น เท่ากับคุณซ่อนส่วนอื่นๆ ที่สำคัญ

เมื่อคุณใช้เวลาในการดูว่าคุณเป็นใครและต้องการเป็นใคร

คุณจะมีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตัวคุณทั้งหมด

ไม่ใช่แค่ส่วนที่คนอื่นชอบหรือไม่ชอบ

คุณสามารถรับรู้ว่าคุณมองตัวเองอย่างไร:

เป้าหมายและความทะเยอทะยานของคุณ

ข้อบกพร่องและความล้มเหลวของคุณ

ตำแหน่งที่คุณต้องการเติบโต

คุณสามารถเริ่มยอมรับมันและรวมมันเข้าเป็นภาพที่แท้จริง

และสมบูรณ์ของตัวคุณเอง

3. การปฏิบัติธรรม

เป็นเส้นบางๆ ระหว่างการเห็นอกเห็นใจตนเองกับการมีเมตตาต่อผู้อื่น

การทำทั้ง 2 ส่วนพร้อมกันจะเป็นประโยชน์

วิธีหนึ่งที่น่าสนใจในการวัดว่าคุณเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือไม่

คือการถามว่าคุณรู้สึกว่าคนอื่นกำลังตัดสินคุณอยู่หรือไม่

แม้จะฟังดูขัดแย้ง แต่ความกังวลว่าคุณกำลังถูกตัดสินมักเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า

คุณได้รับการสอนให้ตัดสินผู้อื่น

หากคุณถูกครอบครัวหรือเพื่อนฝูงดูหมิ่น

คุณอาจเคยเชื่อว่ามีคนไม่ชอบคุณ ทั้งที่ในความเป็นจริง

คุณกำลังไม่ชอบตัวเอง

การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นแนวปฏิบัติที่ดีในการมีเมตตาต่อตนเอง

ปล่อยให้คนอื่นหลุดพ้นจากความไม่เป็นไปตามมาตรฐานของคุณ

จากนั้นพยายามเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ

และความอ่อนโยนแบบเดียวกันกับตัวเอง

มุมมองของคุณเปลี่ยนจากความไม่ไว้วางใจเป็นความอดทน

3  วิธีการนี้ลองทำดูนะคะ 

การสร้างความภาคภูมิใจในตนเองสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

คุ้มค่าที่จะเรียนรู้วิธีทำเช่นนี้

7 วิธีง่ายๆทำให้คุณกลายเป็นคนว่างงาน

หากงานของคุณเป็นอุปสรรคต่อชีวิต

ได้เวลาออกจากงานได้แล้ว

ต่อไปนี้คือวิธีง่ายๆที่จะทำให้คุณว่างงานใน 7 ขั้นตอน

1. โง่เขลา แม้ว่าคุณจะฉลาดจริงๆ คุณก็ยังสามารถทำขั้นตอนนี้ได้

เมื่อบริษัทกำลังตกต่ำและคุณอาจจะถูกไล่ออก

เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องทำงานหนักและเอาใจใส่มากเท่าที่ควร

2. อย่าเรียนรู้สิ่งใหม่ คุณรู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร

อย่าเรียนคอมพิวเตอร์หรือเวิร์คช็อปการออกแบบกราฟิก

อย่าได้รับปริญญาหรือได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น

และแน่นอนว่าจะไม่มีค่ามากขึ้นสำหรับนายจ้างปัจจุบันของคุณ

และดึงดูดนายจ้างใหม่มากขึ้น

3. ยึดติดกับรายละเอียดงานของคุณ

หากนายจ้างของคุณต้องการให้คุณเรียนรู้สิ่งใหม่

พวกเขาควรจะจ่ายเงินให้คุณมากกว่านี้

หากพวกเขาไม่สามารถจ่ายได้

ให้ยึดลักษณะงานของคุณและอย่าใช้เวลาเรียนรู้วิธีทำมากกว่านั้น

หากบริษัทของคุณมีการเลิกจ้าง

คนจำนวนน้อยลงจะต้องสามารถจัดการกับงานได้มากขึ้น

ทำให้แน่ใจว่าคุณเป็นม้าตัวเดียวที่เกือบจะรับประกันได้ว่าคุณจะถูกเลิกจ้าง

เพื่อให้เพื่อน ๆ ของคุณสามารถทำงานหลายอย่างของคุณในแต่ละวัน

4. พูดว่า "ไม่" กับทุกสิ่ง

บอสขอให้คุณทำโปรเจ็กต์ใหม่ “ไม่ครับท่าน”

