Soul Food Podcasts

พระธรรมนำชีวิต
ตอน กำจัดทำลายให้สิ้นซากหรือยัง Ep.980

จากเมื่อวานมีคำสั่งว่า จงทำสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระเจ้า พวกเราคิดดูไหมว่า อะไรที่เราจะทำแล้วพระเจ้าจะทรงเห็นว่าสิ่งนั้นถูกต้องและดีงาม โมเสสได้ขยายความเรื่องนี้ต่อไปว่า

“โดยขับไล่ศัตรูทั้งสิ้นของท่านออกไปให้พ้นหน้าท่าน ดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭19‬

สิ่งที่ถูกต้องและดีงามในเวลานั้นคือ การขับไล่ศัตรู ใน TNCV ใช้คำว่ากำจัดศัตรูทั้งปวง กำจัดหรือขับไล่หมายความว่า ทำลายให้สิ้นซาก คือให้ทำลายทุกสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา หมายความว่า ทำลายทุกสิ่งที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาออกจากพระเจ้าสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรพระเจ้า มีอีกสิ่งนึงที่พระเจ้ามองว่าถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระองค์คือการทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างดังนั้นสิทธิอำนาจทั้งหมดจึงเป็นของพระองค์ และทุกอย่างต้องเป็นไปตามความต้องการของพระเจ้า ดังนั้นความถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระเจ้าจึงต้องเกิดจากพระองค์เท่านั้น หากเราอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรพระเจ้า ให้เราเชื่อฟังทำตามถ้อยคำของพระเจ้าทุกอย่าง

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา” ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬ ‭
สำหรับเราในยุคพันธสัญญาใหม่เรื่องราวทุกอย่างในพันธสัญญาเดิมก็เป็นพยานยืนยันให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรพระเจ้า เราก็ต้องขับไล่ กำจัด ทำลายศัตรูของพระเจ้าในใจของเราให้สิ้นซาก ศัตรูคือการอยู่ฝ่ายตรงข้ามกัน มองหรือคิดเห็นในเรื่องเดียวกันแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น วิธีหาเงินให้ได้มามากๆจากการโกงหรือไม่ซื่อสัตย์ โลกอาจจะมองว่า เจ๋ง ฉลาด มันเป็นโอกาสที่เขาโง่เอง เขาไม่รอบคอบเอง แต่ในสายพระเนตรพระเจ้านี่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่ดีงาม จงทำลายศัตรูให้สิ้นซากด้วยการละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่และบาปที่เกาะแน่น เราต้องทิ้ง ต้องทำลายอะไรก็ตามที่ทำให้เราหันไปสนใจสิ่งนั้นมากไปกว่าพระเจ้าที่รักเราที่สุด ที่ยอมจ่ายราคาซื้อเราที่ตายแล้ว หมดสภาพไปแล้วด้วยพระองค์เอง พระองค์ชุบชีวิตและทำให้เราสะอาดด้วยการตายแล้วฟื้นของพระเยซูเพื่อเปลี่ยนสถานะของเราใหม่ จากศัตรูกลายมาเป็นลูกของพระเจ้า ขอให้เราสู้ต่อไปด้วยความอดทนบากบั่น วิ่งไปเรื่อยๆบนเส้นทางที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับเราทุกคน อย่าหยุดวิ่งหากเหนื่อยกับสิ่งที่กำลังต่อสู้อยู่ ให้เราวิ่งไปด้วยกันโดยอาศัยกำลังที่มาจากพระเจ้า ผมอยากให้เราทุกคนรู้ว่าพวกเราไม่ได้สู้อย่างโดดเดี่ยว แต่เรามีพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา และเรามีครอบครัวมีพี่น้องในพระคริสต์รวมสู้ไปพร้อมๆกัน คริสตจักรคือครอบครัวที่เรามาร่วมกันทำลายศัตรูของพระเจ้าในชีวิตของแต่ละคนให้สิ้นซาก ขอพระเจ้าเมตตานำให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้องและดีงามในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ เพราะว่าพระเจ้าทรงชนะความทั้งหมดแล้ว การเลือกข้างพระเยซูนั้นคือเลือกอยู่ฝั่งชนะแล้ว แต่เลือกมาอยู่ฝั่งที่ชนะ ก็ต้องอยู่ในข้อตดลง ในกฎเกณฑ์ของฝั่งที่ชนะ จะปล่อยตัวปล่อยใจตามสบายเหมือนเดิมไม่ได้
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (68)

อะไรคือสิ่งที่ถ่วงคุณอยู่ ในเวลานี้?

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้ว
ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น
ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา”
‭‭ ~ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬ ‭THSV11‬‬
“Such a large crowd of witnesses is all around us!
So we must get rid of everything that slows us down,
especially the sin that just won't let go.
And we must be determined to run the race that is ahead of us.”
‭‭ ~Hebrews‬ ‭12‬:‭1‬ ‭CEV‬‬

จอห์น บันยัน ผู้เขียนวรรณกรรมโด่งดังของโลก” Pilgrim’s Progress “กล่าวว่า

“รูรั่ว เพียงรูเดียวสามารถทำให้เรือจม
ความบาปเพียงบาปเดียว ก็สามารถทำลายชีวิตของคนบาปได้เช่นกัน“
( One leak will sink a ship:
and one sin will destroy a sinner.)
~John Bunyan(1628-1688)

ดังนั้น อย่าให้มีบาปใดที่ยังเกาะแน่นในชีวิตของเรา
จงทิ้งทิ้งมัน ก่อนที่มันจะทำให้ชีวิตเราพัง และจมอยู่ในความทุกข์อับอาย
เหมือนกับที่บรรดาคนแห่งความเชื่อได้กระทำมาให้เห็นเป็นแบบอย่าง
ดังที่ผู้เขียนพระธรรม ฮีบรู กำชับไว้ว่า

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็

1.ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่
คำถาม:
“ วันนี้มีอะไรบ้างที่ยังถ่วงคุณอยู่
ทำให้คุณ
1).ติดตามพระเจ้าไม่ได้ หรือ
2).เป็นพยาน หรือ รับใช้พระเจ้าไม่ได้?
จะปล่อยมันถ่วงคุณต่อไป หรือคุณจะกล้าหาญ
ก.เผชิญหรือ
ข.จัดการ กับมัน?
และจะทำอย่างไร?“

2.ขอให้เราละทิ้งบาปที่เกาะแน่น
คำถาม:
” เวลานี้ บังมีบาปอะไรที่เกาะแน่น ใน
1).ความคิด
2).จิตใจ
3).จิตวิญญาณ
4).คำพูด
5).พฤติกรรมที่คุณทำอยู่?
คุณจะสมัครใจจัดการกับมันเอง หรือ
คุณจะให้พระเจ้าทรงช่วยคุณในการจัดการกับมัน?”

3.ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา
คำถาม:
“1).คุณมีความทรหดอดทนแค่ไหน ในการแข่งขันของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการติดตามพระคริสต์?
2).คุณเจ็บปวด เหน็ดเหนื่อย หรือ เสียสละมากแค่ไหน ในการทำเช่นนั้น
แล้ว ผลออกมาเป็นอย่างไร? คุณจะไปต่อหรือไม่?“

4. ขอให้เราจับตามองที่
1).พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ และ
2).พระเยซูผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์
3).พระเยซูผู้ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์
4).พระเยซูผู้ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ และ
5).พระเยซูผู้ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า”
คำถาม:
“เวลานี้ สายตาของคุณ จับจ้องมองดูอยู่ที่
1).อะไรหรือ
2).ใคร?
การมองดูเช่นนั้น ช่วยให้คุณเดินหน้าต่อไป
1).ง่ายขึ้นหรือ
2).ยากขึ้น?
คุณมีประสบการณ์กับการจับตามองที่พระเยซูคริสต์ผู้บุกเบิกความเชื่อ
และทำให้ความเชื่อของคุณสมบูรณ์มากขึ้นบ้างหรือไม่?อย่างไร?
‭‭ (ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬ )

ใช่ครับ วันนี้
1.ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่
2.ขอให้เราละทิ้งทุกบาปที่เกาะแน่น และ
3.ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทน
ในการแข่งขันของชีวิตที่อยู่ข้างหน้าเรา
จนกว่า จะถึงเส้นชัย ในวันสุดท้ายของชีวิตของเรา ในโลกนี้
… จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
7มิถุนายน 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (67)

อย่าเร็วอย่าช้าจนเกินไป!

“คนที่ระวังปากและลิ้นของตน
ก็ปกป้องตัวเองจากความยุ่งยาก(ภัยพิบัติ)”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭21‬:‭23‬ ‭THSV11‬‬
“Those who guard their mouths and their tongues
keep themselves from calamity.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭21‬:‭23‬ ‭NIV‬‬

คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้หรือไม่ที่ว่า

“ ครึ่งหนึ่งของความยุ่งยากในชีวิต กล่าวได้ว่า
มาจากการพูดคำว่า”ได้“ เร็วเกินไป และ
การไม่พูดคำว่า ”ไม่ได้“ ตั้งแต่เนิ่นๆ”
(Half of the troubles of this life can be traced to
saying yes too quickly and not saying no soon enough.
~Josh Billings

ดังนั้น
1. อย่าคิด
2. อย่าพูด หรือ
3.อย่าแสดงอาการ หรือ
4.อย่าทำอะไรที่
“เร็ว”เกินไป หรือ
” ช้า“เกินไป
เพราะมีแต่จะก่อเกิด ผลเสีย หรือ หายนะ มากกว่าผลดี!

ดังข้อเตือนสติ ต่อไปนี้

“เรื่องดูร้าย อาจไม่ร้าย คล้ายที่คิด
หากคิดผิด สนอง หมองเสียหาย
หากอารมณ์ ขมขื่น กลืนฝันร้าย
ยังไม่สาย มองใหม่ ใจสุขพลัน

เรื่องคุณค่า ราคา ของชีวิต
แค่ยืนผิด องศา อัตราเปลี่ยน
อยู่ผิดที่ ผิดทิศ ชีวิตเพี้ยน
จงรู้เรียน ยืนถูกที่ มีค่าเพิ่ม

เรื่องเงินทอง ใครใคร ใคร่อยากได้
แต่หากให้ แลกกับ นอนไม่หลับ
ผมคงต้อง บอกไป ไม่ขอรับ
เพราะนอนหลับ สุขี ดีกว่ารวย

เรื่องปัญหา น่าอิดหนา ระอาใจ
แต่เรื่องใหญ่ หาใช่ ปัญหาไม่
แก้ไม่เป็น ต่างหาก ลากบรรลัย
สงบใจ แก้ไข ได้แน่นอน

เรื่องปากลิ้น จงเฝ้า เอาใจใส่
อย่าปล่อยไป ทำร้าย ใครที่ไหน
ควบคุมดี โทษภัย ไม่โดนใคร
ป้องกันไว้ ยุ่งใจ ไม่มีมา!“

พี่น้องที่รัก

อย่าให้เรา คิด พูด แสดง หรือ ทำอะไรที่
1.เร็วเกินไป หรือ
2.ช้าเกินไป
แต่ขอให้เรามีสติและมีวิจารณญาณ ในการทำสิ่งต่างๆ
ได้อย่างเหมาะสม แบบ
“ถูกกาละ และเทศะ ”

คือถูกที่ถูกเวลา!

…จะดีไหมไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
6มิถุนายน 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน คำเตือนมีไว้เพื่อ...? Ep.978

ต่อจากเรื่องราวเมื่อวานกันเลย เรามาถึงคำเตือนที่ตรงและดูรุนแรงในความคิดของผม

“อย่าลองดีกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเหมือนที่ท่านได้ทำที่มัสสาห์” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭16‬ ‭TNCV‬‬

อย่าลองดีกับพระเจ้า เป๋นคำเตือนที่ตรงมากๆ ในรายการห้องนั่งเล่นได้ให้ข้อมูลถึงคำๆนี้ไว้ แม้ว่าสิ่งที่เรานำมาพูดคุยกันในรายการจะเป็นพันธสัญญาใหม่ แต่ผมคิดว่าเราสามารถนำความหมายนี้มาใช้ได้ทุกครั้งที่เราพบคำว่า "อย่า" ในพระวจนะของพระเจ้า คำนี้ความหมายว่า ถ้าทำอยู่ให้หยุดซะ แต่ถ้ายังไม่เริ่มทำ อย่าริอาจคิดจะทำ ขอเราจะไม่นำแนวคิดจากการขับรถมาใช้กับการอ่านถ้อยคำของพระเจ้า สัญญาณจราจรไฟเขียว คือต้องรีบไป ข้ามได้ทันที มันปลอดภัย ไฟแดงคือห้ามข้ามไป ไม่ปลอดภัย ส่วนไฟเหลือง เป็นคำเตือนให้หยุด และอย่าข้ามไป เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นิสัยของเราบางคนอาจจะมองว่าไฟเหลืองมันต้องรีบเหยียบข้ามไปเพราะยังไปได้อีกสองสามคัน ทุกคนที่ฝ่าฝืนกฎหมายถึงอาจจะตายได้เสมอ ขอให้เรากลับมาใส่ใจในถ้อยคำของพระเจ้าทุกประการ โดยเฉพาะคำว่า "อย่า" ถ้าทำอยู่ให้หยุดซะ ถ้ายังไม่ทำอย่าริอาจคิดจะทำ โมเสสบอกว่า อย่าลองดีกับพระเจ้า เหมือนที่ท่านได้ทำในมัสสาห์ เป็นคำถามว่า คนอิสราเอลในรุ่นที่แล้วทำอะไรที่มัสสาห์ เรื่องนี้เราต้องย้อนกลับไปดูที่อพยพ ซึ่งผมเคยนำพี่น้องผ่านมาเรียบร้อยแล้ว จากพระธรรมอพยพ 17 คนอิสราเอลหิวน้ำ จึงมาบ่นต่อว่า มาเอาเรื่องโมเสสให้หาน้ำให้เขาดื่ม โมเสสจึงบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าหาเรื่องเราทำไม? ทำไมพวกเจ้าจึงบังอาจลองดีกับพระยาห์เวห์“

“โมเสสจึงร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าพระองค์จะทำอย่างไรกับชนชาตินี้ดี? พวกเขาเกือบเอาหินขว้างข้าพระองค์ให้ตายอยู่แล้ว” อพยพ‬ ‭17‬:‭4‬ ‭THSV11‬‬

เมื่อโมเสสร้องทูลพระเจ้ามีคำตอบ พระเจ้าทรงคลี่คลายเหตุการณ์โดยสั่งให้โมเสสเดินล่วงหน้าไปกับผู้ใหญ่ของเขา แล้วเอาไม้เท้าตีที่หิน จึงมีน้ำออกมาให้พวกเขาได้ดื่ม ได้ใช้กัน

“โมเสสเรียกชื่อสถานที่นั้นว่า มัสสาห์ และเมรีบาห์ เพราะคนอิสราเอลหาเรื่องตน ณ ที่นั้น และลองดีกับพระยาห์เวห์ว่า “พระยาห์เวห์สถิตอยู่ท่ามกลางพวกข้าพเจ้าจริงหรือ?””
‭‭อพยพ‬ ‭17‬:‭7‬ ‭THSV11‬‬

ในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ ได้พูดถึงเพียงมัสสาห์ แต่ที่อพยพนี้เรียกที่นี่เป็นสองคำว่า มัสสาห์ และเมรีบาห์ คำว่า มัสสาห์ แปลว่า การทดลอง ส่วนคำว่า เมรีบาห์ แปลว่า การต่อสู้ ในการย้ำเตือนครั้ง 2 ของโมเสสสรุปเรื่องราวนี้ได้ว่า อย่าลองดีกับพระเจ้า ขอพวกเราจะขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าตรวจสอบเรา ขอพระองค์ควบคุมใจและปากของเรา ที่เราจะไม่คิดทดสอบและต่อสู้กับพระเจ้า อย่าให้ใจของเราสร้างมัสสาห์และเมรีบาห์กับพระเจ้า แต่ให้เราระวัง และใส่ใจที่จะเชื่อฟังทำตามพระเจ้าเสมอ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4 (66)

จงสอนให้สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง!

“ส่วนท่านจงสอนให้สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง”
‭‭ ~ทิตัส‬ ‭2‬:‭1‬ ‭THSV11‬‬
“You, however, must teach
what is appropriate to sound doctrine.”
‭‭ ~Titus‬ ‭2‬:‭1‬ ‭NIV‬‬

Matthew Henry (1662-1714) กล่าวว่า

“คนที่สอนด้วยหลักคำสอนของเขา จะต้องสอนด้วยชีวิตของเขาด้วย
มิฉะนั้น เขาจะใช้มือข้างหนึ่งฉุดดึงสิ่งที่มืออีกข้างหนึ่งของเขาสร้างมาให้พังลงมา!“
(Those who teach by their doctrine must teach by their life,
or else they pull down with one hand what they build up with the other.)

