The Eavesdropperings

กลับมาอีกครั้งกับ The Eavesdropperings season 2 พอดแคสต์ที่จะมาบ้างไม่มาบ้าง และวันนี้กลับมาอีกครั้งต้อนรับวันวาเลนไทน์พอดิบพอดี และวันนี้เราก็ขอนำเสนอเรื่องราวของภาพยนตร์ต้อนรับวันวาเลนไทน์กันหน่อยดีกว่า นั่นก็คือ Lost in Translation คือภาพยนตร์ที่เราเลือกมาพูดคุยกับ หนัง หนั่ง หนั้ง หนั๊ง หนั๋ง นั่นเอง ยิ่งคุยกันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่า ความเหงามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมันไม่เลือกช่วงเวลาด้วย จะมีคู่หรือไม่มีคู่ มันก็เหงากันได้ทั้งนั้นนั่นแหละ

HAPPY INTERNATIONAL LESBIAN DAY 🎉🎉 เนื่องในวันเลสเบี้ยนสากล 8 ตุลาคมของทุกปี วันนี้เราก็เลยถือโอกาสเปิดรายการย่อยใหม่ นั่นก็คือ BE PROUD เพื่อเปิดโอกาสให้กับเหล่า LGBTQ+ มาคุยกัน อาจจะเป็นแค่เราคนเดียวหรือว่าคนอื่นๆ ด้วย เราก็จะชวนทุกคนมาคุยกันเรื่องที่มาของวันเลสเบี้ยนสากล Umbrella Word ของคำว่าเลสเบี้ยน ที่มา และทำความรู้จักคำว่า Sapphic คำถามที่เคยเจอ ไปจนถึงว่า ถ้ายังไม่ come out as lesbian จะเป็นอะไรมั้ย ฯลฯ ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการคุยกันสั้นๆ ก่อนนะ ไม่ยาวมาก ฟังแป๊บๆ ก็จบ ไม่ยาวเท่าอันอื่นด้วย ไว้ถ้ามีคนสนใจเยอะๆ ก็อาจจะหาเรื่องราวที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังกัน

รับฟังทางช่องทางอื่นๆ ได้ที่

Anchor: https://anchor.fm/thenoizemagazine

Apple Podcasts: https://apple.co/33zkDeg

Spotify: https://spoti.fi/30B4qDy

Google Podcasts: https://bit.ly/34y4wxc

ต้องบอกก่อนว่าเอพนี้ของพวกเราเกิดขึ้นมาจากความอัดอั้นตันใจที่โดนผู้ใหญ่เชปความคิดมาตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงเรื่องของการทำงานและการเมือง เราจะมาพูดคุยกันถึงความต่างระหว่างวัยและการสิ่งที่เราเผชิญกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาที่เด็กพบได้ทั่วไป อย่างเรื่องที่ผู้ใหญ่ไม่ยอมรับฟังและไม่ยอมเปิดใจ ชอบบอกว่าเด็กรุ่นใหม่ไม่มีความอดทน แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีปัญหาที่เด็กกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด แต่ว่าผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าเด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กก้าวร้าว  และการไม่ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสื่อต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ ถ้าหากใครประสบปัญหาแบบเดียวกัน ก็สามารถมาคุยกันได้นะ

แม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีผลงานในอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลกที่ยึดโยงและใช้ความ Queerbaiting มาล่อให้คนเข้าไปดู แต่ไม่ได้มีการ Representation ที่ดี แต่ก็ต้องบอกว่ามีผลงานหลายๆ เรื่องเลยที่นำเสนอความเป็นเควียร์ออกมาได้อย่างดีผ่านทางบทและการแสดงที่ค่อนข้างเป็นกระบอกเสียงให้ LGBTQ+ Community และบางเรื่องก็อาจจะถูกกลบจนมิดด้วยเช่นกัน วันนี้เราก็เลยอยากที่จะมาชวนทุกคนคุยกันถึงผลงานหนังและซีรีส์ที่มันไม่ได้เป็น Queerbaiting ทั้งแบบ Slow burn รอกันไปเถอะ แต่สุดท้ายก็ canon กับผลงานที่มันสื่อถึงความเป็น LGBTQ+ Community ได้อย่างชัดเจนเลย ไม่ว่าจะเป็น Hannibal, Killing Eve, Good Omens, Wynonna Earp, Legends of Tomorrow, The Old Guard, The Half of it แล้วก็ชวนคุยกันเกี่ยวกับความน่าเศร้าในอุตสาหกรรมบันเทิงเกี่ยวกับชาว LGBTQ+ และนักแสดงที่รับบท LGBTQ+ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญและเป็นกระบอกเสียงในส่วนนี้ ทำให้พื้นที่ของคนชายขอบถูกกลืนกินไป

**Queerbaiting คือ เทคนิคการตลาดอย่างหนึ่งสำหรับสื่อบันเทิงที่ผู้สร้างต้องการจะซ่อนมันเอาไว้เกี่ยวกับความรักเพศเดียวกัน มีการนำเสนอ แต่ไม่ได้มีการพูดตรงๆ และไม่ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับ LGBTQ+ Community อย่างดี (เรียกง่ายๆ ก็คือการที่เขาล่อให้คนเข้ามาดู แต่ไม่ได้มีการ represent ที่ดี)