ยิ่งคุณมีภาระผูกพันน้อยลงในบริษัท

และยิ่งคุณมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ น้อยลงเท่าใด

การกำจัดคุณก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น

เมื่อสิ่งต่างๆ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ

คุณจะไม่ได้รับข้อเสนองานหรือการเลื่อนตำแหน่งที่น่ารำคาญ

5. อย่าเขียนบันทึกช่วยจำ

อย่านำแนวคิดการลดต้นทุนที่สร้างสรรค์กับเจ้านายของคุณ

อย่าให้เวิร์กช็อป ไม่ว่าคุณจะทำอะไร จงซ่อนให้มากที่สุด

และอย่าให้พวกเขาเห็นหน้าของคุณ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทขนาดใหญ่

ยิ่งคนที่รู้จักคุณและชอบคุณมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น

6. คิดเชิงลบ อย่าคิดบวกเลย เศรษฐกิจไม่ดี ชีวิตไม่ยุติธรรม

คุณพูดเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดของคุณ

นำทัศนคติที่ไม่ดีมาสู่การทำงาน

คุณจะได้ไม่ต้องมีงานทำ

7. ทำงานน้อยลง เวลาที่ยากลำบากนั้นยาก

ดังนั้นคุณจึงควรทำงานให้น้อยลงหน่อย

อย่าคิดแม้แต่จะใช้อีก 8 ชั่วโมงที่เหลือเพื่อเข้าให้เร็วขึ้น

หรืออยู่ต่ออีกหน่อยในภายหลัง

หากว่าเจ้านายใหญ่ของคุณ จะเข้ามาในช่วงสุดสัปดาห์

ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าลืมคุยโม้กับเขาในเช้าวันจันทร์ว่า

คุณนอนอยู่บ้านอย่างไรในช่วงสุดสัปดาห์

หากทำ 7 ขึ้นตอนนี้ทำให้คุณว่างงานแล้ว

คุณได้พบโอกาสที่ดีกว่าก็ดีไปค่ะ

แต่ถ้าคุณยังไม่เห็นช่องทางหรือโอกาสที่ดีกว่า

คุณควรจะทำงานปัจจุบันให้ออกมาดีที่สุดนะ

6 วิธีในการสอนลูก ๆ ของคุณเกี่ยวกับการเงิน

การสอนความรู้ทางการเงินแก่เด็กๆ อาจเป็นงานที่ยากลำบาก

แต่การแนะนำแนวคิดทางการเงินขั้นพื้นฐาน

สามารถทำให้เด็กมีอนาคตที่มั่นคงได้

การปลูกฝังพื้นฐานของการออม การใช้จ่ายเงิน และการหาเงินตั้งแต่เนิ่นๆ

สามารถช่วยเตรียมลูกๆ ของคุณให้ฉลาดทางการเงิน

ไม่รู้จะสอนลูกเรื่องเงินยังไงดี?

ต่อไปนี้คือเครื่องมือ 6 อย่างที่คุณสามารถใช้เพื่อสอนลูกๆ เกี่ยวกับเงินได้

1. มอบกระปุกออมสินแบบใสให้เด็กเล็ก

แทนที่จะใช้กระปุกออมสินแบบทึบแสงแบบดั้งเดิม ให้ใช้ภาชนะซีทรู

เพื่อช่วยให้เด็กเล็กมองเห็นเงินออมของตนเองทางสายตา

เมื่อลูกๆ ของคุณเริ่มเรียนคณิตศาสตร์ อาจเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขา

เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นว่าเงินจะรวมกันได้เท่าไหร่