อาจารย์ เปาโล ก็เคยกำชับให้ทิตัส สอนในสิ่งที่สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง ไว้ว่า

“ส่วนท่านจงสอนให้สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง
1.สอนบรรดาผู้ชายสูงอายุให้
1).รู้จักประมาณตน
2). มีความน่านับถือ
3). มีสติสัมปชัญญะ
4).มีความเชื่อที่ถูกต้อง
5). มีความรัก และ
6).มีความทรหดอดทน
2.สอนบรรดาผู้หญิงสูงอายุ ก็สอนพวกนาง
1).ให้ประพฤติด้วยความน่านับถือ
2).ไม่ใส่ร้าย
3). ไม่ติดเหล้า
4).เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม เพื่ออบรมหญิงสาว
ก.ให้รักสามีและบุตรของพวกตน
ข.ให้มีสติสัมปชัญญะ
ค.ให้เป็นคนบริสุทธิ์
ง.ให้ดูแลบ้านเรือนอย่างดี
จ.ให้มีความเมตตาและ
ฉ.ให้เชื่อฟังสามีของตน
เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น
3.สอนและเตือนสติพวกชายหนุ่ม
ให้มีสติสัมปชัญญะ
4.สอนตัวเองประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง
1).ในการดีทุกด้าน
2).ในการสอนอย่าง
ก.จริงใจ
ข.จริงจัง และ
ค.ถูกต้องที่ไม่มีใครจะตำหนิได้
เพื่อให้ฝ่ายตรงข้าม
ก).อับอายและ
ข).ไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา”
‭‭ ~ทิตัส‬ ‭2‬:‭1‬-‭8‬ ‭THSV11‬‬

ใช่ครับ ถ้าเราได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สอน ก็ขอให้เราเป็นผู้สอนอย่างที่พระเจ้าและคริสตจักรต้องการ นั่นคือ
ให้เราเป็นผู้สอนที่สอนความจริงของพระเจ้าอย่างถูกต้อง โดยมี
ความประพฤติ และการดำเน้นชีวิตที่ดีของเรา สนับสนุนในสิ่งที่เราสอน ทั้งต่อผู้เรียนที่เป็น

1.คนอายุมาก และคนอายุน้อย
2.คนที่ความรู้มาก และคนมีความรู้น้อย
3.คนมีมาก (รวย) และคนมีน้อย(จน)
4.คนที่เป็นเพศเดียวกัน หรือคนละเพศ
5.คนที่เป็นผู้นำและคนที่เป็นผู้ตาม
6.คนเป็นนาย และคนเป็นทาส(หรือเป็นลูกน้อง)
7.คนในบ้านและคนนอกบ้าน ฯลฯ

ดังนั้น ขอให้เราตั้งเป้าและเรียนรู้เพื่อที่จะเป็นผู้สอน และทำตามคำสอนนั้น แบบคนต้นแบบ หรือตัวอย่างเพื่อให้คนอื่นๆทำตาม
โดยสอนความจริงของพระเจ้า อย่างถูกต้อง ด้วยความรัก ด้วยคุณลักษณะ ดังต่อไปนี้

1.ชีวิตชีวา ~มีความกระปรี้กระเปร่า สดชื่น และเบิกบานใจในการสอน
2.ชำนาญ/ช่ำชอง~มีความเชี่ยวชาญจัดเจนในการสอนและทักษะในการแก้ปัญหา
3.ชี้ทาง~นำทาง บอกทาง ชี้แนะ ชี้นำ และอำนวยการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการสอน
4.ชูใจ~ ปลุกใจให้กำลังใจผู้เรียนมีกำลังทำดีได้ ตามที่สอน
5.ชันสูตร~มีกระบวนการตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงของสิ่งที่จะสอน ก่อนสอนสิ่งนั้นออกไป
6.ชั้นครู/ชั้นยอด~มีความเป็นเลิศ ยอดเยี่ยมในเรื่องที่เชี่ยวชาญทั้งเรื่องและวิธีที่สอน
7.ชื่อเสียงดี~เป็นที่รู้จักและยอมรับในสังคมเรื่องชีวิตและความสามารถในการสอน
8.เชื่อฟังพระเจ้า~ประพฤติตนตามคำสั่งสอนของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างซื่อตรง
9.ชอบพระทัย~ทำตามสิ่งที่พระเจ้าและตัวเองสอน ในวิถีที่พระเจ้าพอพระทัย
10.ช่วยให้รอด~สอนความจริงและข่าวประเสริฐของพระคริสต์ที่คนเข้าใจเปิดใจรับและรอด

พี่น้องรัก ขอให้เราเป็นผู้สอนความจริงของพระเจ้า
ที่มีชีวิตของเราเป็นเครื่องยืนยันความจริงที่เราสอนอย่างน่าเชื่อถือ
…จะดีไหมครับ?


~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
5มิถุนายน 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(65)

จงระวังในสิ่งที่คุณสอน!

“พี่น้องของข้าพเจ้า อย่าเป็นอาจารย์กันมากนักเลย
เพราะท่านทั้งหลายก็รู้ว่าเราที่เป็นคนสอนนั้น
จะต้องถูกพิพากษาที่เข้มงวดยิ่งขึ้น”
‭‭ ~ยากอบ‬ ‭3‬:‭1‬ ‭THSV11‬‬
“Not many of you should become teachers, my fellow believers,
because you know that we who teach will be judged more strictly.”
‭‭ ~James‬ ‭3‬:‭1‬ ‭NIV‬‬

นอกจาก อาจารย์ยากอบ เตือนสติให้เราระวังในเรื่องการตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนคนอื่น
เพราะเราจะต้องรับผิดชอบอย่างหนักหน่วงกับสิ่งที่เราพูดและสอน
อาจารย์เปาโลก็กำชับไว้เช่นกันว่าไม่ให้เราสอนผิดแปลก หรือขัดแย้งกับพระวจนะที่ถูก
ต้องของพระเยซูคริสต์ ไว้ดังนี้

“1.ถ้าใครผู้ใด
1).สอน(หลักข้อเชื่อเท็จ)ผิดแปลกไป และ
2).ไม่ยอมเห็นด้วย(ขัดกับคำสอนอันมีหลัก)
ก.กับบรรดาพระวจนะที่ถูกต้องของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และ
ข.กับคำสอนที่สมกับทางพระเจ้า
2.เขาก็เป็นคนยโสจองหองลืมตัว
3.เขาไม่เข้าใจอะไรเลย
4.เขามีความผิดปกติที่(หมกมุ่น)ชอบ
1).ทุ่ม(ถก)เถียง และ
2).โต้แย้งในเรื่องถ้อยคำ
ซึ่งเป็นเหตุให้เกิด
ก.การอิจฉา
ข.การวิวาท แก่งแย่งชิงดี
ค.การกล่าวร้าย ใส่ร้าย
ง.การไม่ไว้วางใจ ระแวงกัน และ
จ.การโต้เถียง บาดหมางแตกร้าว
ท่ามกลางพวก
ก).ที่มีความคิด(ใจ)เสื่อมทราม
ข).ที่สูญเสีย(ถูกฉกชิง)ความจริงไป
ค).ที่คิดว่าทางพระเจ้านั้นเป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์(หาเงินทองทำกำไร)”
~‭‭1 ทิโมธี‬ ‭6‬:‭3‬-‭5‬

ดังนั้นเพื่อให้การสอนของเราไม่ก่อเกิดปัญหา ต่อ
1.พระเจ้า
2.คริสตจักร
3.ตัวเรา
4.คนอื่น
เราต้องระมัดระวัง ในการพูด หรือ การสอนของเรา ไม่ว่าจะเป็น ออนไลน์ หรือ ออนไซด์
ไม่ให้เข้าข่ายการสอนที่พึงหลีกเลี่ยง ดังต่อไปนี้

1. ชวนเชื่อ ~สอนเผยแพร่ความคิดเห็นด้วยกลอุบายเพื่อโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นให้เห็นคล้อยตาม
2.ชี้หน้า~สอนแบบ กักขฬะ กล่าวหา ด่าว่าผู้ฟัง อย่างลุแก่โทสะ หรือเพราะอับอาย
3.ชำรุด~ สอนด้วยคำสอนที่บกพร่อง ทรุดโทรมล้าสมัย ไม่ครบถ้วน ผิดหลักพระคัมภีร์
4.เชลียร์~ สอนแบบ เชียร์+เลีย ต่อใครคนใดหรือเรื่องใด จนเกินงาม
5.ชิงชัง ~สอนด้วยความเกลียดชังและทำให้คนฟังเกลียดชังใครคนใดคนหนึ่ง
6.ชั่วช้า~สอนด้วยคำสอนที่ชั่วร้าย ต่ำทราม และเป็นภัยต่อผู้ฟังและคนอื่นๆ
7.ชอบกล ~สอนแบบมีชั้นเชิง ที่แปลกๆ แปรปรวน เพ้อฝัน หรือ ไม่ควรเป็น
8.ช่วงชิง~ สอนแบบแย่งชิง ความสนใจ ผลประโยชน์ คนหรือสิ่งของ
9.ชี้ขาด~สอนแบบตัดสิน ชี้ขาดคนอื่น หรือการกระทำของผู้อื่น โดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง
10.แช่งสาป~สอนแบบกล่าวมุ่งร้าย แช่งสาป ให้เป็นอันตรายร้ายแรงต่อผูือื่น

ดังนั้น ขอให้เราจง
1.เป็นผู้สอนที่ดี ที่สอนพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้องด้วยความรัก
ไม่สอนผิดเพี้ยนออกไปด้วยแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม
และ
2.เป็นผู้เรียนที่ดี ที่รู้จักแยกแยะสิ่งที่ฟังหรือรับการสอนมา ว่า อะไรควรยึดไว้
และอะไรควรจะโยนทิ้งไป เพราะขัดกับพระวจนะของพระเจ้า
ไม่ใช่รับไว้ทั้งหมด เพราะความชอบ ความสนิท หรือความศรัทธาในบุคคล

…เห็นด้วยไหมครับ?


~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
3มิถุนายน 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำขีวิต
ตอน ปล่อย Ep.977

สิ่งที่โมเสสกำลังเตือนคนอิสราเอลรุ่นที่กำลังจะเข้าไปดินแดนที่พระเจ้าสัญญาไว้ คำเตือนนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องใส่ใจมากๆ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจากพระสัญญาของพระเจ้านั้น อาจทำให้เราหลุดออกจากพระประสงค์ความต้องการของพระเจ้าได้ง่ายมากๆ โมเสสเตือนพวกเขาว่า เมื่อพระเจ้าพาพวกเขาเข้าสู่ดินแดนที่ทรงสัญญาไว้แล้ว ที่นั่นเป็นดินแดนที่มีเจริญรุ่งเรือง มีบ้านเรือนที่เพียบพร้อมมีของดีๆ สารพัดซึ่งพวกเขาไม่ได้สร้าง ไม่ได้ไปหามา ดินแดนนั้นมีบ่อน้ำ มีสวนองุ่นและสวนมะกอก เมื่อพวกเขาได้รับประทานจนอิ่มหนำ เมื่ออยู่ตรงจุดนั้น ทั้งเราและคนอิสราเอล ไปอยู่ในจุดที่เรียกว่า ความสุข สะดวกสบาย โมเสสเตือนคนอิสราเอลและพวกเราว่า

“จงระวังให้ดี อย่าลืมองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนำท่านออกมาจากอียิปต์ออกจากแดนทาส”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭12‬ ‭TNCV‬‬

จงระวังให้ดี อย่าให้ความสุขทำพวกเราเพลิดเพลินกับชีวิต จนลืมพระเจ้าผู้ประทานความสุขทุกอย่างให้กับชีวิตของเรา จำเราให้ขึ้นใจว่า ถ้าพระเจ้าไม่อวยพรหรือประทานให้เราจะไม่มีทุกสิ่งเหล่านี้เลย

“จงยำเกรงพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว และจงสาบานในพระนามของพระองค์”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭13‬ ‭TNCV‬‬

เป็นคำสั่งว่า จงยำเกรงพระเจ้า คำว่า ยำเกรง มีความหมายว่า เกรงกลัว ขอให้เราจะเกรงกลัวพระเจ้า จงสาบาน คำว่าสาบาน มีความหมายในตัวว่า ให้คำมั่นสัญญาต่อพระเจ้า

“อย่าติดตามพระอื่นใดของชนชาติต่างๆ ที่อยู่รอบตัวท่าน”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭14‬ ‭TNCV‬‬

โมเสสยังย้ำอีกครั้งว่า อย่าติดตามพระอื่น เมื่อเราไปอยู่ในจุดที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย โลกตรงนั้นจะมีสิ่งที่ดึงดูดความสนใจเราได้ง่ายมากๆ จนเราหันไปสนใจ ติดตามสิ่งเหล่านั้นจนเราลืมพระเจ้าผู้พาเรามาอยู่ในจุดๆนั้น

“เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงสถิตท่ามกลางท่านทั้งหลายทรงเป็นพระเจ้าที่หึงหวง พระพิโรธของพระองค์จะเผาผลาญท่านและพระองค์จะทรงกวาดล้างท่านออกไปจากแผ่นดินนี้”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭15‬ ‭TNCV‬‬

โมเสสได้ย้ำถึงพระลักษณะของพระเจ้าอีกครั้งว่า พระเจ้าที่สถิตอยู่กับพวกเขานั้น เป็นพระเจ้าที่แน่วแน่ รักจริง ทรงหวงเรา หากพระเจ้าโกรธพระองค์จะลงโทษ ตอนนี้มีหลายคนทั้งที่เชื่อพระเยซูและผู้ที่ยังไม่เชื่ออาจจะมองว่า พระเจ้าไม่ลงโทษเราเหมือนในพันธสัญญาเดิมหรอก เพราะตอนนี้เป็นเวลาของพระคุณ ถ้าเราคิดแบบนั้นอยู่รบกวนไปอ่านพัธสัญญาใหม่ด้วยนะครับ ในพระธรรมโรมได้บันทึกไว้ว่า ตอนนี้พระเจ้าปล่อยให้เรามีโอกาสตัดสินใจว่าจะทำอะไร หากเราจะอยู่ในพระคุณของพระเจ้าผ่านทางพระเยซู เราต้องอยู่ในข้อตกลงทุกอย่าง แต่ถ้าจะปล่อยตัว ปล่อยใจ ตามความต้องการทุกอย่าง พระเจ้าก็จะปล่อยให้เราทำ แต่เมื่อพระเยซูกลับมา หมายความว่า คุณหมดเวลา หมดเวลากลับใจแล้ว เวลานั้นพระเยซูจะมาเช็คบิล มาคิดบัญชี คิดราคาทุกอย่างตามสิ่งที่เราทำไป ดังนั้นในข้อต่อไปโมเสสใช้คำเตือนที่ตรงและแรงมากๆ คือ อย่าลองดีกับพระเจ้า พรุ่งนี้ผมจะกลับมาต่อถึงคำเตือนนี้ครับ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(64)

เรื่องไม่น่าแปลกใจ!

“เหตุฉะนั้นจึงไม่เป็นการแปลกอะไรที่คนรับใช้ของซาตาน
จะปลอมตัวเป็นคนรับใช้ของความชอบธรรม
ท้ายที่สุดของเขาจะเป็นไปตามการกระทำของเขา”
~‭‭2 โครินธ์‬ ‭11‬:‭15‬ ‭TH1971‬‬
“It is not surprising, then, if his servants also masquerade as servants of righteousness. Their end will be what their actions deserve.”
‭‭ ~2 Corinthians‬ ‭11‬:‭15‬ ‭NIV‬‬


ในชีวิตนี้ เราจะพบเรื่องน่าประหลาดใจอยู่เสมอ
ดังนั้น เราต้องทำใจพร้อมรับมือ กับ
1.เรื่องน่าแปลกใจ
2.เรื่องไม่คาดคิด
3.เรื่องเหนือความคาดคิด หรือ
4.เรื่องเกินความคิด
อยู่บ่อยครั้ง!
ในพระคัมภีร์เองก็มีคำสอนที่ชวนให้น่าประหลาดใจ มากมาย แต่แท้จริงแล้วไม่ประหลาดใจอะไรเลย
อย่างเช่นกรณีของนิโคเดมัส สมาชิกสภาการปกครองของยิว ผู้มาสนทนากับพระเยซู
แล้วแปลกใจ ที่พระเยซูตรัสบอกว่าตัวของเขาต้องเกิดใหม่ เพื่อจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้า
พระเยซูคริสต์อธิบายว่า เขาต้องเกิดใหม่ จากเบื้องบน หรือบังเกิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่จากเกิดฝ่ายกายโดยต้องเข้าไปในครรภ์มารดาอีกครั้ง

“พระเยซูตรัสตอบว่า
“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ไม่มีใครสามารถเข้าอาณาจักรของพระเจ้าได้
ถ้าเขาไม่ได้เกิดจากน้ำและพระวิญญาณ มนุษย์ให้กำเนิดมนุษย์
แต่พระวิญญาณ ให้กำเนิดวิญญาณ
ท่านไม่ควรแปลกใจที่เราบอกว่าท่าน ต้องเกิดใหม่
ลมพัดไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ ท่านได้ยินเสียงลม
แต่ท่านไม่อาจบอกว่าลมมาจากไหนหรือจะไปที่ไหน
ทุกคนที่เกิดจากพระวิญญาณก็เช่นกัน””
‭‭ ~ยอห์น‬ ‭3‬:‭5‬-‭8‬ ‭TNCV‬‬

อาจารย์ยอห์น สาวกที่พระเยซูทรงรัก ก็เคยบอกผู้อ่านจดหมายของท่านว่า

“พี่น้องเอ๋ย อย่าประหลาดใจที่โลกนี้เกลียดชังท่าน”
~‭‭1 ยอห์น‬ ‭3‬:‭13‬ ‭THSV11‬‬

เพราะพระเยซูคริสต์เคยอธิบายไว้ก่อนแล้วว่า

““ถ้าโลกเกลียดชังพวกท่าน จงจำไว้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน
ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็จะรักพวกท่านในฐานะที่เป็นของโลก
แต่ตามที่เป็นอยู่พวกท่านไม่ได้เป็นของโลก
เพราะเราได้เลือกพวกท่านออกมาจากโลกแล้ว
ฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังพวกท่าน จงระลึกถึงคำที่เราได้กล่าวแก่พวกท่านไว้ว่า
‘บ่าวย่อมไม่เหนือกว่านายของตน’
ถ้าเขาข่มเหงเราพวกเขาย่อมจะข่มเหงพวกท่านด้วย
ถ้าพวกเขาเชื่อฟังคำสอนของเราพวกเขาย่อมจะเชื่อฟังคำสอนของพวกท่านด้วย”
‭‭ ~ยอห์น‬ ‭15‬:‭18‬-‭20‬ ‭TNCV‬‬

อาจารย์ เปโตร ศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ ก็กล่าวว่า

“ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าแปลกใจกับความทุกข์ยากแสนสาหัสที่กำลังเกิดขึ้นกับพวกท่าน เพื่อทดสอบพวกท่านนั้น ราวกับว่าสิ่งประหลาดเกิดกับพวกท่าน”
~‭‭1 เปโตร‬ ‭4‬:‭12‬ ‭THSV11‬‬