แม้ว่าในทุกวันนี้จะมีการยอมรับ LGBTQ+ Community กันมากขึ้นในทั่วโลก และมีการนำเสนอผ่านมุมมองทั้งหนัง ซีรีส์ หรือแม้กระทั่งสื่อต่างๆ แต่ก็ต้องบอกว่าปัญหา Queerbaiting นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่เราเห็นกันอยู่มากๆ วันนี้เราก็เลยมาชวนทุกคนคุยกันในประเด็น Queerbaiting ในพาร์ทที่ 2 ด้วยประเด็นซีรีส์และหนังที่เราทุกคนคิดว่ามันเป็นที่ถกเถียงกันในประเด็น Queerbaiting ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Sherlock (BBC), Supergirl (CW), Merlin (BBC), Harry Potter, Star Wars (7-9) ว่าอะไรทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็น queerbaiting มันมีฉากไหนบ้างที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันควรที่จะนำเสนอออกมาได้ดีกว่าประเด็น queerbaiting

**Queerbaiting คือ เทคนิคการตลาดอย่างหนึ่งสำหรับสื่อบันเทิงที่ผู้สร้างต้องการจะซ่อนมันเอาไว้เกี่ยวกับความรักเพศเดียวกัน มีการนำเสนอ แต่ไม่ได้มีการพูดตรงๆ และไม่ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับ LGBTQ+ Community อย่างดี (เรียกง่ายๆ ก็คือการที่เขาล่อให้คนเข้ามาดู แต่ไม่ได้มีการ represent ที่ดี)

แม้ว่าในทุกวันนี้จะมีการยอมรับ LGBTQ+ Community กันมากขึ้นในทั่วโลก และมีการนำเสนอผ่านมุมมองทั้งหนัง ซีรีส์ หรือแม้กระทั่งสื่อต่างๆ แต่ก็ต้องบอกว่าปัญหา Queerbaiting นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่เราเห็นกันอยู่มากๆ วันนี้เราก็เลยมาชวนทุกคนคุยกันในประเด็น Queerbaiting

ประเด็น Part 1 เราก็จะคุยกันถึงความหมายและปัญหาของประเด็น Queerbaiting ที่พวกเราสังเกตเห็น และสร้างปัญหาให้กับคนภายนอกที่มองเข้ามายังกลุ่ม LGBTQ+ Community นั้นมีอะไรบ้าง นั่งคุยกันถึงตัวอย่างหนัง/ซีรีส์ที่ Queerbaiting สุดๆ หรือว่าบางเรื่องที่มันจะเหมือนเป็น Queerbaiting แต่ว่ามันดัน Slow burn และสุดท้ายแล้วมันก็ Canon นั่นแหละ และอย่างสุดท้ายก็คือหนัง/ซีรีส์ที่มีการนำเสนอเกี่ยวกับ LGBTQ+ Community ได้อย่างดี

Queerbaiting คือ เทคนิคการตลาดอย่างหนึ่งสำหรับสื่อบันเทิงที่ผู้สร้างต้องการจะซ่อนมันเอาไว้เกี่ยวกับความรักเพศเดียวกัน มีการนำเสนอ แต่ไม่ได้มีการพูดตรงๆ และไม่ได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับ LGBTQ+ Community อย่างดี (เรียกง่ายๆ ก็คือการที่เขาล่อให้คนเข้ามาดู แต่ไม่ได้มีการ represent ที่ดี)

วันนี้เรารวมตัวกันแบบเฉพาะกิจสุดๆ เพราะด้วยปัญหาโควิดที่ว่าจะเอาอยู่แล้วตอนแรก ตอนนี้ดันกลับมาอีกรอบ ทั้งที่ไม่ได้เกิดจากภาคประชาชนด้วยซ้ำ ก็เลยจะมาคุยกันเรื่องปัญหา ผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มวัยเรียนหรือวัยทำงานก็ตาม 

คำถามวันนี้ก็คือสงสัยกันว่าทำไมหลายๆ คน ถึงคิดว่าพวกฉากเลิฟซีนในงานเขียนมันถึงเป็นความจริงไปซะหมด เป็นเพราะ sex education ในไทยมันไม่ได้มีการเรียนการสอนที่ดี หรือว่าคนเขียนไม่ได้ทำความเข้าใจในเรื่องอัตลักษณ์ของ LGBTQ+ อย่างดีก่อนที่จะหยิบไปเขียน วันนี้เราก็เลยมาชวนคุยกันในฐานะคนอ่านและคนเขียนว่ามีอะไรที่จำเป็นจะต้องพิจารณาและให้ความสำคัญกันบ้าง

พอดแคสต์ในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการโจมตีหรือกล่าวโทษใคร เพียงแค่ต้องการพูดถึงปัญหาและเรื่องราวที่เคยพบเจอมาตั้งแต่ยังเด็ก รวมไปถึงข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กให้ทันต่อยุคสมัย

ต้องบอกว่าพวกเราก็ผ่านช่วงเวลาการเรียนในโรงเรียนมานาน แต่ก็ยังรู้สึกว่าปัญหาเกี่ยวกับ beauty privilege, body shaming ไปจนถึงการเรียนการสอนในเรื่องของ gender และการยอมรับตนเองนั้นก็ยังคงมีอยู่มากในโรงเรียนทุกวันนี้ พวกเราก็เลยมาชวนกันคุยถึงประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