2. สร้างงบประมาณของพวกเขา

คุณสามารถทำเครื่องหมายขวดโหลสามใบเป็นเงินออม

การกุศลและการใช้จ่าย

จากนั้น ให้ลูกของคุณเพื่อตัดสินใจว่า

จะใส่เงินในแต่ละขวดในแต่ละสัปดาห์เป็นจำนวนเท่าใด

ทำให้เขาเกิดความรับผิดชอบมากขึ้น

3. ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร

ในฐานะผู้ปกครอง เราต้องเตรียมลูกให้ประสบความสำเร็จในชีวิต

และการจัดการเงินเป็นขั้นตอนสำคัญ

วิธีหนึ่งในการทำเช่นนี้คือการเปิดบัญชีออมทรัพย์

เด็กๆ สามารถเห็นรายได้จากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

ในการออมเมื่อเวลาผ่านไป

และพวกเขาจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินในชีวิตจริงได้

เมื่อโตเต็มที่  หากบุตรหลานของคุณมีความชำนาญ

ด้านเทคโนโลยีมากพอที่จะเรียนรู้ออนไลน์

ให้สอนวิธีเข้าเว็บไซต์ของธนาคารและดูว่ามียอดบัญชีอย่างไร

ในทำนองเดียวกัน การให้ลูกของคุณไปที่ธนาคารจะสอนพวกเขา

เกี่ยวกับมารยาททางการเงินและนิสัยทางการเงินที่ดี

เช่น การเก็บใบเสร็จและการโต้ตอบกับพนักงาน

4. สอนลูกวัยรุ่นให้รู้จักหาเงิน

เมื่อถึงเวลาที่เด็ก ๆ จะเข้าสู่วัยรุ่น

พวกเขาจะต้องมีบัญชีเพื่อใช้จ่ายเงินด้วยบัตรเดบิต

ในการซื้อสินค้าของตนเอง

จงให้ความสำคัญมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำเงิน

มีงานจำนวนมากที่ทำเพื่อเงินเพื่อให้วัยรุ่นสามารถเห็นรายได้ทันที

งานเงินสด ซึ่งจะเพิ่มประสบการณ์ในการทำงานด้วย อาจรวมถึง:

เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์

รับงานพาร์ทไทม์

การให้โอกาสวัยรุ่นทำเงินเองช่วยเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับวัยผู้ใหญ่

และเรียนรู้วิธีดูแลการเงินของพวกเขา

5. เล่นเกมที่ต้องใช้เงิน

เกมที่เกี่ยวข้องกับเงินจะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กเล็ก

ในการเริ่มทำความเข้าใจว่าเงินทำงานอย่างไร

และมีการใช้เงินอย่างไรในชีวิตประจำวัน

สำหรับเด็กและเด็กเล็ก ลองเล่น "ร้านค้า" โดยตั้งหน้าร้านปลอม

และให้พวกเขามอบเงินเพื่อแลกกับสินค้า

สำหรับเด็กๆ ที่โตแล้ว การเล่นเกมอย่างเกมเศรษฐี

จะแนะนำให้พวกเขารู้จักวิธีการทำงานของเงิน

6. สอนลูก ๆ ของคุณเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องเครดิต

เครดิตที่ดีมีความสำคัญต่อชีวิตในวัยผู้ใหญ่หลายๆ ด้าน

เช่น การเช่าอพาร์ทเมนต์หรือซื้อรถยนต์หรือบ้าน

การเข้าใจแนวคิดเรื่องเครดิตตั้งแต่อายุยังน้อย

สามารถช่วยให้บุตรหลานของคุณหลีกเลี่ยงหนี้เสียได้

เมื่อถึงวัยที่เข้าเกณฑ์สำหรับทำบัตรเครดิต

เริ่มสอนวิธีการทำงานของบัตรเครดิต

ให้เริ่มช่วยพวกเขาเตรียมสร้างคะแนนเครดิตตั้งแต่เนิ่นๆ

หวังว่าไอเดียนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับลูกๆ ของคุณพ่อคุณแม่

ได้เริ่มเรียนรู้เรื่องเงินตั้งแต่เด็ก ได้บ้างนะคะ

3 วิธีฝึกรักตัวเองและคิดดีต่อตัวเอง

การรักตัวเองคือการได้สัมผัสกับความสุขและความปลอดภัย

คนเราแสวงหาความรักจากภายนอกแบบเด็กๆ

พบความรักและความปลอดภัย ตอบแทนเราเมื่อเราได้ทำความดี

แต่เราไม่ได้เติบโตจากสิ่งนี้

เรายังคงมองหาความรักในคนอื่น

แต่ความจริงแล้วความรักที่คุณกำลังมองหานั้น

มาจากภายในเท่านั้น

นั่นคือเหตุผลที่ความรักของคนอื่นไม่เคยเพียงพอ

สำหรับคุณที่จะมีความสุขอย่างแท้จริง

และคุณจะไม่มีวันรู้สึกปลอดภัยถ้าคุณไม่สบายใจ

กับความสามารถของตัวเอง

แต่จะมั่นใจและรักตัวเองมากขึ้นได้อย่างไร?