ท่านอาจารย์เปโตรบอกเราว่า
1).อย่าแปลกใจกับการทดลองอันเจ็บปวดที่เราเผชิญอยู่
2).ให้ชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์
เพื่อเราจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ
3).ให้เราเป็นสุข ถ้าถูกดูหมิ่นเนื่องด้วยพระนามของพระคริสต์
เพราะพระวิญญาณอันทรงพระเกียรติสิริของพระเจ้าประทับอยู่กับเรา
4).ให้เราไม่ทนทุกข์ในฐานะที่เป็นฆาตกร ขโมย อาชญากร หรือ คนชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น
5).ให้เราทนทุกข์ในฐานะที่เป็นคริสเตียน ตามพระประสงค์ของพระเจ้าโดยไม่ละอาย ถ้าต้องทน
6).ให้เราสรรเสริญพระเจ้าที่เราได้รับการเรียกขานตามพระนามนั้น
7).ให้เราพร้อมแล้วสำหรับการพิพากษาที่จะเริ่มขึ้นที่ครอบครัวของพระเจ้าก่อน
8).ให้เรามอบตัวเราเองไว้กับพระผู้สร้างผู้สัตย์ซื่อของพวกเรา
9).ให้เราทำความดีต่อไป
‭‭~1เปโตร‬ ‭4‬:‭12‬-‭19‬ ‭TNCV‬‬ อาจารย์ เปาโล สาวกของพระเยซูคริสต์ ที่ได้รับการทรงเลือกโดยตรงจากพระองค์ในภายหลัง
ก็กล่าวว่า

“การทำเช่นนั้นไม่ประหลาดเลย เพราะว่า
ซาตานเองก็ยังปลอมตัวเป็นทูตสวรรค์ของความสว่าง”
~‭‭2 โครินธ์‬ ‭11‬:‭14‬ ‭THSV11‬‬
“เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้ปรนนิบัติของซาตาน
จะปลอมตัวเป็นผู้ปรนนิบัติของความชอบธรรม
บั้นปลายของพวกเขาจะเป็นไปตามการกระทำของเขา”
~‭‭2 โครินธ์‬ ‭11‬:‭15‬ ‭THSV11‬‬

จริงๆ ตอนแรก ผมก็ประหลาดใจว่า ทำไมพระเจ้าทรงยอมอนุญาตให้ซาตานปลอมตัวเข้ามาในโบสถ์ แถมอยู่ในตำแหน่งฐานะที่น่านับถือด้วย แต่สุดท้ายก็ยอมรับด้วยความเชื่อว่า พระองค์ทรงทราบดีว่า พระองค์กำลังทำอะไรอยู่ เราจึงต้องวางใจ รักษาตัวให้อยู่ในทางพระเจ้าเสมอ ไม่หวั่นไหวหรือถูกทำให้เสียความเชื่อ หรือเสียศูนย์ไป เพราะผู้รับใช้ซาตานในคราบคนชอบธรรม หรือ ผู้นำผู้สอนเหล่านั้น เป็นอันขาด
เมื่อซาตานพยายามทำลายเรา และคริสตจักรจากภายนอกไม่ได้ มันก็ใช้กลอุบายเล่นงานเรา และทำลายคริสตจักรจากคนภายใน โดยการหว่านความแตกร้าว หรือ สอนผิดชักจูงให้เราออกจากคริสตจักรไป
แต่คนที่ให้ซาตานใช้ จะต้องรับผลหรือรับโทษจากสิ่งที่เขาทำ
จึงทำให้คิดถึงคำเตือนที่ว่า

“อย่าให้ซาตานใช้เรา ทำลายตัวเราและคนอื่นในคริสตจักร
โดยการหว่านความแตกแยกในพระกาย
คำเตือนคือ
คนที่หว่านความแตกร้าวในท่ามกลางพี่น้อง พระเจ้าจะลงโทษ
คนที่รับฟังโดยไม่เตือนคนที่ทำเช่นนั้น จะติดร่างแหและรับโทษด้วยเช่นกันไปด้วย
ดังนั้น อย่าให้เราทนฟังคำที่ยุแยงให้เกิดความแตกแยก หรือหลงผิดทำร้ายกันเอง
แต่จงรีบหนีออกห่างคนนั้น หรือกลุ่มนั้น
…แล้วคุณจะปลอดภัย!“ท้ายนี้

”อย่าแปลกใจ หากว่าชีวิตของคุณมีปัญหา และมีความทุกข์หนัก
ทั้งๆที่คุณอ่านพระคัมภีร์ สอนพระคัมภีร์ ไปโบสถ์ รับใช้ เข้ากลุ่มแคร์ และเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆมากมาย
ตราบใดที่คุณยังอัตตาแรง ตัดสินใจพูด และทำ
โดยเอาความคิด อารมณ์ ความรู้สึก นิสัย และความพอใจของตัวคุณเป็นที่ตั้ง!“

พระธรรมนำชีวิต
ตอน เด็กเขาดูอยู่_รู้ปะ? Ep.976

โมเสสย้ำทุกเรื่องอีกครั้งไม่ใช่เพื่อพระเจ้าหรือตัวโมเสสเอง แต่เพื่อเราทุกคน ใน 6:2 ได้บอกว่า “เพื่อท่านและลูกหลานรุ่นต่อๆ ไป” เพื่อตัวเราเองก็เข้าใจได้ไม่ยาก แต่เพื่อลูกหลานรุ่นต่อๆไป คำถามคือเราจะทำอย่างไรที่พวกเขาจะความยำเกรง และรักพระเจ้าแบบสุดๆ เหมือนที่เราทำ

“และจงให้ถ้อยคำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้อยู่ในใจของท่าน และท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน และจงพูดถึงถ้อยคำเหล่านั้นเมื่อท่านนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามทาง นอนลงหรือลุกขึ้น”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭6‬-‭7‬

ทุกอย่างถูกเฉลยใน ข้อ 6 และ 7 เริ่มต้นจากให้ถ้อยคำของพระเจ้าอยู่ในตัวเราก่อน ทำให้ลูกหลานเห็นว่า เราเชื่อฟังพระเจ้าเพราะเรารักพระองค์สุดๆ และเราเองสนใจ ใส่ใจ ระวังที่จะทำตามถ้อยคำของพระเจ้าทุกประการ ต่อไปจากข้อ 7 จงสอน ใน TNCV ใช้คำว่า จงพร่ำสอนพวกเขาเราต้องสอนลูกหลานของเราในทุกที่ และทุกเวลา การสอนที่ดีที่สุดคือการนำความรู้ที่มีมาพูด มาสอน แต่การพูดอย่างเดียวไม่พอ เราต้องทำตามในสิ่งที่รู้ ที่พูด ที่สอนด้วย ผมได้มีโอกาสได้ร่วมทำรายการกับพี่โก๊ะตี๋พี่โก๊ะตี๋พูดว่า “ดูแล้วจำ แล้วนำไปใช้”

“จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น” สุภาษิต‬ ‭22‬:‭6‬ ‭

ถ้าเราไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆก่อน เราไม่สามารถจะฝึกใครในเรื่องนั้นๆได้ ขอให้เราจะเป็นคนที่รู้และเข้าใจถ้อยคำของพระเจ้าจริงๆ และนำสิ่งเหล่านั้นออกมาเป็นการกระทำ เพื่อทำให้เด็กเขาดู แล้วจำ เพื่อเขาจะเชื่อว่าสิ่งที่เราพูดนั้นจริง เพื่อเขาจะนำไปใช้ในชีวิตของเขาด้วย อย่าฝึกเด็กเป็นคนหน้าซื่อใจคต ที่พูดอย่างนึง ทำอีกอย่างนึก เพราะพวกเขาจะดู แน่นอนว่าพวกเขาจะจำ และนำสิ่งเหล่านั้นไปใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเขาแน่นอน ให้เราสอนลูกหลานของเราในทุกที่ ทุกเวลา ด้วยการทำให้เขาดู ว่าเรารักและเชื่อฟังพระเจ้ามากแค่ไหน เพื่อพวกเขาจะยำเกรงและรักพระเจ้าแบบที่เรารัก
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต
ตอน เรารักพระเจ้ามากแค่ไหน Ep.975

เมื่อโมเสสได้เกรินนำสิ่งที่นำมาย้ำเตือนแล้ว ในบทที่ 6 นี้ถือว่าเป็นหัวใจหลักของพระธรรมเล่มนี้ โมเสสยังย้ำอีกครั้งว่า นี่คือคำสั่ง กฎหมาย และบทบัญญัติที่มาจากพระเจ้า แล้วพระเจ้าสั่งให้โมเสสนำมาสอน เพื่อให้ทุกคนทำตาม การทำตามนั้นเพื่อประโยชน์จะเกิดกับเราและลูกหลานรุ่นต่อไปจะได้ยำเกรงพระเจ้าโดยทำตามกฎหมายและคำสั่งทั้งหมดของพระเจ้า

“โอ คนอิสราเอล จงฟังและจงระวังที่จะทำตามเพื่อจะเป็นการดีต่อท่าน และเพื่อท่านทั้งหลายจะทวียิ่งขึ้นในแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านได้ทรงสัญญากับท่าน”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭3‬ ‭

คำสั่งนี้คือจงฟังและต้องระวังที่จะทำตามหรือใส่ใจที่จะทำตาม ไม่ใช่แค่เพียงฟังแล้วผ่านไป แต่ต้องฟังอย่างตั้งใจ ต้องใส่ใจทำตาม และระมัดระวังที่จะไม่หลุดออกไปนอกข้อตกลงหรือคำสั่ง้หล่านี้ทุกประการ เพื่อตัวเองอีกแล้ว คือเพื่อจะเป็นผลดีแก่ตัวเรา และพวกเราจะมีจำนวนมากขึ้น และชีวิตจะไม่ขาดอะไรเลยและยังคงอยู่ในพระสัญญาของพระเจ้า

“โอ คนอิสราเอล จงฟังเถิด พระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์เท่านั้นทรงเป็นพระเจ้าของเรา ท่านจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของท่าน”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭6‬:‭4‬-‭5‬

การเชื่อฟังทำตามนั้นต้องเกิดจากความรัก ไม่ใช่มาจากการถูกบังคับหรือเพราะกลัวถูกลงโทษ และการเชื่อฟังทำตามต้องไม่เพราะเพียงหวังว่าจะมีผลดี หวังว่าจะมีชีวิตยืนยาวหรือหวังว่าชีวิตจะมีความสุข มีทุกสิ่งอุดมสมบูรณ์ การเชื่อฟังทำตามของเรานั้น ต้องเกิดจากความรักที่เรามีต่อพระเจ้าแบบสุดๆ เพราะเราสัมผัสได้ถึงความรักของพระองค์ เราจึงใส่ใจที่จะรักพระเจ้าด้วยสุดจิตสุดใจและสุดกำลังของเรา และเพราะพระองค์เป็นพระเจ้าของเราที่รักเราที่สุด ความรักที่เรามีต่อพระเจ้านั้นจึงส่งผลให้เราใส่ใจในทุกสิ่งที่พระเจ้าบอกกับเรา และเราจะระมัดระวังที่ไม่หลุดไปจากสิ่งที่พระเจ้าต้องการทุกอย่าง วันนี้เราเชื่อฟังเพราะอะไร ขอให้แรงจูงใจขอการทำทุกสิ่งเกิดจากความรักที่พระเจ้ามอบให้เรา เราจึงทำทุกอย่างเพราะความรักที่เรามีต่อพระเจ้า รักพระองค์ด้วยสุดจิต สุดใจสุดกำลังของเรา
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต
ตอน สิ่งที่พระเจ้าต้องการ Ep.974

คำนำของการพูดในคำสั่งเสียของโมเสสก่อนเขาจะจากไปในส่วนที่สองตามหนังสืออธิบายพระคัมภีร์คือ บัญญัติ 10 ประการ หลังจากนั้นโมเสสเล่าต่อไปว่า พ่อแม่ของพวกเขากลัวเสียงของพระเจ้า จึงขอให้โมเสสไปเข้าเฝ้าพระเจ้าคนเดียว และนำสิ่งที่พระเจ้าบอกกลับมาบอกพวกเขา ในข้อที่ 27 บอกว่าเมื่อโมเสสกลับมาบอกแล้ว พวกเขาจะฟังและเชื่อฟังทำตาม ผมอยากเป็นกำลังใจให้เราทุกคนจากข้อ 28 โมเสสบอกว่า “พระเจ้าทรงได้ยินสิ่งที่ท่านพูดกับข้าพเจ้า” ในเวลานั้นแม้ว่าจะมีโมเสสเป็นคนกลาง พระเจ้าก็ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดแล้ว ตั้งแต่พวกเขาบอกโมเสส วันนี้สำหรับเราไม่ต้องมีคนกลาง เพราะเรามีพระเยซูเป็นผู้นำเราให้เข้าสนิทในพระองค์ ขอให้เราร้องทูลวิงวอนกับพระเจ้าในทุกเรื่องและทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องออกเสียง เพียงเราเองพูดกับพระองค์ในใจ พระเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู พระองค์ได้ยินทุกสิ่ง และพระเจ้าทรงตอบทุกสิ่งซึ่งคำตอบของพระองค์จะเป็นไปตามพระทัยและอยู่ในเวลาของพระองค์

“โอ อยากให้พวกเขามีใจเช่นนี้อยู่เสมอ คือใจที่ยำเกรงเราและรักษาบัญญัติทั้งสิ้นของเรา เพื่อจะเป็นการดีต่อพวกเขาตลอดชั่วลูกหลานของเขาเป็นนิตย์”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭29‬ ‭

สิ่งที่โมเสสพูดนี้ไม่ใช่ความคิดของโมเสส แต่เป็นความต้องการของพระเจ้า ว่าพระองค์อยากให้ทุกคนมีจิตใจแบบนี้ตลอดไป คือมีใจยำเกรงและปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของพระเจ้าไม่ใช่เพื่อพระเจ้า แต่เพื่อตัวของทุกคนเอง เพราะทุกอย่างที่ทำจะเป็นพระพร เป็นผลดีสำหรับทั้งสำหรับตัวเราเองและลูกหลาน โมเสสยืนยันว่า พระเจ้าเป็นผู้ประทานคำสั่ง กฎเกณฑ์ทั้งหมดให้โมเสส เพื่อโมเสสจะสั่งสอนให้ทุกคนทำตาม

“ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะทำตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชานั้น อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้ายเลย จงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเพื่อจะเป็นการดีต่อท่าน และท่านจะมีชีวิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้น”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭32‬-‭33‬ ‭

จากสิ่งที่โมเสสพูดมาเขาสรุปว่า จงระวังที่จะทำตาม ซึ่งมีความหมายได้อีกว่า จงใส่ใจที่จะทำตามทุกสิ่งพระเจ้าได้ทรงสั่งไว้ อย่าหันซ้ายหันขวา คืออย่าออกนอกลู่นอกทาง นี่เป็นคำสั่งว่า จงดำเนินชีวิตตามแนวทางทุกอย่างที่พระเจ้าได้ทรงสั่งไว้ เพื่อเราเองจะมีชีวิตยืนยาว มีแต่สิ่งดีๆและเจริญรุ่งเรือง
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(62)

จะจัดการกับหนี้ฝ่ายวิญญาณ อย่างไรดี?

“เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราเป็นหนี้
แต่ไม่ใช่เป็นหนี้ฝ่ายเนื้อหนัง ที่จะดำเนินชีวิตตามเนื้อหนัง
เพราะว่าถ้าท่านดำเนินชีวิตตามเนื้อหนังแล้ว ท่านจะต้องตาย
แต่ถ้าโดยทางพระวิญญาณ ท่านทำลายกิจการของร่างกาย
ท่านก็จะดำรงชีวิตได้ เพราะว่าพระวิญญาณของพระเจ้าทรงนำใคร
คนนั้นก็เป็นบุตรของพระเจ้า”
‭‭ ~โรม‬ ‭8‬:‭12‬-‭14‬ ‭THSV11‬‬
“Therefore, brothers and sisters, we have an obligation—but it is not to the flesh, to live according to it. For if you live according to the flesh, you will die; but if by the Spirit you put to death the misdeeds of the body, you will live.”
‭‭ ~Romans‬ ‭8‬:‭12‬-‭13‬ ‭NIV‬‬

H. Rap Brown กล่าวว่า

“เมื่อคุณเข้าใจหนี้ ของคุณต่อพระเจ้าเมื่อใด
เมื่อนั้น คุณจะเข้าใจหนี้ ของคุณต่อสังคม!”
(When you understand your obligations to God
then you can understand your obligations to society.)

