ภูฤๅษีคลับ

ภูฤๅษีคลับ

By คันธมาทน์

เพื่อการเผยแผ่แลกเปลี่ยนและแบ่งปันคำสั่งสอนในทางพระพุทธศาสนา สำหรับพุทธบริษัททั่วโลก
Currently playing episode

ธรรมจักรฯ บรรยาย ตอนที่ ๒

ภูฤๅษีคลับDec 20, 2021
00:00
03:60
มหาสติฯ อุทเทโส

มหาสติฯ อุทเทโส


มหาสติปัฏฐานสูตร


ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในกุรุชนบท มีนิคมของชาวกุรุ ชื่อว่า กัมมาสทัมมะ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งความทุกข์กายและความทุกข์ใจ เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลายภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดความยินดีและความยินร้ายในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดความยินดีและความยินร้ายในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดความยินดีและความยินร้ายในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดความยินดีและความยินร้ายในโลกเสียได้ ๑ ฯ


มหาสติปฏฺฐานสุตฺตํ


[๒๗๓] เอวมฺเม สุตํ ฯ เอกํ สมยํ ภควา กุรูสุ วิหรติ กมฺมาสทมฺมํ นาม กุรูนํ นิคโม ฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ภิกฺขโวติ ฯ ภทนฺเตติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุง ฯ ภควา เอตทโวจ


{๒๗๓.๑} เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ  สมติกฺกมาย ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺสอธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺฐานา ฯ กตเม จตฺตาโร ฯ


อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา  วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเกอภิชฺฌาโทมนสฺสํ ฯ


อุทฺเทสวารกถา นิฏฺฐิตา ฯ


พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ภาษาบาลี อักษรไทย


พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒ สุตฺต. ที. มหาวคฺโค


1. ในคัมภีร์เนตติปกรณ์ แสดงว่า ในการเจริญสติภาวนานี้ ที่ทรงแบ่งไว้ เป็น กายเวทนาจิตธรรม นี้ เพราะเหตุว่า การเจริญกายานุปัสสนานั้น สัปปายะกับ คนที่เป็นตัณหาจริต อ่อนปัญญา เวทนานุปัสสนา เหมาะกับคนตัณหาจริต มีปัญญากล้า นี้ชุดหนึ่ง จิตตานุปัสสนาเป็นที่สบายกับคนทิฏฐิจริต ปัญญาด้อย ธัมมานุปัสสนา สำหรับคนทิฏฐิจริต ปัญญากล้า


2. อดีตพระเทพสังวรญาณ (สงวน จิตฺตรกฺโข) วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม สอนว่า กายปรากฏพิจารณากาย เป็นต้น


3. ในหนังสือนวโกวาท แสดงว่า การเจริญมหาสติปัฏฐานนี้ โดยมนสิการทำไว้ในใจว่า กายเป็นต้น ว่า ไม่ใช่สัตว์บุคคลเราเขา คือ เห็น กาย เป็นต้น โดยความเป็นของว่างเปล่าจากกิเลสตัณหาอุปาทาน พิจารณาเห็นกายก็สักว่ากายเป็นต้น ฉะนั้น อีกนัยหนึ่งก็ เห็นความเกิด ความดับ หรือ ทั้งสอง ในกาย เป็นต้น

Jan 18, 202202:03
คิริมานนทสูตร (อาพาธสูตร) ว่าด้วยสัญญา ๑๐
Jan 01, 202204:32
โพชฌงค์ ๗

โพชฌงค์ ๗

ธรรมานุสติปัฏฐานว่าด้วย "โพชฌงคบรรพ(โพชฌงค์๗)"


       [๒๙๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรม  คือโพชฌงค์ ๗  ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือโพชฌงค์ ๗ อย่างไรเล่า    ภิกษุ ในธรรมวินัยนี้

        เมื่อสติสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า สติสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา   หรือ

    เมื่อสติสัมโพชฌงค์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า สติสัมโพชฌงค์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา    อนึ่ง

    สติสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย  

    สติสัมโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว จะเจริญบริบูรณ์ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่อธัมมวิจยสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต... ฯลฯ    อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่อวิริยสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต... ฯลฯ    อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่อปีติสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต... ฯลฯ    อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่อปัสสัทธิสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต... ฯลฯ    อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่อสมาธิสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต ฯลฯ    อีกอย่างหนึ่ง

        เมื่ออุเบกขาสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุเบกขาสัมโพชฌงค์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือ

    เมื่ออุเบกขาสัมโพชฌงค์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุเบกขาสัมโพชฌงค์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา  อนึ่ง

    อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

    อุเบกขาสัมโพชฌงค์ที่เกิดขึ้นแล้ว จะเจริญบริบูรณ์ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย

            ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรม ในธรรมภายในบ้าง

            พิจารณาเห็นธรรม ในธรรมภายนอกบ้าง

            พิจารณาเห็นธรรม ในธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง    

            พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง  

            พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง

            พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมในธรรมบ้าง

            ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียง สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุ  ชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือโพชฌงค์ ๗ อยู่ ฯ  (โพชฌงค์ ๗)