เราฝึกฝนการรักตนเองเพื่อให้เราสามารถผลักดันความเชื่อที่จำกัดของเรา

และใช้ชีวิตที่เปล่งประกายอย่างแท้จริง

เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง

ทำให้ตัวเองสบายใจ หายใจเข้าลึก ๆ กอดตัวเองเล็กน้อย

และเริ่มฝึกเคล็ดลับการรักตนเองดังต่อไปนี้:

1. สลัดความคิดที่ว่าคุณต้องสมบูรณ์แบบ

ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ชีวิต IQ… ทั้งหมดนั้น

ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง

และบนโซเชียลมีเดีย มักเกิดปัญหาสุขภาพจิต

คุณจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ข่าวดีก็คือ

คุณสมบูรณ์แบบแล้ว ในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณ

2. เข้าใจว่าความคาดหวังของสังคมที่มีต่อคุณ

เป็นมาตรฐานที่ไม่สมจริงที่ไม่มีวันบรรลุได้

ธรรมชาติของมนุษย์เรามักจะหิวกระหายมากขึ้น

แม้ว่าคุณจะบรรลุมาตรฐานที่ไม่สมจริงนั้น

คุณก็จะไม่มีความสุขเสมอเพราะคุณต้องการมากขึ้น

อย่าเปรียบเทียบตัวเองหรือชีวิตของคุณ

กับมาตรฐานที่ไม่สมจริง

มันจะนำไปสู่ความเกลียดชังและภาวะซึมเศร้าในตัวเอง

3.ใช้เวลาอยู่กับตนเองเพียงชั่วครู่ทุกวัน

ใช้เวลาสักครู่เพื่อหยุดการไล่ตามไม่รู้จบ

และมองเข้าไปในตัวเอง ดูว่าคุณมาจากไหน

และชื่นชมความงามของช่วงเวลาที่คุณยังมีชีวิตอยู่

3 วิธีง่ายๆลองทำดูนะคะ

3 เคล็ดลับรักษาอาการอกหัก

เมื่อคุณต้องรับมือกับการสูญเสียความสัมพันธ์

คำแนะนำเหล่านี้อาจช่วยคุณได้

1. ใช้เวลาในการเสียใจ

ถ้าเป็นไปได้ พยายามคิดว่าการสูญเสียความสัมพันธ์นั้น

เป็นกระบวนการที่น่าเศร้า

“ให้เวลาตัวเอง อย่าพยายามหาคนใหม่ทันที”

“สิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้คือ

พยายามให้ควบคุมอารมณ์ของเราและไม่ตัดสินอารมณ์ของเรา”

คิดว่า “ฉันกำลังประสบกับความรู้สึกเศร้า ไม่เป็นไร”

“เราต้องการเวลาเพื่อพิจารณาว่ารูปแบบใดในความสัมพันธ์

ที่เราใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป

เราต้องดูแลหัวใจที่บาดเจ็บ

และใช้เวลาเพื่อให้การรักษาเกิดขึ้นด้วยเวลา

ความเอาใจใส่ ความอ่อนโยน และความเข้าใจในตนเองอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

2. หาแหล่งความสุขใหม่

เมื่อคุณให้เวลากับตัวเอง

สิ่งนี้สามารถนำไปสู่การค้นพบสิ่งที่เคยทำให้คุณสงบสุข

ความสุข หรือแรงบันดาลใจ

“เปิดกว้าง ต่อสิ่งใหม่ ผู้คน และประสบการณ์เป็นวิธีทำให้คุณรู้สึกอิสระ”

แนะนำให้ผลักดันตัวเองให้ทำสิ่งต่างๆ

แม้ว่าคุณจะไม่รู้สึกอยากทำก็ตาม

คุณอาจจะพบเพื่อนเพื่อทานอาหารกลางวัน

คุณกลับถึงบ้านโดยรู้สึกดีขึ้นกว่าที่คุณอยู่บ้าน

3. ทำรายการสิ่งที่คุณชอบเกี่ยวกับตัวคุณ

เมื่อคุณรู้สึกแย่กับตัวเอง

ให้ลองเขียนรายการสิ่งที่คุณทำเพื่อคนรักเก่า

หรือคุณสมบัติทั้งหมดที่พวกเขาชอบเกี่ยวกับตัวคุณ

และคุณสมบัติที่คุณชอบเกี่ยวกับตัวคุณเอง

ตัวอย่างเช่น คุณอาจเขียนรายการดังนี้:

ฉันชงกาแฟให้เขาในตอนเช้า

ฉันเปิดเพลงโปรดของเธอตอนที่เธอเศร้า

คุณอาจพบว่าการเขียนรายการสิ่งดีๆ ที่คุณทำในความสัมพันธ์

อาจเป็นประโยชน์ในอนาคต

3 วิธีนี้ลองทำดูนะคะ

3 เคล็ดลับในการเลือกเพื่อนที่ใช่

คุณรู้หรือไม่ว่า คุณสามารถคาดเดา

ได้อย่างแม่นยำว่า

อนาคตคุณจะเป็นอย่างไรอีก 5 ปีข้างหน้า

คุณสามารถทราบได้อย่างง่ายดายว่า

คุณจะไปไหน จะทำอะไร

และระดับรายได้ของคุณจะเป็นอย่างไร

ถ้าคุณต้องการทราบวิธีการ คำตอบง่ายๆ

คนที่คุณติดต่อด้วยมีผลกระทบ

และมีอิทธิพลอย่างมากต่อความสำเร็จของคุณ

คุณสามารถบอกได้ว่า

คนส่วนใหญ่ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร

มีแนวโน้มว่าระดับรายได้ของคุณ

อยู่ในช่วงเดียวกับของเพื่อนสนิทที่สุด

คุณคุยเรื่องเดียวกัน

และมักจะไปเที่ยวที่เดียวกัน

ในหลายกรณี คุณอาจพบว่าคุณกำลังอ่านหนังสือเรื่องเดียวกัน

หรือไม่มีใครอ่านเลย

แม้ว่าเพื่อนสนิททั้งห้าคนจะเป็นเพื่อนสนิทของคุณ

แต่คุณต้องประเมินความสัมพันธ์ของคุณ

เมื่อคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น

ความสัมพันธ์ก็เหมือนลิฟต์

พวกเขากำลังพาคุณขึ้นหรือพาคุณลง

ทุกการคบหาไม่ได้มีความหมายในระยะยาว

บางครั้งเราพบว่า ตัวเองกำลังยึดติดกับ

ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษที่หมดอายุไป

เมื่อหลายปีก่อน

นี่คือเหตุผลว่า ทำไมการเลือกความสัมพันธ์

ที่ถูกต้องจึงสำคัญมาก

เพื่อความสำเร็จในระยะยาว

คุณเพียงแค่ต้องเลือกเพื่อนที่ใช่

ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับบางประการในการเลือกเพื่อน

1.คบคนคุณภาพให้สูงขึ้น

หากคุณมุ่งเน้นที่การยกระดับชีวิต/

อาชีพ/ธุรกิจไปอีกระดับ

ทำไมไม่ลองคบหากับผู้คนในระดับ

ถัดไปล่ะ?

การทำเช่นนี้จะช่วยขยายความคิดของ

คุณไปสู่ความเป็นไปได้ที่มากขึ้น

เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกสบายใจ

กับคนที่เป็นเหมือนคุณมากที่สุด

แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม

ในบางครั้งอาจเป็นการดีที่จะก้าวออก

จาก Comfort Zone

และใช้เวลากับเพื่อน ๆ ที่สามารถทำให้คุณ

เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ข้อมูลใหม่ ๆ

และระดับการครองชีพที่สูงขึ้น

หากคุณเห็นคุณค่าของมิตรภาพเหล่านี้

คุณก็จะพบว่าตัวเองก้าวหน้าเช่นกัน

2.เลือกเพื่อนที่มีค่านิยมใกล้เคียงกัน

เมื่อพูดถึงค่านิยมและความเชื่อของคุณ

วิธีที่ดีที่สุดคือรักษามิตรภาพหลักไว้

กับคนที่มีความคิดเหมือนๆ กัน

ในขณะที่คุณเคารพความคิดเห็น

และความแตกต่างของผู้อื่น

การเลือกเพื่อนที่มีค่านิยมเดียวกันกับ

คุณจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณถูกอิทธิพล

เชิงลบ จากคนที่ไม่มีค่านิยม

และมาตรฐานที่คุณควบคุมชีวิตของคุณ

เมื่อเพื่อนมีค่านิยมที่คล้ายคลึงกัน

พวกเขาสามารถช่วยสนับสนุนกัน

3.เลือกเพื่อนที่มีเป้าหมายร่วมกัน

เมื่อคุณมีเพื่อนที่มีเป้าหมายร่วมกัน

คุณสามารถผลักดันซึ่งกันและกันได้

คุณสามารถทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

และสนับสนุนซึ่งกันและกันในการบรรลุเป้าหมาย