คำว่า “หนี้ ”ในตอนนี้ มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “obligation “
หมายความถึง “ภาระผูกพัน”
และยังแปลได้อีกว่า
“พันธะ, ความจำเป็น, ภาวะหน้าที่, หน้าที่, ข้อผูกพัน, เกณฑ์, หนี้,
การบังคับ, บุญคุณ, ความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ, สัญญา, พันธบัตร, ตั๋วเงิน, เงินชำระหนี้”

อีกทั้งยังสามารถใช้คำว่า ”To be obligated “และ"To be obliged"ด้วย
ในความหมายว่า
“ตกอยู่ภายใต้ เงื่อนไข ขัอบังคับ มารยาท ศีลธรรม ที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง
หรือ ยกเว้นไม่ทำอะไรสักอย่าง “

พี่น้องที่รัก
เราต้องเข้าใจก่อนว่า
เราไม่มีหนี้ หน้าที่ หรือ พันธะผูกพันให้ต้องทำบาป
เพราะเวลานี้ เราเป็นคนของพระเจ้าแล้ว
เราจึงมีภาระผูกพันที่ต้องทำ หรือ ต้องไม่ทำ
เฉพาะตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์
1.ทรงนำ หรือ
2.ทรงบัญชา

เรื่องนี้ อาจารย์ เปาโล เข้าใจดี เมื่อท่านและทีมเป็นพยานไว้ว่า

“พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงไม่ให้กล่าวพระวจนะของพระเจ้าในแคว้นเอเชีย
พวกท่านจึงไปทั่วแว่นแคว้นฟรีเจียกับกาลาเทีย เมื่อมาถึงเขตแดนแคว้นมิเซียแล้ว
ก็พยายามจะเข้าไปยังแว่นแคว้นบิธีเนีย
แต่พระวิญญาณของพระเยซูไม่โปรดให้ไป
แล้วพวกท่านเดินทางผ่านแคว้นมิเซียมายังเมืองโตรอัส
ในเวลากลางคืน เปาโลได้รับนิมิตเห็นชาวมาซิโดเนียคนหนึ่งยืนอ้อนวอนว่า
“ขอมาช่วยเราในแคว้นมาซิโดเนียด้วย”
เมื่อท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที
เพราะแน่ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศข่าวประเสริฐกับชาวแคว้นนั้น”
‭‭ ~กิจการ‬ ‭16‬:‭6‬-‭10‬ ‭THSV11‬‬

คำว่า “obligation” นี้ จึงมีความหมายกว้างกว่าคำว่า
“หนี้”หรือ “หนี้สิน”(debt)โดยทั่วๆไป
เพราะหนี้สิน เป็นเรื่อง ของบางสิ่ง ซึ่งหลักๆก็คือเรื่องเงิน
ที่เรามีพันธะหน้าที่ หรือ วาระกำหนดที่ต้องใช้คืน

แต่ในพระธรรมโรม อาจารย์ เปาโล เตือนพวกเราถึง “หนี้“ที่
1).ใหญ่กว่า และ
2).สำคัญกว่า
หนี้เงินทอง
นั่นคือเราเป็นหนี้ ที่จะต้องบอกข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์แก่ทุกคน
เพื่อคนทั้งปวงในโลกนี้ได้รับความรอด
ดุจดังที่อาจารย์บอกไว้ตั้งแต่ต้นจดหมายว่า

“ข้าพเจ้า
1.เป็นหนี้ทั้งพวกกรีกและชาติอื่นๆ ด้วย
2.เป็นหนี้ทั้งพวกนักปราชญ์และคนที่ไม่มีการศึกษาด้วย
ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกท่านที่อยู่ในกรุงโรมด้วย”
‭‭ ~โรม‬ ‭1‬:‭14‬-‭15‬ ‭THSV11‬‬
(“I am obligated both to Greeks and non-Greeks,
both to the wise and the foolish.
That is why I am so eager to preach the gospel also to you who are in Rome.”)
‭‭ ~Romans‬ ‭1‬:‭14‬-‭15‬ ‭NIV‬‬

วันนี้ พี่น้องที่รัก
1.ท่านได้รับข่าวประเสริฐ จากคนใกล้ตัวที่เชื่อในพระคริสต์ และได้รับความรอดมาแล้ว
แล้วหรือไม่?
1).ถ้ายัง ~ก็ขอให้ท่านจงไปหาพวกเขา และขอให้เขาจ่ายหนี้แห่งข่าวดีนั้นแก่ท่านในทันทีได้เลย
แต่
2).ถ้าได้รับข่าวประเสริฐ หรือได้รับความรอดแล้ว
~ก็ขอให้ท่านจ่ายหนี้ที่ต้องจ่ายนี้ แก่ทั้ง
1.คนใกล้ตัว
2.คนรอบตัว และ
3.คนทั้งหลายที่ได้พบปะ แม้อยู่ไกลตัว ไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก

แล้ว วันนี้ คุณได้จ่าย“หนี้”นี้ ให้แก่ใครแล้วยัง?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
1มิถุนายน 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ไม่มีข้อแก้ตัวเลย Ep.973

กฎเกณฑ์ กฎหมาย ข้อตกลงที่พระเจ้าให้กับคนอิสราเอลผ่านโมเสส ยังคงส่งต่อมาถึงเรา เรายังคงต้องยึดมั่น ถือรักษา ต้องทำกันต่อไปเพื่อที่จะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าเสมอ

“‘ห้ามฆ่าคน ‘ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ‘ห้ามลักขโมย ‘ห้ามเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน ห้ามโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน และห้ามละโมบบ้านของเพื่อนบ้าน ไร่นาของเขา หรือทาสของเขา หรือทาสีของเขา โคของเขา หรือลาของเขา หรือสิ่งใดๆ ซึ่งเป็นของของเพื่อนบ้าน’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭17‬-‭21

สิ่งที่พระเจ้าสั่งใน 5 ข้อนี้เป็นความดีพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนบนโลกต้องมี ห้ามฆ่าคน ห้ามผิดผัวผิดเมีย ห้ามขโมย ห้ามโกหกใส่ร้ายคนอื่น ห้ามโลภคิดอยากจะได้แต่ของคนอื่นแม้แต่ภรรยาหรือสามีของเขา นี่เป็นความดีขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องทำ ไม่ใช่เพียงผู้ติดตามพระเจ้าเท่านั้น แต่ปัจจุบันความดีหรือคุณธรรมขั้นพื้นฐานเหล่านี้ในสังคมของมนุษย์เราเริ่มต่ำลงเรื่อยๆ ขอให้เราระมัดระวังถือรักษาและทำตามข้อตกลงทุกข้อที่พระเจ้าให้กับเราผู้ที่ยอมรับที่ตั้งใจติดตามพระเยซูผ่านทางความเชื่อ

“และเพราะเขาเห็นว่าการรู้จักพระเจ้าไม่เป็นสิ่งสำคัญ พระองค์จึงทรงปล่อยให้เขามีจิตใจเสื่อมทรามและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม”
‭‭โรม‬ ‭1‬:‭28‬ ‭

“เพราะฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านพิพากษาอีกคนหนึ่งนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อพิพากษาเขา ก็ได้ลงโทษตัวเองด้วย เพราะว่าท่านที่ตัดสินเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา เรารู้ว่า การที่พระเจ้าทรงลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็สมควรจริงๆ” โรม‬ ‭2‬:‭1‬-‭2‬ ‭

ขอให้เราจะยึดมั่น ถือรักษา ทำตามข้อตกลงที่พระเจ้าให้กับเราอย่างเคร่งครัด เพราะเรารักพระเจ้าผู้ทรงรักเราที่สุดก่อน และเพราะเรารู้จักพระเจ้าแล้ว รู้ใจ เรารู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการแล้ว ในวันที่เรายืนอยู่ต่อหน้าพระเยซูถูกพิพากษาตัดสิน เราไม่สามารถมีข้อแก้ตัวได้เลยว่า เราไม่รู้ เราทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการหมดสิทธิ์ หมดเวลา เพราะเราเองตั้งใจปล่อยตัว ปล่อยใจตามความต้องการของตัวเอง ไม่ยอมรักษาชีวิตของเราอยู่ในการควบคุมและการนำของพระวิญญาณของพระเจ้า เราต้อง
กลับใจมาดูแลความคิด ความต้องการและการกระทำของเราทุกอย่างให้อยู่ภายใต้การควบคุม อยู่ในข้อตกลง ในพระสัญญาของพระเจ้าด้วยกัน
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(61)

จะจัดการกับหนี้สินอย่างไรดี(2)

“อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน
เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว”
‭‭ ~โรม‬ ‭13‬:‭8‬ ‭THSV11‬‬
“Let no debt remain outstanding,
except the continuing debt to love one another,
for whoever loves others has fulfilled the law.”
‭‭ ~Romans‬ ‭13‬:‭8‬ ‭NIV‬‬

Benjamin Franklin(1706-1790) กล่าวว่า

“เข้านอนโดยไร้อาหารมื้อเย็น
ก็ดีกว่า ตื่นขึ้นมาพร้อมหนี้สิน!”
(Rather go to bed without dinner
than to rise in debt.)

จากรายการShareTheLoveForward วิทยากรได้พูดคุยกันในหัวข้อ
“รับมือและจัดการอย่างไรกับหนี้สิน?”
และต่อไปนี้ คือ ช้อคิดและคำเตือนสติดีๆ ที่ขอนำมาแบ่งปันกับพี่น้องทุกท่าน


“หนี้เป็นดุจ กับดัก มักล่อหลอก
ยามจะออก ยากกว่า คราแรกเข้า
ดีลไม่ดี อาจมี พบจบเศร้า
แต่หากเรา คิดเป็น หนี้ไม่มี

คนเป็นหนี้ มีมา จากเกียจคร้าน
ไม่ประมาณ อัตตา ล่าสบาย
ไม่สัตย์ซื่อ สิบลด งดถวาย
บาปมากมาย พึ่งตน ประมาทเกิน

หนี้เหมือนเด็ก เกิดมา น่าเพลินใจ
แต่เติบใหญ่ กลับกลาย เป็นเจ็บปวด
คนรุ่นใหม่ ใช้จ่าย หมดทุกงวด
ทุกข์ยิ่งยวด เงินหมด เพราะรูดบัตร

จะจัดการ หนี้สิน อย่างไรดี
ไม่สร้างหนี้ ก่อหนี้ ดีที่สุด
พบปัจจัย ล่อแหลม ให้รีบหยุด
หากสะดุด รีบหา ที่ปรึกษา

หากเป็นหนี้ เร่งศึกษา หาทางออก
สติบอก ให้จิต อธิษฐาน
เชื่อวางใจ พระเจ้า เข้าบันดาล
ทั้งกิจการ ชีวิต เปี่ยมพระพร

หนี้หนักหนา ขอปัญญา จากพระเจ้า
แม้ทุกข์เศร้า ซื่อสัตย์ มัธยัสถ์
แม้มากหนี้ จ่ายตรง ไม่ผิดนัด
มุ่งยืนหยัด เติบใหญ่ ฝ่ายวิญญาณ

หากมากหนี้ วางแผน ชำระดี
รู้วิถี จ่ายหนี้ ตามก่อนหลัง
เสริมรายได้ สร้างสรรค์ อย่างจริงจัง
เพิ่มความหวัง มีวินัย ปรับนิสัย

อยากพ้นหนี้ ต่อรอง ผองเจ้าหนี้
ประนอมหนี้ ตัดหนี้ จนหนี้หด
ใช้ประโยชน์ เอไอ ปัญหาลด
ใจกายสด ผ่อนคลาย ไอเดียเกิด

จะห่างไกล หนี้สิน ได้ไฉน
เริ่มจากใจ ไร้โลภ ก็สุขสันต์
ชิดพระคริสต์ สนิท ทุกคืนวัน
พร้อมแบ่งปัน อยู่กัน อย่างพอเพียง

หากเป็นหนี้ จงเป็น หนี้ความรัก
ประหลาดนัก รักจ่าย กระจายสุข
เห็นแก่ตัว หายหมด ลดความทุกข์
แสนสนุก จ่ายหนี้ไป จนวันตาย!”

ดังนั้น วันนี้ ขอให้เรา
1.ห่างไกลจากการเข้าสู่ สภาวะของการเป็นหนี้ และประกาศสงครามกับ”หนี้สิน“
2.หากเราเข้าไปในกับดัก และพันธนาการแห่งหนี้สินนี้แล้ว
ก็จงพยายามทำทุกวิถึทางที่จะรีบหนีออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อเราจะเป็นอิสระเสรี
3.หากเราจะต้องเป็นหนี้ ก็จงเป็นหนี้ ความรักที่มีต่อผู้อื่น
โดยตั้งใจที่จะเป็น ”ลูกหนี้ที่มีความสุขที่สุดในโลก“
จนถึงวันตาย
…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
31พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(60)

จงช่วยตัวเองให้พ้นภัย!

“ลูกเอ๋ย จงทำอย่างนี้และช่วยตัวเจ้าให้พ้นภัย
เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว
รีบไป ถ่อมตัวลง และวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭6‬:‭3‬ ‭THSV11‬‬
“Well then, my child, you are in that person's power,
but this is how to get out of it: hurry to him,
and beg him to release you.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭6‬:‭3‬ ‭GNT‬‬

ถ้าเราไปค้ำประกันหนี้สินให้ผู้ใด หรือ ไปกู้ยืมสร้างหนี้สินอะไรขึ้นมา
เราต้องรีบไปเคลียร์กับเจ้าหนี้ หรือ ผู้ที่เราสัญญาว่าจะรับผิดชอบต่อหนี้สินที่เกิดขึ้นมานั้นให้เร็วที่สุด เพื่อเราจะได้หลุดพ้นจากกับดักนั้น
เหมือนดังที่พระธรรมสุภาษิตเตือนไว้ ดังนี้

“ลูกเอ๋ย
1.ถ้าเจ้าเป็นผู้ค้ำประกันให้เพื่อนบ้านของเจ้า ได้ทำสัญญากับคนแปลกหน้า
2.ถ้าเจ้าติดบ่วงเพราะคำจากปากของเจ้า และเจ้าติดกับเพราะคำจากปากของเจ้า
“ลูกเอ๋ย
1.จงทำอย่างนี้และ
2.จงช่วยตัวเจ้าให้พ้นภัย
เพราะเจ้าตกอยู่ในกำมือเพื่อนบ้านของเจ้าแล้ว
3.จงรีบไป
4.จงถ่อมตัวลง
5.จงวิงวอนเพื่อนบ้านของเจ้า
6.อย่าให้ดวงตาของเจ้าหลับลง
7.อย่าให้หนังตาของเจ้าปรือไป
8.จงปลีกตัวของเจ้าจากภัย
1).อย่างละมั่งปลีกตัวจากมือของนายพราน
2).อย่างนกจากมือของคนจับนก”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭6‬:‭1‬-‭5‬ ‭THSV11‬‬

ต่อไปนี้ เป็นคำเตือนและคำแนะนำให้เราไม่ต้องประสบภัยเรื่องหนี้สิน
นั่นคือขอให้เรากระทำดังนี้

1.ให้ก่อร่างสร้างตัว ไม่ใช่ก่อร่างสร้างหนี้
2.ให้ตื่นตัว สำรวจดูว่า มีอะไรที่เราทำอยู่ ที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเป็นภัยหรือเป็นหนี้?
1).ถ้ายังไม่มี ~ก็ดีแล้ว ระวังอย่าไปก่อ
2).ถ้ามีแล้ว ~ก็จงรีบวิเคราะห์หาทางออก
3.ให้หาที่ปรึกษา/ผู้รู้เชี่ยวชาญเพื่อ
1).เรียนรู้
2).ศึกษาค้นคว้า
เพื่อจัดการกับปัญหาที่มีในทันที
4.ให้ตั้งสติ ไม่ก่อหนี้เพิ่มอีก ~หยุดกู้อย่างสิ้นเชิง
5.ให้ประหยัด/มัธยัสถ์ ~รู้จักออม แม้จะเล็กน้อยแต่ต่อเนื่อง
6.ให้ประกาศมาตรการชักธงรบ สู้กับความอยากและการก่อหนี้สิน
1).ประกาศการเป็นศัตรูกับหนี้~ทุกประเภท
2).ประกาศตัดสัมพันธ์ไม่ข้องแวะกับนิสัยชอบสร้างหนี้ ~ทุกอย่าง
3).เปลี่ยนนิสัยในการใช้จ่าย~ทุกเรื่อง
ก.ลด
ข.ละ
ค.เลิก
7.ให้สรุปให้ได้ความจริงว่า เรามีหนี้ทั้งหมด เท่าไร?
8.ให้วางแผนชำระหนี้ อย่างมีประสิทธิภาพและฉลาด
=จ่ายตามลำดับสำคัญก่อนหลัง
1).จ่ายหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงสุดก่อน
2).จ่ายหนี้ ที่เหลือยอดค้างชำระน้อยสุดก่อน
เพื่อลดดอก และมุ่งกำจัดหนี้อย่างตั้งใจจริงๆ
9.ให้เจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ เพื่อ
1).ประนอมหนี้
2).ตัดหนี้ ~Hair Cut
เช่น ลดยอดหนี้ ขยายเวลาชำระ ลดจำนวนเงินผ่อนแต่ละงวด รีไฟแนนซ์ หรือตัดจบโดยเร็ว
10.ให้หารายได้เพิ่มขึ้นอย่างสุจริต
11.ให้หาแหล่งความช่วยเหลือ ที่พร้อมและสามารถช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสม
12.ให้พึ่งพิงพระเจ้าและนำเรื่องปัญหาหนี้สินเหล่านี้
1).มาปรึกษากับพระองค์
2).มอบปัญหานั้นไว้กับพระองค์
3).รับการทรงนำ
4).รับการช่วยเหลือจากพระองค์ และ
5).ร่วมมือกับพระองค์ ด้วยความเชื่อฟัง
ด้วยความวางใจในพระองค์

เพื่อเราจะได้รอดพ้นจากภัยเรื่องหนี้สิน ในทุกรูปแบบ

…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
30พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน วิธีพบกับความสุขของชีวิต Ep.972

บทบัญญัติที่พระเจ้าประทานให้กับประชากรที่ถูกเลือกสรรไว้สำหรับพระองค์เราเรียกสิ่งนี้ว่า บัญญัติ 10 ประการ ใน 3 ข้อแรกเป็นความต้องการของพระเจ้าที่พระองค์เปิดเผยไว้ว่า อย่ามีพระอื่น อย่าสร้าง อย่ากราบไห้วนมัสการพระอื่น อย่าออกพระนามหรือเอาพระนามของพระเจ้ามาอ้างอย่างไม่สมควร ขอให้เราเริ่มต้นทุกอย่างในชีวิตที่พระเจ้าเสมอ ในข้อที่ 4 ฃฃจงถือรักษาวันสะบาโต นี่เป็นความเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเรา เราต้องจัดเวลาให้พระเจ้าทุกวันเหมือนสาวกผู้ติดตามพระเยซูในยุคแรก

“จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทรงบัญชาเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และจะเป็นการดีต่อเจ้าในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭16‬

ในข้อที่ 5 นี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ คือเกี่ยวกับผู้มีพระคุณนั่นคือพ่อแม่ พระเจ้าสั่งว่า จงให้เกียรติบิดามารดา เพื่อชีวิตจะยืนยาวและเป็นปกติสุข ผมขอเล่าสิ่งที่พบเจอมา มีพี่น้องบอกว่า ขอยังไม่เชื่อพระเยซูเพราะพวกคริสเตียนสอนให้เกลียดพ่อเกลียดแม่

“ถ้าผู้ใดมาหาเราและไม่ได้รักเรามากกว่า บิดามารดา บุตร ภรรยา และพี่น้องชายหญิงของตน หรือแม้แต่ชีวิตของเขาเอง ผู้นั้นก็เป็นสาวกของเราไม่ได้ และผู้ใดที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนและตามเรามาก็เป็นสาวกของเราไม่ได้”
‭‭ลูกา‬ ‭14‬:‭26‬-‭27‬ ‭TNCV‬‬