จบโพชฌงคบรรพ


Ref. ๔. ธรรมานุสติปัฏฐานว่าด้วย "โพชฌงคบรรพ(โพชฌงค์๗)" (thammaonline.com)

Jan 01, 202208:35
ธรรมโอสถ บทคัดย่อ (Audio and Text)

ธรรมโอสถ บทคัดย่อ (Audio and Text)


ปัจจัยเครื่องยังชีพพื้นฐาน ๔ ได้แก่ อาหาร เครื่องนุ่นห่ม ที่อยู่อาศัย และ ยารักษาโรค. ปัจจัย ๔ นี้ สำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะบรรพชิต. ใน “อริยวังสิกะสูตร” จตุกกนิบาต อังคุตตรนิกาย ทรงแสดงปัจจัย ๔ อีกไว้อีกอย่าง โดยใช้กับหมู่สาวกของพระอริยะ หรือ วงศ์ของอริยสาวก คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และ [สมาธิ - วิปัสสนา] ภาวนา. ซึ่งธรรมบรรยาย ชุด ธรรมโอสถ นี้ หมายถึง [สมาธิ - วิปัสสนา] ภาวนา หรือ การฝึกอบรมจิต ให้เกิดสมาธิและปัญญา เพื่อชำระจิตให้สะอาดบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลส โดยให้เกิดผลเป็นการฃบรรเทาอาการเจ็บป่วย นี้เอง ว่าเป็น “ธรรมโอสถ”. เฉพาะธรรมบรรยายชุดนี้ จะพรรณนาถึง โพชฌงค์ ๗ และ สัญญา ๑๐ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอาการเจ็บป่วย ในบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงตามหลักฐานในพระไตรปิฎก.


คำแนะนำประการหนึ่ง เกี่ยวการนำธรรมโอสถไปใช้ ก็คือ โปรดใช้วิจารณญาณกับการรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ด้วยธรรมโอสถ ว่า ไม่ได้ปฏิเสธการใช้ยา ทั้งแผนโบราณและแผนปัจจุบัน จงใช้ธรรมโอสถด้วยสติด้วยปัญญา ตามหลัก “ทางสายกลาง” คือ ไม่หลงงมงายใช้ธรรมโอสถอย่างไม่ลืมหูลืมตา รู้จักผ่อนสั่นผ่อนยาว ไม่ตึงไม่หย่อน รู้จักปรับเปลี่ยนยักย้ายให้พอเหมาะพอเจาะพอดี สมดุลกัน. ขอให้ใช้ผสมผสานกันไป ด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และ ปัญญา, การใช้ธรรมโอสถนี้ จึงจะใช้ให้ได้เห็นผลอย่างเต็มที่.


โพชฌงค์ ๗


สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค พระสุตตันตปิฎก พระไตรปิฎก บาลีสยามรัฐ เล่มที่ ๑๙ ได้กล่าวถึง พระมหากัสสปะ พระมหาโมคคัลลานะ ที่อาพาธอยู่ และ พระพุทธเจ้า ที่ทรงอาพาธอยู่ โดยพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมคือโพชฌงค์ ๗ ประทานแก่พระเถระทั้ง ๒ ด้วยพระองค์เอง ส่วนพระพุทธบิดรนั้น ทรงให้พระมหาจุนทะแสดงธรรมฯ นี้ เพื่อทรงสดับ ทั้งสามเมื่อฟังการสาธยายธรรมฯ นี้ จบลง อาการอาพาธจึงสงบลงไปด้วย.


คิริมานนทสูตร หรือ อาพาธสูตร ว่าด้วยสัญญา ๑๐


ทสกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระสุตตันตปิฎก พระไตรปิฎก บาลีสยามรัฐ เล่มที่ ๒๔ เล่าว่า ครั้งนั้นพระคิริมานนท์อาพาธอยู่ พระอานนท์ทราบดังนั้นแล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าขอประทานคำแนะนำ เพื่อจะบรรเทาอาการอาพาธของพระคิริมานนท์ จึงทรงประทานสัญญา ๑๐ พร้อมทั้งวิธีเจริญสัญญา ๑๐ อย่างกะทัดรัดแด่พระอานนท์ ให้พระอานนท์นำไปแสดงแก่พระคิริมานนท์ฟัง พอคิริมานนท์ฟังจบลงอาการอาพาธก็ทุเลาลงไปด้วย.