เมื่อผมอ่านฉบับแปลหลายฉบับ ผมตั้งใจเลือกใช้ฉบับนี้พราะเป็นการใช้ภาษาที่ทำให้เข้าใจความหมายของพระเยซูได้มากที่สุดในมุมของผม มีฉบับอ่านเข้าใจง่ายใช้คำว่า “ ถ้าพวกคุณอยากเป็นศิษย์ของเรา คุณต้องเกลียดพ่อแม่ ” ใน 1971 และ 2011 ใช้ว่า “ไม่ชัง” ภาษาที่ใช้ เมื่อคนไทยได้ฟังจะออกไปในทางติดลบ คือจะเข้าใจว่า พระเยซูสอนให้เกลียดพ่อแม่ถึงจะเป็นสาวกของพระเยซูได้ สิ่งที่เราต้องเรียนรู้และเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้าคือพระเจ้าไม่เคยขัดแย้งกัน สิ่งที่พระเยซูกำลังพูดกับคนที่ตั้งใจจะตามพระองค์ คือให้คนนั้นรักและเชื่อฟัง ให้ทำตามคำสั่งหรือข้อตกลงที่พระเจ้าบอกไว้มากกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ลูก ภรรยา พี่น้อง หรือแม้แต่กระทั่งเพื่อน หัวหน้า หรือนายจ้าง จงให้เกียรติบิดามารดาจึงเป็นคำสั่งที่ถูกยึดยึดถือไว้ เพื่อชีวิตของเราจะยืนนานและมีชีวิตที่ดีบนแผ่นดินโลกนี้

“จงให้เกียรติบิดามารดาของตน และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
‭‭มัทธิว‬ ‭19‬:‭19‬ ‭

ยืนยันในสิ่งที่ผมพูดว่าสิ่งที่พระเจ้าไม่ขัดแย้งกัน พระเยซูพูดกับเศรษฐีหนุ่มว่าสิ่งดีๆที่เขาต้องทำ คือการเชื่อฟังบทบัญญัติของพระเจ้า และหนึ่งในสิ่งที่พระเยซูพูดคือ จงให้เกียรติบิดามารดา ขอให้เราเริ่มต้นเชื่อฟังสำนึกในพระคุณของพระเจ้า ด้วยการสำนึกในบุญคุณที่พระเจ้าประทานให้กับเราผ่านพ่อแม่ ครอบครัว และคนอื่นๆที่มีส่วนในชีวิตของเรา แต่ย้ำอีกครั้งว่า หากเราจะติดตามเป็นสาวกของพระเยซู สิ่งที่เราเชื่อฟังและสำนึกบุญคุณของคนเหล่านั้น ต้องไม่ขัดแย้งกับความต้องการหรือพระทัยของพระเจ้า หากเราเชื่อฟังทำตามชีวิตของเราจะมีความสุข ในพระธรรมเอเฟซัส 6:1-3 ก็ยืนยันอีกครั้งว่า จงเชื่อฟังบิดามารดา เพราะนั่นคือการให้เกียรติพ่อแม่ เพื่อชีวิตของเราทุกคนที่เชื่อฟังจะอยู่เย็นเป็นสุข และยืนยาวบนโลกใบนี้
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(59)

จะจัดการกับหนี้สินอย่างไรดี?(1)

“อย่าเป็นคนในจำพวกที่ให้คำปฏิญาณ
หรือในจำพวกผู้ค้ำประกันหนี้สิน
ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระหนี้
เขาก็จะมายึดที่นอนไปจากเจ้า”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭THSV11‬‬
“¶Do not be among those who give pledges [involving themselves in others’ finances], Or among those who become guarantors for others’ debts.
If you have nothing with which to pay [another’s debt when he defaults],
Why should his creditor take your bed from under you?”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭AMP‬‬

ถ้าคุณไม่มีหนี้ อย่าสร้าง หรือ อย่าก่อหนี้
นอกจากจำเป็นจริงๆ!
ถ้าคุณมีหนี้ ก็อย่าหนีความรับผิดชอบในการชำระหนี้นั้น
อย่าเบี้ยว อย่าผิดนัดผิดสัญญา และอย่าหนีหนี้!

อย่าสร้างหนี้ ด้วยสาเหตุที่โง่เขลา หรือ ไม่คิดให้ถี่ถ้วน!
อย่าไปฮึกเหิม หรือ ทำตัวเป็นคนดีเกินเหตุ
หาเรื่องเข้ามาใส่ตัวเองหรือครอบครัว เพราะ หรือ เพื่อผู้อื่น
อย่างเช่น ไปค้ำประกันคนใดคนหนึ่งในการกู้ยืมหนี้สิน เพราะ
ผลร้ายอาจตามมาหลอกหลอนตลอดชีวิต
ดังคำเตือนในพระธรรมสุภาษิตที่ว่า

“อย่าริอ่านจับมือวางมัดจำ หรือเป็นผู้ค้ำประกันในการกู้หนี้ยืมสิน
หากเจ้าไม่มีจะจ่ายให้ แม้ที่นอนก็ยังจะถูกกระชากไปจากหลังของเจ้า”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭TNCV‬‬

ย้ำอีกครั้ง อย่าไปสัญญา หรือ ค้ำประกันใคร ในเรื่องหนี้สิน ที่จะทำให้เราเสี่ยง
กลายเป็นลูกหนี้ หรือผู้สูญเสีย ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

“อย่า​ไป​จับ​มือ​ทำ​สัญญา ว่า​จะ​ค้ำ​ประกัน​หนี้​ให้​กับ​คนอื่น
ทำไม​จะ​ต้อง​เสี่ยง​ให้​คน​อื่น​มา​ยึด​เตียง​ที่​เจ้า​นอน เมื่อ​เจ้า​ไม่​มี​ปัญญา​จ่าย​หนี้นั้น”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭THA-ERV‬‬

“อย่า​เป็น​คนใน​จำพวก​ที่​จับมือ​ตกลง​รับประกัน​หรือ​ใน​จำพวก​คน​ค้ำ​ประกัน.
ถ้า​เจ้า​ไม่​มี​เงิน​ชำระ​หนี้​นั้น, เขา​จะ​ฉุด​เอา​ที่​นอน​ไป​จาก​ใต้​ตัว​เจ้า.”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭TH1940‬‬

“อย่าเป็นพวกที่ตกปากลงคำ อย่าเป็นพวกผู้เป็นประกันหนี้สิน ถ้าเจ้าไม่มีอะไรชำระเขา,
ทำไมจึงควรให้เขาเอาที่นอนไปจากใต้ตัวเจ้าเล่า”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭22‬:‭26‬-‭27‬ ‭TH1971‬‬

และอย่าให้เราส่งเสริมใครบางคนให้ก่อหนี้ง่ายๆ
ด้วยการให้เขายืมเงิน อย่างง่ายๆ โดยปราศจากแผนการในการจ่ายคืนที่ชัดเจน
เพื่อไปซื้อหา ซ่อมแซม ลงทุน จัดการบางเรื่อง หรือแก้ปัญหาบางอย่าง
ทั้งๆเขาไม่สามารถที่จะจ่ายคืน หรือไม่คิดจะจ่ายคืน
ผลสุดท้ายที่ตามมาก็คือ
มิตรภาพที่มีต่อกันมา ต้องสิ้นสุดลง
และบางครั้งอาจต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
ทำให้เราและครอบครัวต้องเจ็บปวด อย่างไม่จำเป็น!

อย่างไรก็ตาม หากว่าเราเป็นเจ้าหนี้ ก็ขอให้เราเป็น เจ้าหนี้ที่เมตตาต่อลูกหนี้
พระคัมภีร์สอนไว้ว่า

““เมื่อท่านให้พี่น้องยืมสิ่งใด ห้ามเข้าไปในบ้านของเขาและยึดของประกันของเขา”
‭‭ ~เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭24‬:‭10‬ ‭THSV11‬‬

“ถ้าเขาเป็นคนยากจน ห้ามเอาของประกันนั้นเก็บไว้จนข้ามคืน”
‭‭ ~เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭24‬:‭12‬ ‭THSV11‬‬

“เมื่อดวงอาทิตย์ตกท่านจงเอาของนั้นมาคืนให้เขา
เพื่อเขาจะมีของคลุมตัวเมื่อเวลานอนและอวยพรแก่ท่าน
และจะเป็นความชอบธรรมแก่ท่านเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน”
‭‭ ~เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭24‬:‭13‬ ‭THSV11‬‬

และหากเวลานานพอควรแล้ว(เมื่อถึงกำหนดปลดปล่อย)
และจำเป็น ก็ขอให้เรายกหนี้ ให้แก่ลูกหนี้ที่เป็นพี่น้องของเรา

““เมื่อครบทุกเจ็ดปีท่านจงมีการปลดปล่อย ให้ทำการปลดปล่อยดังนี้
เจ้าหนี้ทุกคนจงยกหนี้ให้เพื่อนบ้านของตน
ห้ามบีบบังคับเอาคืนจากเพื่อนบ้านหรือพี่น้องของตน
เพราะว่าได้ประกาศการปลดปล่อยของพระยาห์เวห์แล้ว
ท่านจะทวงจากคนต่างชาติคืนได้ แต่ถ้าท่านมีของสิ่งใดซึ่งอยู่กับพี่น้อง ก็ให้หลุดไป”
‭‭ ~เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭15‬:‭1‬-‭3‬ ‭THSV11‬‬

พี่น้องที่รัก
อย่าลืมเรื่องสำคัญ
นั่นคือ เมื่อเราได้รับการยกหนี้ จากพระเจ้าและจากเจ้าหนี้คนใดแล้ว
ก็ขอให้เรามีน้ำใจในการยกหนี้ ให้คนอื่นที่ลำบากยากจนจริงๆด้วย
…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
29พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน วางเลขหนึ่งไว้ตำแหน่งไหน Ep.970

เรายังอยู่กับการทบทวนข้อตกลงกฎเกณฑ์ กฎหมายของพระเจ้าจากโมเสสอยู่ เมื่อเราอ่านข้อตกลงแล้วจะพบว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่พระเจ้า ขอให้ทุกเรื่องในชีวิตของเราจะเริ่มต้นที่พระเจ้าด้วย ศีลหรือข้อห้ามต่างๆส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากตัวเองที่จะต้องอยู่ในกฎข้อห้าม ซึ่งเราทุกคนรู้ว่าเราเองทำไม่ได้ ให้เราเริ่มต้นทุกอย่างในชีวิตที่พระเจ้าด้วยกัน

“ห้ามใช้พระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะผู้ที่ใช้พระนามของพระองค์ไปในทางที่ผิดนั้น พระยาห์เวห์จะทรงลงโทษ”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭11‬ ‭

ในสิ่งที่พระเจ้าทำข้อตกลงกับคนของพระองค์ที่ยอมรับและจะไปรับสิ่งที่พระเจ้าสัญญาว่าจะประทานให้ จากเมื่อวานเราสรุปสั้นๆว่า อย่ามีพระเจ้าอื่น อย่าทำรูปเคารพสำหรับนมัสการหรือกราบไหว้รูปเคารพที่มือมนุษย์สร้างขึ้น สำหรับวันนี้ อย่ายกพระนามของพระเจ้ามาใช้ในทางที่ผิด หรือเอามาอ้างอย่างไม่สมควร พระเจ้าบอกไว้เลยว่ามีโทษแน่ๆ ขอให้เราระวังที่จะไม่ออกพระนามของพระเจ้าอย่างไม่สมควร สำหรับคนไทยก็ไม่ค่อยอุทานพระนามพระเจ้ามากนัก แต่ฝรั่งมีคำอุทานถึงพระนามพระเจ้าบ่อยๆ ขอให้เราอย่าเอาพระนามพระเจ้ามาสาบทสาบานเพื่อยืนยันหรือโน้มน้าวให้ผู้คนมาเชื่อในสิ่งที่เราพูด สรุปโดยรวมคือให้ระวังทุกครั้งที่จะพูดควบคุมใจและปากของเราให้ได้ บทบัญญัติ กฎเกณฑ์ขอพระเจ้า 3 ข้อแรกเริ่มต้นที่พระเจ้า ขอให้ชีวิตของเราเริ่มต้นทุกอย่างที่พระเจ้า หลังจากนั้นทุกอย่างในชีวิตจะมีค่า จะมีเลขศูนย์สักกี่ตัวก็ได้ในชีวิต แต่เราต้องเอาเลข 1 วางไว้ในถูกที่ คือต้องอยู่หน้าศูนย์ทุกตัว เลขศูนย์นั้นจึงจะมีค่า หากเราว่างเลข 1 หรือพระเจ้าไว้ผิดที่ อะไรก็ตามที่มาก่อนพระเจ้ามันจะเป็นศูนย์จริงๆ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะไม่มีค่าอะไร ทุกอย่างนั้นกำลังรอวันเสื่อมสลายหายวับไปกับตา ทุกอย่างของเราต้องเริ่มต้นที่พระเจ้า
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(58)

มารักษาความเป็นหนึ่งให้คงอยู่!

“จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ที่มาจากพระวิญญาณนั้น โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน”
‭‭ ~เอเฟซัส‬ ‭4‬:‭3‬ ‭THSV11‬‬
“Make every effort to keep the unity of the Spirit through the bond of peace.”
‭‭ ~Ephesians‬ ‭4‬:‭3‬ ‭NIV‬‬

Friedrich von Schiller กล่าวว่า

“ แม้แต่คนอ่อนแอก็กลายเป็นคนเข้มแข็งได้
เมื่อพวกเขาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน!”
(Even the weak become strong when they are united.)

อาจารย์ เปาโลวิงวอนผู้อ่านจดหมายของท่าน รวมทั้งเราทุกคนในวันนี้ด้วยว่า
ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน และดำเนินชีวิตอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์ ดังนี้

“ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า
ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือ
1.จงถ่อมใจ
2.จงมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ
3.จงอดทน
4.จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก
5.จงพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
1).ที่มาจากพระวิญญาณนั้น
2).โดยมีสันติภาพเป็นเครื่องผูกพัน”
‭‭ ~เอเฟซัส‬ ‭4‬:‭1‬-‭3‬ ‭THSV11‬‬

ข้อสังเกต จากสิ่งที่ท่านอาจารย์เปาโลกล่าวก็ คือ
เราไม่ต้องสร้างความเป็นหนึ่ง ในท่ามกลางผู้เชื่อพระเจ้า
เพราะว่าพระเจ้าทรงสร้างเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เหมือนกับที่เราไม่ต้องสร้างความเป็นหนึ่งในครอบครัวของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
พี่น้องที่เกิดร่วมสายโลหิตเดียวกันต่างก็เป็นหนึ่งในสายเลือดเดียวกันอยู่แล้ว
แต่เรามีหน้าที่เพียงแค่รักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันในหมู่พี่น้องนั้น
ให้ดำรงอยู่ต่อไป อย่างที่ควรเป็น ก็พอแล้ว!

นั่นคือ เราต้องไม่ปล่อยให้สิ่งใด
1.มาแทรกแซง หรือ
2.มาทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ที่เรามีร่วมกันทางสายโลหิตของพระเยซูคริสต์!

แล้วอะไรล่ะ คือสิ่งที่จะมาทำให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไม่ได้?
คำตอบ คือ มีมากมาย อาทิ

1.อัตตา หรือ ตัวตนแข็งกร้าวที่ไม่ยอมกัน
2.อคติที่มีต่อกัน
3.อดีต/ความแค้นที่มีต่อกัน
4.หน้าตา หรือศักดิ์ศรี
5.หนี้บุญคุณที่มีต่อผู้มีคุณฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
6.ความรู้ที่ทำให้ลำพอง
7.ความสำเร็จที่ทำให้เย่อหยิ่ง
8.ความคิดเห็นส่วนตัว ที่ไม่ยอมเปลี่ยน
9.ความเชื่อหรือคำสอนบางเรื่องที่แปลกแยก
10.ความทะเยอทะยาน ไม่มีขีดจำกัด
11.ความร้อนรนเกินควร
12.ประสบการณ์บางอย่างที่แตกต่างกัน
13.ผลประโยชน์ที่ยากจะปฏิเสธ/ขัดกัน
14.พวกพ้อง/คณะนิกายที่แตกต่างกัน
15.ความบาปที่ไม่แก้ไข
16.ความเห็นแก่ตัว อย่างไร้น้ำใจ
17.การพูดนินทาว่าร้ายกัน
18.การไม่สื่อสารอย่างถูกต้อง
19.การไม่ให้ความร่วมมือต่อกัน
ฯลฯ

พี่น้อง ถ้าเราไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เราอาจจะต้องพินาศไปด้วยกัน
เหมือนดังที่ Martin Luther King, Jr. (1929-1968) เตือนไว้ว่า

“ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างพี่น้อง
มิฉะนั้นเราจะพินาศไปด้วยกันอย่างคนโง่เขลา!”
(We must learn to live together as brothers
or perish together as fools.)

แล้วเรา
1.จะเป็นหนึ่งเดียวกันและ
2.เอาชนะอุปสรรคที่ขัดขวางความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ได้อย่างไร?

ก็ต้องตอบสั้นๆว่า
แค่เราต่าง
1.มองดูที่พระคุณของพระเจ้า
2.มองดูที่ความบกพร่องของตัวเอง และ
3.มองดูคนอื่นๆ อย่างที่เขาเป็น และยอมรับความจริงดังกล่าวว่า
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่สมบูรณ์
มนุษย์ที่เหลืออย่างพวกเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบเลยสักคนเดียว
จากนั้น ก็ให้เรา
1).สำนึกและเห็นแก่พระคุณของพระเจ้า
2).ถ่อมใจ
3).กลับใจ และ
4).ร่วมมือกันกับพี่น้องคนอื่นๆอย่างจริงใจ โดยถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวเราในหลายๆด้าน
(แม้ว่าอาจจะมีบางด้านที่เราดีกว่าเขาก็ตาม)
โดยถือ เอาน้ำพระทัย และพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นสำคัญ ยิ่งกว่าความคิดหรือความต้องการของเราเอง
ถ้าเราทำเช่นนั้นอย่างเป็นธรรมชาติได้เมื่อใด
เราก็จะสามารถรักษาเอกภาพ ในท่ามกลางพวกเราได้ อย่างน่าชื่นใจ ได้เมื่อนั้น!

…ลองดูสิครับ!

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
27พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(57)

เคล็ดลับชีวิต!

“ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
‭‭ ~ฟีลิปปี‬ ‭4‬:‭13‬ ‭THSV11‬‬
“I can do all this through him who gives me strength.”
‭‭ ~Philippians‬ ‭4‬:‭13‬ ‭NIV‬‬

ผมเห็นด้วยกับคำพูดที่ว่า

“อย่าคิดหวังพึ่งผู้ใด
เพราะแม้แต่เงาของคุณเอง
ก็ยังจากไปในยามที่คุณอยู่ในความมืดมิด!”
(Never depend on anyone,
because even your shadow leaves you when you are in darkness,)

แต่ถ้าหากเราพึ่งใครไม่ได้ แล้ว
1.เราจะดำเนินชีวิตอย่างไร?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่เราเจอะเจอสถานการณ์
1).ที่ยากลำบาก และ
2).ที่ช่วยตัวเองไม่ได้?
2.เราจะรอดพ้นและมีความสุขได้อย่างไร ?
ถ้าหากว่าเราไม่มีใครสักคนที่เราจะพึ่งได้?

อาจารย์เปาโลได้กล่าวว่าแท้จริงแล้ว
เรามีองค์พระผู้เป็นเจ้าที่เราสามารถจะพึ่งพระองค์ได้เสมอในทุกสถานการณ์ของชีวิต
สิ่งที่เราเรียนรู้จากประสบการณ์ชีวิตของอาจารย์เปาโล เป็นดังนี้

1.เราควรชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอ

“ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า“

2.เราควรเชื่อว่าพระเจ้าจะดลบันดาลให้มีคนมาช่วยเราเมื่อถึงเวลา

“เพราะว่าในที่สุดท่านทั้งหลายก็หวนกลับมาคิดถึงข้าพเจ้าอีก
ความจริงท่านยังคิดถึงข้าพเจ้าอยู่ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ ”

3.เราควรเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่

“ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ”

4.เราควรเรียนรู้จักเคล็ดลับในการเผชิญกับทุกสถานการณ์ของชีวิต

“ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์
ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี
ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก
ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว”

5.เราควรเชื่อมั่นและวางใจในพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังเราอยู่เสมอ

”ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
‭‭ (ฟีลิปปี‬ ‭4‬:‭10‬-‭13‬ ‭THSV11‬‬)

ใช่ครับ บางครั้งพระเจ้าอาจให้เราเผชิญกับ
1).ความยากลำบาก
2).ความเจ็บปวด
3).ความผิดหวัง
4).การสูญเสีย หรือ
5).ความขัดสน
ก็เพื่อให้เราทั้งหลายนั้นแข็งแกร่งขึ้น เมื่อเราได้ฟันฝ่าสิ่งเหล่านั้นไปพร้อมกับพระองค์
เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า

“จะมีเวลายากลำบากเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ
แต่เวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น ในบั้นปลาย!”
(There are going to be hard times in your life, but those hard times only
make you stronger in the end.)

ดังนั้น
1.แทนที่เราจะหงุดหงิดรำคาญหรือทุกข์ทรมานเจ็บปวด
ในยามเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหาต่างๆในชีวิต
2.แทนที่เราจะใช้อารมณ์ ความรู้สึก หรือความคิดส่วนตัวของเรามาเป็นที่ตั้ง
ในยามที่เราประสบกับปัญหา

ขอให้เราระลึกถึงคำเตือนที่ว่า

“อย่าตัดสินใจใดๆที่ส่งผลถาวร
จากความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว!”
( Never make permanent decisions
on temporary feelings.)

ด้วยเหตุนี้ แม้แต่ในขณะที่เราผิดหวัง เจ็บปวด หรือ ทุกข์ทรมาน
ก็ขอให้เราตัดสินใจอย่างมีสติ พึ่งพลังอันเต็มเปี่ยม
ที่มาจากความศรัทธาในพระคริสต์
1).ด้วยใจขอบพระคุณ และ
2).ด้วยความเชื่อว่า
ถ้าเราร่วมกับพระคริสต์ ในการเผชิญกับ อุปสรรคปัญหา หรือวิกฤติต่างๆ
เราจะเกิดผลดีในบั้นปลาย

ดังคำกล่าวที่ว่า

”พระเจ้าอาจให้ความเจ็บปวดแก่คุณ
เพื่อทำให้คุณเรียนรู้วิธีที่จะเข้มแข็ง
จงมองในแง่บวกอยู่เสมอ
อย่าถอดใจยอมแพ้
แต่ให้เรามีใจขอบคุณพระองค์อยู่เสมอ!“
(God gives you pain to make you learn how to be strong.
Stay positive .Never give up.Always be grateful!)

พี่น้องที่รัก
คุณมี“เคล็ดลับ”
1.ในการดำเนินชีวิตและ
2.ในการรับใช้
เหมือนอย่างที่กล่าวมา
…หรือเปล่าครับ?
~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
27พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(56)

วิธีได้กำไรและความสำเร็จ!

“ มีกำไรอยู่ในงานทุกอย่าง
การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭14‬:‭23‬ ‭TH1971‬‬
“All hard work brings a profit,
but mere talk leads only to poverty.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭14‬:‭23‬ ‭NIV‬‬

ไม่ว่าจะเป็น
1.กำไร (profit) หรือ
2.ความสำเร็จ(success)
ล้วนได้มา จาก
1).การทำงานหนัก (work hard) และ
2).การทำงานฉลาด(work smart)

การทำงานแค่ด้วยปาก อาจจะได้กำไร หรือ มีความสำเร็จในตอนต้น
แต่ในระยะยาว กำไรจะหด และความสำเร็จจะหายไป

การทำงานทั้งหนักและฉลาด จะให้คุณค่า กำไร และความสำเร็จ ให้แก่สิ่งที่เราทำ!
เหมือน โทมัส เอ เอดิสัน กล่าวว่า

“สิ่งมีคุณค่าที่ผมได้ทำ และสิ่งที่ผมประดิษฐ์
มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
แต่ด้วยการทำงาน!”
(I never did anything worth doing by accident,
nor did any of my inventions come by accident;
they came by work.)
Thomas A. Edison (1847-1931)

ใช่ครับ เราอยากได้อะไรเราต้อง
1.ลงทุนลงแรงหามา หรือ
2.ทำให้เกิดขึ้นมา
(แน่นอนว่า มีข้อยกเว้นข้อหนึ่ง คือ เรื่องการได้มาซึ่งความรอดจากโทษของบาปกรรมที่เราได้ทำมา นั้น เกินกำลังที่เราจะทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะอยากได้ หรือ ทำงานหนักแค่ไหน เพราะ
มีแต่พระเยซูคริสต์ที่ลงมาจากสวรรค์ เท่านั้น ที่สามารถประทานความรอดนั้น
ให้แก่เราผ่านการที่พระองค์ทรงรับโทษเหล่านั้นแทนเราที่บนไม้กางเขนแล้ว เท่านั้น)

เช่นถ้าเรา อยากได้ ดอกกุหลาบ เราต้อง
1.ไปซื้อมาจากคนปลูกหรือคนขาย
2.ปลูกขึ้นมาเอง

เหมือนที่ จอร์จ เอเลียต นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ ที่เขียนไว้ว่า
“ฝนไม่เคยตกมาเป็นดอกกุหลาบ
เมื่อเราต้องการดอกกุหลาบมากขึ้น
เราต้องปลูกต้นกุหลาบมากขึ้น!“
(It will never rain roses:
when we want to have more roses
we must plant more trees.)
~ George Eliot (1819-1880)

อนึ่ง นอกจากเราต้องลงแรงด้วยตัวเอง
ในการทำบางสิ่งเพื่อจะได้กำไรและประสบความสำเร็จ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จก็คือ
การทำงานเป็นทีม ที่มีการเชื่อมโยง และปรึกษาหารือกัน อย่างเปิดใจ และจริงใจ พร้อม

1.รับฟังความคิดเห็น หรือ
2.รับฟังคำแนะนำ ทั้ง
1).จากกันและกัน
2).จากผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ
3).จากผู้มีประสบการณ์ รวมทั้ง
4).จากผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณ

เหมือนที่กล่าวไว้ในพระธรรมสุภาษิต ที่ว่า

“ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว
แต่เมื่อมีผู้แนะนำจำนวนมาก แผนงานนั้นก็สำเร็จ”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭15‬:‭22‬ ‭THSV11‬‬
“Plans fail for lack of counsel,
but with many advisers they succeed.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭15‬:‭22‬ ‭NIV‬‬

พี่น้องที่รัก
วันนี้ คุณได้กำไร และประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรบ้าง?
พระเจ้าและผู้ใด มีส่วนทำให้คุณประสบความสำเร็จนั้น
และคุณอยากจะขอบคุณพวกเขาในเรื่องใดบ้าง?
…ช่วยเล่าให้ฟัง ได้ไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
26พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน สัญญาที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง Ep.968

จากหนังสือคู่มือศึกษาพระคัมภีร์ที่ผมนำมาร่วมใช้ในการใช้เวลากับพระเจ้าผ่านพระวจนะของพระองค์ เขาได้แบ่งสิ่งที่โมเสสพูดกับคนอิสราเอลในพระธรรมเฉลยธรรมบัญัติไว้เป็น 3 เรื่อง 3 ตอน ผมนำมาประยุกต์ให้เข้าใจง่ายๆว่าเป็นการเทศนา 3 ครั้ง เมื่อพูดแบบนี้พวกเราบางคนอาจจะจินตนาว่าใช้เวลาเป็น 3 สัปดาห์ไหม เหมือนปัจจุบันที่ไปฟังเทศที่โบสถ์สัปดาห์ละครั้ง เรื่องของระยะเวลาผมก็ไม่แน่ใจว่าใน 3 ตอนนี้ เว้นช่วงห่างกันไหม หรือพูดต่อเนื่องยาวๆไปเลย หากพี่น้องท่านใดมีข้อมูลรบกวนช่วยส่งมาให้ผมส่วนตัวด้วยนะครับ เพื่อจะได้เรียนรู้ไปด้วยกันครับ ในความเห็นผมก็เป็นไปได้ว่าในหนังสืออธิบายพระคัมภีร์ที่ผมใช้อาจจะแบ่งเรื่องราวทั้งหมดตามหัวข้อของเรื่องราวที่โมเสสได้พูดกับประชาชนอิสราเอล

“โมเสสได้เรียกคนอิสราเอลทั้งหมดเข้ามา แล้วกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “โอ คนอิสราเอล จงฟังกฎเกณฑ์และกฎหมายซึ่งข้าพเจ้าจะกล่าวให้เข้าหูของท่านในวันนี้ เพื่อท่านจะได้เรียนรู้ที่จะรักษาและทำตามข้อความเหล่านั้น” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭1‬ ‭

ในส่วนที่สองนี้โมเสสได้บอกให้คนอิสราเอลฟังกฎเกณฑ์และกฎหมายที่พระเจ้าบอกกับคนอิสราเอลผ่านโมเสส ประโยคนี้ดูคุ้นๆใช่ไหม นี่เป็นประโยคที่ใช้เริ่มในบทที่ 4 ที่ผมให้นิยามว่าเป็นบทสรุปของการเทศนาในเรื่องแรก ที่โมเสสเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของคนรุ่นแรกที่พระเจ้าช่วยพวกเขาออกมาจากการเป็นทาสของของอียิปต์ โมเสสได้ย้ำถึงจุดประสงค์ของการที่เรียกพวกเขามาฟังกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระเจ้าอีกครั้ง เพื่อพวกเขาจะเรียนรู้ จะรักษาและทำตามกฎเกณฑ์ กฎหมายของพระเจ้าเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด

“ไม่ใช่พระยาห์เวห์จะทรงทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของเราเท่านั้น แต่ทรงทำกับเรา คือเราทุกคนผู้มีชีวิตอยู่ที่นี่ในวันนี้”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭5‬:‭3‬

สิ่งที่โมเสสพูดกับคนอิสราเอลในวันนั้น ก็มีผลมาถึงเราในวันนี้ด้วย ถ้อยคำของพระเจ้า พันธสัญญาที่พระเจ้าทำกับคนอิสราเอลในเวลานั้น ก็มีผลมาถึงเราทุกคนในวันนี้ที่ยอมรับพระคุณของพระเจ้า และตกลงรับมาเชื่ออยู่ในพันธสัญญาของพระเจ้า ขอพระเจ้าเมตตาเราทุกคน จะเรียนรู้ จะรักษา และทำตามกฎเกณฑ์ กฎหมายของพระเจ้าเหล่านั้นอย่างเคร่งครัด เพื่อยืนยันว่าเราเป็นของพระองค์ ยืนยันว่าเรายังอยู่ในพันธสัญญาของพระเจ้า ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะไม่ละเมิดข้อตกลงเหล่านี้ เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ ทรงรักษาพระสัญญาของพระองค์เสมอ เราไม่มีสิทธิ์อ้างเลยว่าพระเจ้าผิดสัญญา เพียงเพราะเราเองพาตัวเองออกไปอยู่นอกข้อตกลงของสัญญานี้
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(55)

ขอให้แผนการสำเร็จ!

“ขอประทานตามใจปรารถนาของท่าน และ
ให้แผนการทั้งสิ้นของท่านสำเร็จ”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭20‬:‭4‬ ‭THSV11‬‬
“May he give you the desire of your heart
and make all your plans succeed.”
‭‭ ~Psalms‬ ‭20‬:‭4‬ ‭NIV‬‬

Jack Hyles กล่าวได้ชัดเจนว่า

“ถ้าฉันทำงานเพื่อพระเจ้า ฉันจะล้มเหลว
ถ้าฉันทำงานกับพระเจ้า ฉันจะสำเร็จ!”
(If I labor for God, I fail.
If I labor with God, I succeed.)

นี่คือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จ!

ความสำเร็จจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา
แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้า!
ดังนั้น ความสำเร็จที่ปราศจากพระเจ้า
จึงไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง!

ถ้าเราจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน
เราต้องทำงานร่วมกับพระเจ้า ไม่ใช่ ทำงานเพื่อพระเจ้า

ต่อไปนี้ คือ คำอธิษฐานที่งดงาม ที่ประชาชนร่วมอธิษฐาน
ขอพระเจ้าทรงช่วยเหลือและประทานความสำเร็จให้แก่พระราชาผู้กำลัง
จะเข้าสู่สงครามและกำลังอธิษฐานขอชัยชนะ

“1.ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบท่านในวันยากลำบาก
2.ขอให้พระนามพระเจ้าของยาโคบพิทักษ์รักษาท่าน
3.ขอพระองค์ทรงส่งความช่วยเหลือมายังท่านจากสถานนมัสการ
4.ขอทรงสนับสนุนท่านจากศิโยน
5.ขอทรงระลึกถึงของถวายทั้งสิ้นของท่าน
6.ขอทรงโปรดปรานเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของท่าน
7.ขอประทาน
1).ตามใจปรารถนาของท่าน และ
2).ให้แผนการทั้งสิ้นของท่านสำเร็จ
เพื่อพวกเราจะได้
ก.โห่ร้องด้วยความยินดีเนื่องด้วยชัยชนะของท่าน และ
ข.ชูธงขึ้นในพระนามพระเจ้าของพวกเรา
8.ขอพระยาห์เวห์ทรงให้คำทูลขอทั้งสิ้นของท่านสำเร็จเถิด!“

ดังนั้น พวกเราในทุกวันนี้ ก็ควรเรียนรู้ที่จะอธิษฐานเผื่อ
ศิษยาภิบาล และ ผู้นำของเรา
โดยขอพระองค์ทรงช่วยให้พวกเขาสามารถทำให้สำเร็จตามบทบาทหน้าที่ของพวกเขา
ได้ดีที่สุด จะดีไหม?

ประชาชนต่างมั่นใจว่าพระเจ้าจะทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขา

”บัดนี้ ข้าพเจ้าทราบว่า
1.พระยาห์เวห์จะทรงช่วยผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ให้รอด
2.พระองค์จะทรงตอบท่านจากฟ้าสวรรค์อันบริสุทธิ์ของพระองค์
โดยชัยชนะอันทรงอานุภาพแห่งพระหัตถ์ขวาของพระองค์ !“

ประชาชนยังประกาศว่า พวกเขาจะอวดพระเจ้า
โดยไม่ขออวดแสนยานุภาพของกองทัพหรือสิ่งที่พวกเขามี
พวกเขากล่าวว่า

”1.บ้างก็โอ้อวดเรื่องรถรบ
2.บ้างก็เรื่องม้าศึก
แต่พวกเราอวดเรื่องพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเรา!“

จากนั้น ประชาชนก็ชี้ให้เห็นผลแตกต่างระหว่าง
การพึ่งกำลังของตัวเอง กับการพึ่งพระเจ้าว่า

”1.พวกเขาจะล้มพับลงไป แต่
2).พวกเราจะลุกขึ้นยืนตรงอยู่ !“

ในตอนท้าย ประชาชนทูลขอพระเจ้า
1.ทรงตอบคำอธิษฐาน และ
2.ทรงประทานชัยชนะให้แก่พระราชา

”ข้าแต่พระยาห์เวห์
1.ขอประทานชัยชนะแด่พระราชา
เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายร้องทูล
2.ขอพระองค์ทรงตอบด้วยเถิด”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭20‬:‭1‬-‭9‬ ‭THSV11‬‬

พี่น้องที่รัก
เราทุกคนก็ควรจะ
1.เชื่อมั่นในพระเจ้า
2.ทำงานร่วมกับพระเจ้า หรือ ให้พระเจ้าทำงานผ่านเรา
3.อธิษฐานเผื่อศิษยาภิบาล ผู้นำ และผู้รับใช้
1).ในคริสตจักรและ
2).ในองค์กรของเรา
4.สนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มที่ ด้วยความรักและความห่วงใย

และที่สำคัญยิ่ง ก็คือ เราควรอธิษฐานขอพระเจ้า
ไม่เพียงพระองค์ประทานความสำเร็จให้พวกท่าน
1.ตามใจปรารถนาและ
2.ตามแผนการ เฉพาะในเวลานี้

แต่ขอให้ความสำเร็จเหล่านั้น จะคงอยู่กับ
1.ศิษยาภิบาล และ
2.ผู้นำของคริสตจักรและองค์กร
จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แบบ“จบสวย“

เหมือนดังที่ Woodrow Kroll กล่าวไว้ว่า

“การจบสวย นำพระเกียรติสิริมาสู่พระเจ้า
มากยิ่งกว่าการเริ่มต้นดี!”
( Finishing well brings more glory to God
than beginning well.)