Dec 29, 202105:15
โลกธรรม ๘

โลกธรรม ๘


จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เป็นมงคลอันเอกอุ


ทรงแสดงไว้ใน “โลกธรรมสูตร” ว่า โลกธรรม ๘ ประการ ทั้ง ๒ ขั้ว คือ (๑) ขั้วที่น่ายินดีพอใจ ได้แก่ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข (๒) ขั้วที่น่าชิงชังน่ารังเกียจ ได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์. ธรรมทั้ง ๘ ที่ไม่ว่ามันจะวิ่งมาหาเราเอง หรือ เราจะวิ่งเข้าไปหามัน ก็ตาม เป็นสภาวะธรรมที่เสมอเหมื่อนกัน ทั้งปุถุชนทั้งอริยะชน แต่ที่จะต่างกันก็คือ จิตปุถุชนจะหลงใหลไหวหวั่นดีใจเสียใจไปกับมัน ส่วนจิตอริยสาวกเป็นกลางหนักแน่นมั่นคง ไม่หลงเศร้าโศก หรือ ไม่หลุ่มหลงหมกหมุนไปกับมัน


จิตของอริยสาวกเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ย่อมมีแต่ความเกษมศานติในภายใน เป็นอิสระเหนือความไม่พอดีของโลก มีแต่พระนฤพานอันเป็นบรมสุขเป็นวิหารธรรมอยู่ ๆ ที่ใดที่นั่นก็เป็นที่สงบเย็น ไม่ร้อนลุ่ม ตราบนานเท่านาน

Dec 21, 202102:25
ปัจจยการในพระธรรมจักรฯ

ปัจจยการในพระธรรมจักรฯ


ในพระสูตรฯ นี้ ทรงแสดง “มัชฌิมาปฏิปทา” หรือ “อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘” อันแสดงถึงหนทางละลายบาปและบำเพ็ญกุศลให้เต็มเปี่ยมไว้อย่างแยบคาย สมกับที่เป็นพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกหลังตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นผลให้เกิดพระสังฆรัตน์เกิดขึ้นรูปแรกในโลก


หนทางสายกลางนี้สรุปโดยย่อ ได้แก่ การมีสติกำหนดตามรู้ตามเห็นทุกขสัจจ์ ในปัจจุบันขณะ ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลน สามารถบรรลุถึงการละลายความทยานอยากได้ในสิ่งทั้งปวง ได้สำเร็จโดยไม่เหลือตามลำดับ ๆ ไป กล่าวอีกอย่างคือ เข้าใจทุกข์และแดนเกิดของทุกข์ ประจักษ์แจ้งชัดในการดับสนิทแห่งแดนเกิดของทุกข์ ด้วยการเจริญสติยิ่ง ๆ ขึ้นไป อย่างพอเหมาะพอดีไม่หย่อนไม่ตึงเกินไป ทั้งในฐานะชาวบ้านหรือชาววัด


ดั่งที่ทรงตอบปัญหาของท้าวสักกรินทร์เทวราช ใน “จูฬตัณหขยะสูตร” ว่า หนทางลัดสั้นที่สุดสำหรับละลายกิเลสตัณหา ได้แก่ การไม่หลงใหลยึดมั่นสิ่งทั้งปวงว่ามีตัวตนมีของ ๆ ตน

Dec 21, 202111:01
ธรรมจักรฯ บรรยาย ตอนที่ ๒

ธรรมจักรฯ บรรยาย ตอนที่ ๒

มิจฉาทิฏฐิ ๓,

๑. สัสสตะทิฏฐิ ความยึดมั่นในความเห็นผิดว่า “มีอยู่”

๒. อุจเฉทะทิฏฐิ ความยึดมั่นในความเห็นผิดว่า “ขาดสูญ”

๓. อกิริยะทิฏฐิ ความยึดมั่นในความเห็นผิดว่า “กฎแห่งกรรมไม่มี”


ประเด็นที่ต้องเข้าใจก่อน ว่า ทิฏฐิไม่ว่าจะเป็นความเห็นชอบหรือความเห็นผิด หากหลงยึดมั่นไปแล้ว เป็น “ทิฏฐุปาทาน” (ความหลงยึดมั่นในความเห็น) ทั้งนั้น ทำให้การเจริญธรรมสัมมาปฏิบัติไม่ก้าวหน้า


ครั้งหนึ่งทรงสนทนาธรรมกับพระมหากัจจายนะเกี่ยวกับ “ปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา” เป็นใจความตอนหนึ่งว่า ปฏิจจสมุปบาทสมุทยวาร (สายเกิดทุกข์) จะช่วยให้ละอุจเฉททิฏฐิได้ และว่า ปฏิจจสมุปบาทนิโรธวาร (สายดับทุกข์) สามารถทำให้ละสัสสตะทิฏฐิได้ สุดท้ายการละชั่วทำดีทำมีผลไม่สูญเปล่า การทำดี ๓ ได้แก่ การละชั่วทางการทำพูดคิด เช่น อโลภะ อโทสะ อโมหะ หรือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นต้น การทำชั่ว ๓ ได้แก่ การมัวเมา ๓ ทางการทำพูดคิด เช่น การเข้าไปพัวพันกับอบายะมุข การละเมิดศีล ๕ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น


ท้ายที่สุด ละลายชั่วให้จบสิ้น บำเพ็ญบุญให้เต็มเปี่ยม และ ชำระจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ไม่หลงใหลในทุกสิ่ง นี้เป็นคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา โดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ.

Dec 20, 202103:60
บทบรรยายและสวดสาธยายธรรมจักรฯ เบื้องต้น

บทบรรยายและสวดสาธยายธรรมจักรฯ เบื้องต้น

พระธรรมจักรฯ บรรยายและสวดสาธยาย ๑

Dec 19, 202110:32