…เห็นด้วยไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
25พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ไม่มีพระเจ้าอื่นใด Ep.967

เรายังอยู่กับบทสรุปคำเทศนาครั้งแรกของโมเสสในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ ในช่วงท้ายนี้โมเสสให้คนอิสราเอลรุ่นนี้มองย้อนดูเรื่องราวตั้งแต่ครั้งพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้ในโลก ไม่เคยมีอะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้เกิดขึ้นมามาก่อน ไม่มีใครเคยได้ยินอะไรแบบนี้ด้วย มีใครบ้างที่ยังไม่ตายหลังจากได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า คำถามในบทสรุปนี้เพื่อย้ำเตือนให้คนอิสราเอลรักและนมัสการพระเจ้าผู้เดียวเท่านั้น คำถามนี้คือ มีพระใดที่นำคนชนชาติหนึ่งออกมาจากคนอีกชนชาติหนึ่ง เพื่อมาเป็นของพระองค์ โดยพระราชกิจอันยิ่งใหญ่และน่ากลัว เหมือนที่พระเจ้าพระยาเวห์ได้ทรงกระทำ

“พระองค์ทรงสำแดงสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า นอกจากพระองค์แล้วไม่มีพระเจ้าอื่นใด”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭35‬ ‭TNCV‬‬

พระเจ้าทรงทำทั้งหมดนี้เพื่อยืนยันให้กับมนุษย์ที่อ่อนไหวง่ายอย่างเรา มนุษย์ที่มีความเชื่อจากการมองได้ด้วยตาเห็นว่าพระยาเวห์คือพระเจ้า นอกจากพระเจ้าพระยาเวห์ไม่มีพระเจ้าอื่นใด

“พระองค์ทรงให้พวกท่านได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์จากฟ้า เพื่อให้ท่านมีวินัย พระองค์ทรงให้ท่านเห็นเพลิงใหญ่ของพระองค์ในโลก และท่านได้ยินพระวจนะของพระองค์จากกลางเพลิง”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭36‬ ‭THSV11‬‬

เป้าหมายของการทำทุกสิ่งเพื่อยืนยันว่าพระยาเวห์ทรงเป็นพระเจ้าเดียวของทั้งคนอิสราเอลและพวกเรา เพื่อให้เราทุกคนจะมีวินัย จะอยู่ในโอวาท จะอยู่ในความยำเกรงพระเจ้า และทำทั้งหมดนี้เพราะพระองค์ทรงรักพวกเรา พระเจ้าทรงเลือกสรรเราไว้ ทรงแยกเราออกมา เพื่อเป็นของพระองค์

“ในวันนี้จงรับรู้และจำใส่ใจว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าทั้งในฟ้าสวรรค์เบื้องบนและแผ่นดินโลกเบื้องล่าง ไม่มีพระเจ้าอื่นใด”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭39‬ ‭TNCV‬‬

เมื่อเรารู้ทั้งหมดแบบนี้แล้วว่าพระเจ้าทรงรักเรา ทรงเลือกและแยกเราออกมาเป็นของพระองค์ สิ่งที่เราต้องทำคือรับรู้ จำใส่ใจ และเอาถ้อยคำทั้งหมดนั้นมาตรึกตรองในใจเสมอว่านอกจากพระเจ้าพระยาเวห์แล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใด

“ฉะนั้น ท่านจงรักษากฎเกณฑ์และพระบัญญัติของพระองค์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาแก่ท่านในวันนี้ เพื่อท่านและลูกหลานที่เกิดมาภายหลังท่านจะไปดีมาดี และวันคืนของท่านจะยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านตลอดไป””
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭40‬ ‭THSV11‬‬

บทสรุปของการเทศนาของโมเสส คือเพื่อเตือนคนอิสราเอลและพวกเรา ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและคำสั่งของพระเจ้า เพื่อเรากับลูกหลานของเราจะไปดีมาดี จะอยู่เย็นเป็นสุข และจะมีชีวิตยืนยาวในพระเจ้าเสมอไป
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(54)

ข้อความที่ให้กำลังใจ!

“เมื่อลาจากกันแล้ว ท่านเหล่านั้นก็ลงไปยังเมืองอันทิโอก
และเมื่อเรียกคนทั้งปวงประชุมกันแล้ว จึงมอบจดหมายฉบับนั้นให้
เมื่ออ่านแล้วต่างก็มีความชื่นชมยินดีในคำหนุนใจนั้น
ยูดาสกับสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย จึงกล่าวคำหนุนใจพี่น้องหลายประการ
และช่วยให้มีกำลังใจ”
‭‭ ~กิจการ‬ ‭15‬:‭30‬-‭32‬ ‭THSV11‬‬
“So the men were sent off and went down to Antioch,
where they gathered the church together and delivered the letter.
The people read it and were glad for its encouraging message.
Judas and Silas, who themselves were prophets,
said much to encourage and strengthen the believers.”
‭‭ ~Acts‬ ‭15‬:‭30‬-‭32‬ ‭NIV‬‬

คริสตจักรสมัยแรก มีการหนุนใจกันในหลายรูปแบบ
เช่น
1.การไปพบปะ เยี่ยมเยียน ประชุมกัน
2.การส่งหรือ มอบจดหมายให้อ่าน
3.การกล่าวคำหนุนใจและช่วยให้กำลังใจ

เราทั้งหลายก็ควรที่จะกระทำอย่างนั้นคือมีการหนุนใจกันเสมอทั้งในรูปแบบของ
1.การพบปะ ~สำหรับผู้ร่วมสามัคคีธรรมกัน
2.การเขียน ~สำหรับผู้รับหรือผู้อ่าน
3.การพูด ~สำหรับผู้รับฟัง
4.การกระทำ/การให้~สำหรับผู้ที่มีความต้องการ

แท้จริงแล้ว พระเจ้าทรงควบคุมเหนือทุกคนและเหนือทุกสิ่ง และ
ทรงสามารถหนุนใจเราผ่านทุกช่องทาง แม้แต่ผ่าน ความรู้ สติปัญญา
และประสบการณ์ของคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน
เราจึงควรถ่อมใจเรียนรู้และนำบทเรียนต่างๆมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมในการ
1).เตือนสติและ
2).หนุนใจกันและกัน

วันนี้ ขอนำคำเตือนสติ หรือคำหนุนใจที่มีประโยชน์ มาแบ่งปันพี่น้อง ดังนี้


1
“ไม่มีการศึกษาใดเทียบได้กับความทุกข์ยาก!”
(There is no education like adversity ) l
-Benjamin Disraeli ,เบนจามิน ดิสราเอลรี (1840-1881)
รัฐบุรุษ นักเขียน นักการทูต
อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร (อังกฤษ,1868,1874-1988]


2
“ชาวประมงรู้ว่าทะเลมีอันตรายและพายุร้ายน่าพรั่นพรึง
แต่พวกเขาไม่ถือว่าอันตรายเหล่านั้นเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้พวกเขายังคงอยู่แต่บนฝั่ง!”
(The fishermen know that the sea is dangerous and the storm terrible, but they have never found these danger sufficient reason for remaining ashore.)
~Vincent Van Gogh,วินเซนต์ ฟาน โกะ (1853 -1890)
จิตรกรชื่อก้องโลกชาวดัตช์

3
”การพ่ายแพ้มักเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
แต่การยอมแพ้ต่างหาก
ที่ทำให้การพ่ายแพ้นั้นถาวร!“
(Being defeated is often only a temporary condition.
Giving up is what makes it permanent.)
~ Marilyn vos Savant มาริลีน วอส ซาวอง

4.
“เกียรติภูมิอันสูงสุดไม่ได้อยู่ที่การไม่เคยพลาดล้ม
แต่อยู่ที่การลุกขึ้นมาทุกครั้งที่ล้ม
(The greatest glory is not in never falling, but is rising up every time we fall.)
~Confucius ขงจื๊อ(551~479 B.C.)

5
“เพราะคนชอบธรรมล้มลงเจ็ดครั้งแล้วก็ลุกขึ้นอีก
แต่คนอธรรมจะสะดุดล้มลงในความยากลำบาก”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭24‬:‭16‬ ‭THSV11‬‬
“for though the righteous fall seven times, they rise again,
but the wicked stumble when calamity strikes.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭24‬:‭16‬ ‭NIV‬‬

6
“ศัตรูของข้าเอ๋ย อย่าเปรมปรีดิ์เย้ยข้าเลย เมื่อข้าล้มลง
ข้าจะลุกขึ้นอีก เมื่อข้านั่งอยู่ในความมืด พระยาห์เวห์จะทรงเป็นความสว่างแก่ข้า”
‭‭ ~มีคาห์‬ ‭7‬:‭8‬ ‭THSV11‬‬
“Do not rejoice over me, my enemy, because when I fall,
I will rise; if I sit in darkness, the LORD is my light.”
‭‭ ~Micah‬ ‭7‬:‭8‬ ‭CEB‬‬

พี่น้องที่รัก

ข้อคิดใด หรือ ข้อความใดในวันนี้ ที่สัมผัสใจของคุณมากที่สุด?
ทำไม? และอย่างไร?

และคุณจะนำไปประยุกต์เพื่อ
1.เตือนสติ และ
2.หนุนใจ ผู้ใดด้วยข้อคิดเหล่านี้ บ้าง?
…ขอช่วยตอบที นะครับ!

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
24พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน พระเจ้าไม่ลืม Ep.966

พวกเราจะทำอย่างไรหากมีบางคนมาแจ้งสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต เราจะเชื่อไหม หรือจะเพียงเอ๊ะ... หรือบางคนอาจจะไม่เชื่อเพราะมีเหตุผลว่า มนุษย์จะรู้อนาคตได้อย่างไร แล้วถ้าหากคนนั้นพระเจ้าทรงใช้เขามาแจ้งคำล่วงหน้าให้กับเรา เราจะเชื่อฟังถ้อยคำที่เขาพูดออกมาไหม เรื่องราววันนี้เป็นถ้อยคำของพระเจ้าที่ผ่านมาโดยโมเสสถึงคนอิสราเอล และมาถึงพวกเราผู้เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ในทุกวันนี้ด้วย

“ในอนาคตเมื่อท่านลงหลักปักฐานในดินแดนนั้นและมีลูกมีหลาน หากท่านเสื่อมทรามจนสร้างรูปเคารพใดๆ ซึ่งเป็นการกระทำที่ชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านและยั่วยุพระพิโรธของพระองค์”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭25‬ ‭TNCV‬‬

ต่อไปนี้โมเสสได้แจ้งคำล่วงหน้าไว้ก่อนเลยว่า ในเวลาที่คนอิสราเอลเสื่อมทราม คนอิสราเอลจะพินาศย่อยยับและจะอยู่ที่คะนาอันได้ไม่นาน พวกเขาจะพินาศไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป และจะเหลือรอดเพียงไม่กี่คน นี่เป็นอีกคำแจ้งล่วงหน้าของโมเสสว่า ที่ในดินแดนคะนาอันนั้น คนอิสราเอลจะนมัสการเทพเจ้า จะนมัสการรูปเคารพที่คนสร้างขึ้นมาจากไม้และหิน พระเหล่านั้นเป็นพระที่มองก็ไม่เห็น ฟัง กิน หรือดมอะไรก็ไม่ได้

“แต่ ณ ที่นั่นแหละท่านทั้งหลายจะแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ถ้าท่านค้นหาพระองค์ด้วยสุดจิตและสุดใจ ท่านจะพบพระองค์ เมื่อท่านมีความทุกข์ลำบาก และทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับท่าน ในกาลภายหน้า ท่านจะกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭29‬-‭30‬

ณ. จุดนั้น ในความยากลำบากนั้น จะเป็นจุดที่ทำให้คนอิสราเอลกลับมาแสวงหาพระเจ้า แล้วเขาจะพบกับพระองค์ ถ้าเขาแสวงหาพระองค์ด้วยสิ้นสุดใจ ในความยากลำบากนั้นจะทำให้คนอิสราเอล หันกลับมาเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า

“เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเมตตา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้ง หรือทำลายท่าน หรือลืมพันธสัญญาที่ทรงให้ไว้กับบรรพบุรุษของท่านซึ่งพระองค์ทรงยืนยันกับพวกเขาโดยคำปฏิญาณ”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭31‬ ‭TNCV‬‬

พระเจ้าของเราทรงเป็นพระเจ้าผู้เมตตา พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งคนของพระองค์ เหมือนที่คนของพระองค์ชอบละเลย ละทิ้งพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นความรักมั่นคง และเป็นผู้ที่รักษาพันธสัญญาของพระองค์ที่มีกับคนของพระองค์เสมอ ขอให้เรื่องราวในวันนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจพวกเราทุกคน ที่จะรักยึดมั่นในพระสัญญาของพระเจ้า ไม่ทำรูปเคารพใดๆสำหรับตัวเอง เพราะเมื่อเรารู้จักกับพระเจ้าแล้วยังหันกลับไปนมัสการพระอื่นหรือสนใจสิ่งอื่นอื่นๆมากกว่าพระเจ้า การกระทำแบบนั้นจะทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ในข่าวร้ายนั้นก็มีข่าวดี หากเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นแล้ว ขอให้เราร้องเรียก แสวงหาพระองค์อย่างสุดใจ โดยหันกลับมาเชื่อฟังถ้อยคำของพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะทรงเมตตากรุณากับเราโดยพระคุณของพระองค์ที่ผ่านมาทางพระเยซูคริสต์ พระเจ้าไม่ทรงลืมเรา ขอพวกเราจะไม่ลืม ไม่ละทิ้งพระเจ้า ที่สำคัญคือเราต้องสอนลูก สอนหลานของเราที่จะรักและนมัสการพระเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น มิฉะนั้นพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากแน่นอน ขอพระเจ้าเมตตาที่เรื่องราวแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราและครอบครัวของเรา
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(53)

ทำไมนั่งทำงานอยู่คนเดียว?

“เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นทุกอย่างที่โมเสสทำเพื่อประชาชน จึงกล่าวว่า
“นี่ท่านใช้วิธีอะไรปฏิบัติกับประชาชนเล่า?
ทำไมท่านจึงนั่งทำงานอยู่คนเดียว? และ
ประชาชนทั้งหมดก็ยืนล้อมท่านตั้งแต่เช้าจนเย็น””
‭‭ ~อพยพ‬ ‭18‬:‭14‬ ‭THSV11‬‬
“When his father-in-law saw all that Moses was doing for the people,
he said, “What is this you are doing for the people?
Why do you alone sit as judge,
while all these people stand around you from morning till evening?””
‭‭ ~Exodus‬ ‭18‬:‭14‬ ‭NIV‬‬

Helen Keller กล่าวว่า

“ ทำงานตามลำพังเราทำได้นิดหน่อย
ทำงานร่วมกันเราทำได้มากมาย!”
(Alone we can do so little.
Together we can do so much.)

ใช่ครับทำงานตามลำพังคนเดียวไม่ค่อยดีนักในระยะยาว
เราจึงควรเรียนรู้ที่จะปรับปรุงและบริหารจัดการวิธีการทำงานของเราให้ดียิ่งขึ้น
พระคัมภีร์สอนเราถึงเรื่องวิชาบริหารงานที่ยอดเยี่ยม มาตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้วดังนี้

“วันรุ่งขึ้น
1. โมเสสนั่งตัดสินความให้ประชาชน =เรามีงานต้องทำ
2.พวกเขายืนห้อมล้อมโมเสสตั้งแต่เช้าจนเย็น =เราทำงานนานเกินไป
3.พ่อตาของโมเสสเห็นทุกอย่างที่โมเสสทำเพื่อประชาชน จึงกล่าวว่า
“1).นี่ท่านใช้วิธีอะไรปฏิบัติกับประชาชนเล่า?
2).ทำไมท่านจึงนั่งทำงานอยู่คนเดียว?
3).และประชาชนทั้งหมดก็ยืนล้อมท่านตั้งแต่เช้าจนเย็น”
=เราจำเป็นต้องทบทวนวิธีการทำงานของเราให้ดีขึ้น
4.โมเสสจึงตอบพ่อตาว่า
“เพราะประชาชนมาหาข้าพเจ้า เพื่อขอให้ทูลถามพระเจ้า
เมื่อพวกเขามีการโต้เถียงกันก็มาหาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าก็ตัดสินความระหว่างเขากับเพื่อนบ้าน และ
สอนเขาให้รู้จักกฎเกณฑ์ของพระเจ้าและธรรมบัญญัติของพระองค์”
=เราไม่ควรทำงานมากเกินไป
5.พ่อตาของโมเสสจึงกล่าวกับท่านว่า
“1).ท่านทำอย่างนี้ไม่ดี ทั้ง
ก.ท่านและ
ข.ประชาชนที่อยู่กับท่านนั้นคงจะอ่อนล้า
เพราะภาระนี้หนักเหลือกำลังของท่าน
=เราไม่ควรแบกภาระงานที่หนักที่เกินกำลังตัวเอง
2).ท่านไม่สามารถทำคนเดียวได้
จงฟังเราบ้าง
เราจะให้คำแนะนำแก่ท่าน และ
ขอให้พระเจ้าสถิตกับท่าน
=เราต้องรับฟังคำแนะนำที่ดีมีประโยชน์
3).ท่านจงเป็นผู้แทนของประชาชนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
นำความกราบทูลพระเจ้า
=เราต้องปรึกษาและพึ่งพระเจ้าให้มากขึ้น
4).ท่านจงสั่งสอนพวกเขาให้รู้กฎเกณฑ์และธรรมบัญญัติ คือ
ทำให้พวกเขารู้จักทางที่เขาต้องดำเนินชีวิตและสิ่งที่ต้องปฏิบัติ
ยิ่งกว่านั้น จากประชาชนทั้งหมด ท่าน
=เราต้องสอนคนของเราให้รู้จักพระเจ้า วิธีดำเนินชีวิตและการทำงานตามกฎเกณฑ์ของพระเจ้า
5).ท่านจงมองหาคน
ก.ที่มีความสามารถ
ข.ที่ยำเกรงพระเจ้า
ค.ที่ไว้ใจได้ และ
ง.ที่เกลียดสินบน
=เราต้องหาทีมงานที่เหมาะสม
6).ท่านจงแต่งตั้งคนอย่างนี้ไว้เหนือพวกเขา
เป็นผู้ปกครองคน
ก.พันคนบ้าง
ข.ร้อยคนบ้าง
ค. ห้าสิบคนบ้าง
ง.สิบคนบ้าง
=เราต้องแต่งตั้งคนช่วยงานและกระจายงาน 7).ท่านจงให้พวกเขาพิพากษาคดีของประชาชนอยู่เสมอ
ก.ส่วนคดีใหญ่ๆ ก็ให้พวกเขานำมาแจ้งต่อท่าน
ข.แต่คดีเล็กๆ น้อยๆ ให้พวกเขาตัดสินเอง
ก).การงานของท่านจะเบาลง และ
ข).พวกเขาจะแบกภาระร่วมกับท่าน
=เราต้องกระจายอำนาจ และมอบหมายงานแก่คนอื่นๆในทีมทำด้วย

ถ้าทำดังนี้และพระเจ้าทรงบัญชาแล้ว
1.ท่าน~ก็จะสามารถทนได้
2.ประชาชนทั้งหมดนี้~ก็จะไปยังที่อาศัยของตนด้วยความสงบสุข”
=เราต้องทำให้ตัวเอง ทีมงาน และ คนทั้งหลายในการดูแลของเรามีความสงบสุข

การตอบสนองของโมเสสต่อคำแนะนำในการบริหารงานของพ่อตา เป็นอย่างไร?

1.โมเสสก็เชื่อฟังถ้อยคำของพ่อตา และ
2.โมเสสทำตามที่ท่านกล่าวทุกประการ
3.โมเสสจึง
1).เลือกคนที่มีความสามารถจากคนอิสราเอลทั้งหมด และ
2).ตั้งให้
ก.เป็นหัวหน้าประชาชน
ข.เป็นผู้ปกครองคน
ก).พันคนบ้าง
ข).ร้อยคนบ้าง
ค). ห้าสิบคนบ้าง
ง).สิบคนบ้าง

สิ่งที่ตามมาคือ
1.คนเหล่านั้นพิพากษาคดีของประชาชนอยู่เสมอ ~ คดีเล็กๆ น้อยๆ พวกเขาตัดสินเอง
2.โมเสสตัดสินคดียากๆ เมื่อพวกเขานำไปแจ้งโมเสส
3.โมเสสส่งพ่อตาของตนกลับไป
4.พ่อตาก็กลับไปยังแผ่นดินของตน”
‭‭ ~อพยพ‬ ‭18‬:‭13‬-‭27‬ ‭THSV11‬‬

สิ่งที่เราเรียนรู้ในเรื่องการจัดการกับงานที่ล้นมือคือ
1.เราต้องไม่ทำงานใดที่มากเกินไป และนานเกินไป
2.เราต้องไม่ทำงานแบบข้ามาคนเดียว อยู่ตามลำพัง
3.เราต้องไม่ทำงานสารพัดซึ่งไม่ดี ซึ่งคนเดียวทำไม่ได้ เพราะ
1).จะทำให้อ่อนล้า
2).จะเป็นภาระที่หนักเกินกำลัง
4.เราต้องรับฟังคำแนะนำ จากผู้รู้ ที่มีประสบการณ์
5.เราต้องทำงานโดยมีพระเจ้าสถิตกับเรา 6.เราต้องทำงานในฐานะเป็นตัวแทนของพระเจ้า ที่นำความกราบทูลพระเจ้า
7.เราต้องสั่งสอนคนทั้งหลายให้รู้กฏเกณฑ์และธรรมบัญญัติ ให้เขารู้จักทาง
1).ที่ต้องดำเนินชีวิต
2).ที่ต้องปฏิบัติ
8.เราต้องมองหาคนมีคุณสมบัติที่เหมาะสมมาช่วยงาน หรือมาร่วมทีม คือคน
1).ที่มีความสามารถ
2).ที่ยำเกรงพระเจ้า
3). ที่ไว้ใจได้
4). ที่เกลียดสินบน
9.เราต้องแต่งตั้งคนที่เหมาะสมมาทำงานช่วยดูแลปกครองและพิพากษาคดี คนตามลำดับ 1).คดีเล็กๆน้อยๆให้พวกเขาตัดสิน
2).คดีใหญ่ๆ ให้เราตัดสินเองขอพระเจ้าอวยพรให้พี่น้องมีความสุข
กับงานที่พี่น้องทำอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลมากขึ้น

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ระวังตัวให้ดี Ep.965

ระหว่างสิ่งที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า กับสิ่งที่มองไม่เห็นแต่รู้ว่ามีอยู่จริง พวกเราเลือกอะไร นี่คือสิ่งที่โมเสสเป็นห่วงคนอิสราเอลที่กำลังจะเข้าไปยึดครองดินแดนคะนาอัน ที่นั่นมีพระมากมายที่รูปพรรณสัณฐานที่สามารถเห็นและจับต้องได้ แต่พระเจ้าพระยาเวห์ที่อยู่กับเขา ที่นำเขาออกมาจากการเป็นทาสนั้น พระองค์มองไม่เห็น โมเสสจึงเตือนพวกเขาให้ระวังตัวให้ดี

“ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี เพราะในวันนั้นท่านไม่เห็นสัณฐานใดๆ เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสกับท่านที่โฮเรบจากท่ามกลางไฟ จงระวังเถิด เกรงว่าท่านทั้งหลายจะหลงทำรูปเคารพแกะสลักสำหรับตัวเอง เป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นรูปตัวผู้หรือตัวเมีย” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭15‬-‭16‬ ‭

โมเสสเตือนว่าให้ระวังตัวให้ดีเพราะว่าทั้งเราและเขาไม่สามารถมองเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ ที่จะไม่ถูกกลืนไปโดยคนพื้นเมืองที่อยู่ในคะนาอัน พวกเขาทำสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ คือทำรูปเคารพเป็นรูปคนผู้หญิงหรือผู้ชาย เป็นรูปสัตว์ต่างๆ หรือนมัสการบูชาดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวต่างๆ เป็นคำสั่งคำเตือนว่า “อย่าปล่อยใจไปกราบไหว้สิ่งเหล่านั้น และนมัสการสิ่งต่างๆ ที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปล่อยให้คนอื่นๆ เขาทำกัน ‭

“แต่พระยาห์เวห์ทรงเลือกท่านทั้งหลายและทรงนำท่านออกมาจากเตาเหล็กคือจากอียิปต์ ให้เป็นประชากรในกรรมสิทธิ์ของพระองค์ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭20‬

เหตุผลอีกอย่างก็คือ เพราะว่า คนอิสราเอลและพวกเราคือคนที่พระเจ้าเลือก ที่ถูกแยกออกมาจากการเป็นทาสของอียิปต์ สำหรับพวกเราจากการเป็นทาสของบาป ในบทสรุปคำเทศนานี้ โมเสสยังได้ระบายความในใจออกมาอีกครั้งว่า พ่อแม่ของพวกเขาทำให้โมเสสถูกลงโทษ โดยไม่ได้ให้เข้าไปสู่ดินแดนที่สมบูรณ์ที่พระเจ้าประทานให้ ตรงนี้โมเสสยืนยันถ้อยคำของพระเจ้าว่า เขาเองต้องตายที่ฝั่งนี้ จะไม่ได้ข้ามไป ส่วนทุกคนจะได้ข้ามไปยึดครองดินแดนที่อุดมสมบูรณ์นั้น และนี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด ในวันเวลาที่เราอุดมสมบูรณ์ มีความสุข มีความปกติ พวกเราเองมักจะหลงลืมพระเจ้า ผู้ทรงประทานความอุดมสมบูรณ์ ประทานความสุข และความปกตินั้นให้

“จงระวังตัวให้ดี เกรงว่าท่านทั้งหลายจะลืมพันธสัญญาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งทรงทำไว้กับท่าน และสร้างรูปเคารพแกะสลักเป็นรูปสัณฐานสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงห้ามไว้นั้น เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ ทรงเป็นพระเจ้าที่หวงแหน”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭23‬-‭24‬ ‭

ขอให้พวกเราจะยึดมั่นในถ้อยคำของพระเจ้า จงระวังรักษาตัวให้ดีอย่าให้ใจของเราออกห่างจากพระเจ้าไปกราบไหว้พระอื่น หรือมีความต้องการอย่างอื่นที่ไม่ใช่พระเจ้าหรือไม่เหมือนพระเจ้า โมเสสได้ย้ำอีกครั้งถึงพระลักษณะของพระเจ้าว่า พระเจ้าทรงมีพลังอำนาจและพระเจ้าที่หวงแหน ในฉบับอมตะธรรมร่วมสมัย ใช้คำว่า “ทรงเป็นพระเจ้าผู้หึงหวง” ขอให้เราระมัดระวังตัวให้ดี ที่จะไม่นอกใจพระเจ้า ไปนมัสการพระอื่น หรือทุ่มเทให้กับอย่างอื่นมากกว่าพระเจ้าของเรา
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต
ตอน วิธีรักษาสิทธิพิเศษไว้ Ep.964

ในคำเทศนาครั้งแรกของโมเสสจากพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัตินี้ โมเสสได้ชี้ให้เห็นถึงสิทธิพิเศษที่ประกรของพระเจ้ามี ว่าพระเจ้าสถิตอยู่ด้วยพระองค์ทรงฟังทุกคำวิงวอนร้องทูล วันนี้เป็นคำเตือนสำหรับสิทธิพิเศษที่พระเจ้าประทานให้ ว่าสิทธิพิเศษนี้จะหมดไปหากเราทุกคนละเมิดข้อตกลง พาตัวเองออกไปอยู่นอกพระสัญญาของพระเจ้า

“แต่จงระวังตัว และรักษาจิตวิญญาณของตนให้ดี เกรงว่าท่านจะลืมสิ่งที่นัยน์ตาได้เห็นนั้น และเกรงว่าสิ่งเหล่านั้นจะสูญไปจากใจของท่านตลอดชีวิตของท่าน จงทำให้ลูกและหลานของท่านทราบเรื่องเหล่านี้”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭9‬ ‭

ในบทนี้ข้อที่ 10 โมเสสกำชับคนรุ่นที่สองถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคนรุ่นแรก เล่าให้ฟังถึงวันที่พ่อแม่ของพวกเขาในวันที่ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าที่ภูเขาโฮเรบ ตอนนั้นทรงตรัสกับโมเสสว่า “จงเรียกคนอิสราเอลมาชุมนุมต่อหน้าพระเจ้า เพื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ เพื่อพวกเขาจะเรียนรู้ที่จะยำเกรงพระเจ้าตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่ จากคำเทศนาของโมเสส เราได้เรียนรู้ที่จะยำเกรงพระเจ้าด้วย ในประการต่อมาที่โมเสสย้ำสำหรับคนรุ่นนี้ถึงการส่งต่อความเชื่อ การส่งต่อความยำเกรงและการเชื่อฟังพระเจ้า โดยย้ำว่าให้พวกเขาสอนบัญญัติของพระเจ้าแก่ลูกและหลานของเขา

“ในเวลานั้นพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสั่งสอนกฎเกณฑ์และกฎหมายแก่ท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะได้ทำตามในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะข้ามไปยึดครองนั้น”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭14‬ ‭

พระเจ้ามีจุดประสงค์ที่จะใช้คำเทศนาสั่งสอนของโมเสสนี้ เพื่อให้คนอิสราเอลเชื่อฟังทำตาม และสอนลูกหลานของพวกเขาที่จะยำเกรงพระเจ้าสำหรับพวกเราก็เช่นกัน ที่ได้อ่านบทสรุปคำเทศนานี้ พระเจ้าทรงมีจุดประสงค์เช่นเดียวกันสำหรับพวกเรา คือเพื่อให้เราเชื่อฟังทำตาม และสอนลูกหลานของพวกเราที่จะยำเกรงพระเจ้าต่อไป ขอพระเจ้านำเรา
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(51)

คุณจะทำอย่างไรกับ“เวลา” (T I M E)ที่คุณมีอยู่?

“ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้ร้องเพลงด้วยความชื่นบานและยินดี
ตลอดวันเวลาของพวกข้าพระองค์”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭90‬:‭14‬ ‭THSV11‬‬
“Satisfy us in the morning with your unfailing love, that we may sing for joy and be glad all our days.”
‭‭ ~Psalms‬ ‭90‬:‭14‬ ‭NIV‬‬

เวลาไม่ใช่เงินทอง แต่เวลาคือ ชีวิต!
เมื่อใดที่เราฆ่าเวลา ก็คือ เรากำลังฆ่าชีวิตของเราเอง

เวลาจึงเป็นสิ่งมีค่าที่สุด
ดังนั้น จงอย่าไปฆ่าเวลา!

สิ่งสำคัญไม่ใช่ การพยายามทำให้เรามีเวลาอยู่ยาวนานในโลกนี้
แต่เป็นการใส่สิ่งที่สำคัญที่จะยังคงอยู่ต่อไปอย่างยาวนานอย่างมีคุณค่า
ในช่วงเวลาที่เรามีอยู่
(แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม)

แล้วเราควรทำอะไรบ้าง ในช่วงเวลา(TIME)ที่เรามีอยู่?
สิ่งที่เราพึงทำมี ดังนี้

T-Thanks (คำขอบคุณ)
เราควรมีใจและคำขอบคุณพระเจ้าและผู้อื่นอยู่เสมอ
เพราะว่าใจที่รู้จักขอบคุณนับว่าเป็นมารดาแห่งคุณธรรมทั้งปวง
และ
“ความกตัญญูคือความทรงจำของหัวใจ!”
(Gratitude is the memory of the heart) - Jean Baptiste Massieu

คำถามชวนคิด:

“พระเจ้าทรงประทานเวลา86,400วินาทีเป็นของขวัญให้แก่คุณในวันนี้
คุณได้ใช้สักช่วงวินาทีในการกล่าว”ขอบคุณ“พระองค์บ้างแล้วหรือไม่?”
(God gave you a gift of 86,400 seconds today.
Have you used one to say 'thank you?) - William A. Ward

มีคำเตือนสติที่ดีว่า

“ยิ่งคุณขอบคุณพระเจ้า และ คนอื่นๆ สำหรับสิ่งที่คุณมีมากเท่าไหร่
คุณก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
แต่ถ้าคุณจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณไม่มี คุณก็จะไม่มีวัน มีเพียงพอ!”

I-improvement (การพัฒนาตนเอง)

เราควรใช้เวลาที่มี ในการปรับปรุงและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
เราไม่ต้อง เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
แต่ขอให้เราเปรียบเทียบตัวเองกับตัวเราเอง
โดยตั้งใจว่าตัวของเราวันนี้จะดีกว่าตัวของเราเมื่อวานนี้ และ
ตัวของเราพรุ่งนี้จะดีกว่าตัวของเราในวันนี้
…แค่นี้ชีวิตของเรา และโลกนี้ ก็ดีขึ้นแน่นอนแล้ว

“ขอให้เราพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่หาข้อแก้ตัว
ให้เราแสวงหาการสมควรได้รับความนับถือ ไม่ใช่มุ่งหาแค่ความสนใจ!”
( Make improvements, not excuses.
Seek respect, not attention.)
― Roy T. Bennett,

“ให้การพัฒนาตัวเราเอง ทำให้เราสาละวน
จนไม่มีเวลาไปวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น!”
(Let the improvement of yourself keep you so busy
that you have no time to criticize others.”
― Roy T. Bennett,

M-Mercy(ความเมตตา)

ชีวิตของเราจะมีคุณค่าและมีความหมายมากขึ้น
เมื่อในทุกช่วงเวลาเหล่านั้น เจือปนด้วยความเมตตากรุณาต่อผู้อื่น
ชีวิตที่ไร้ความเมตตา คือ ชีวิตที่ปราศจากชีวิต

ในเวลาเดียวกัน อย่าให้เรามองข้าม หรือ ลืมเลือนความเมตตาที่เราได้รับมา เช่นกัน

“จงให้ดวงตาของคุณเปิดออกมองดูความเมตตาที่คุณได้รับมาอยู่เสมอ
คนที่ลืมขอบคุณคือคนที่ชีวิตกำลังหลับไหล“
(Keep your eyes open to your mercies. The man who forgets to be thankful
has fallen asleep in life.) - Robert Louis Stevenson

” จงมีใจกรุณา เราไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเรานี้
กำลังเผชิญกับอะไรที่ผ่านมา
จงมอบพระคุณและความเมตตาให้กับเขา
เพราะว่าวันหนึ่ง สภาพแวดล้อมของคุณอาจจะเปลี่ยนไป
และคุณอาจต้องการความเมตตาเหล่านั้นเช่นกัน ก็เป็นได้!“
“Be kind. We never know what people are going through. Give grace and mercy because one day your circumstance could change and you may need it.”
― Germany Kent

E-Encouragement (การหนุนใจและเดือนสติ)
ชีวิตของคนเรา ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หลากหลาย
ช่วงเวลาที่เราต้องการกำลังใจ คำแนะนำ หรือคำเตือนสติ
จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อชีวิตของกันและกัน

“ ถ้าคุณต้องการยกตัวของคุณขึ้น จงยกคนอื่นขึ้นก่อน!”
(If you want to lift yourself up, lift up someone else.)
― Booker T. Washington

“ การหนุนใจเปรียบเหมือนน้ำที่ให้ความชื่นใจต่อจิตวิญญาณ
และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเจริญเติบโตขึ้น!”
(Encouragement is like water to the soul,
it makes everything grow.)
― Chris Burkmenn

ดังนั้น จงให้เวลาในการหนุนใจกันและกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในยามที่คนใดคนหนึ่งกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของชีวิต

พี่น้องเห็นด้วยกับทั้งหมดทุกสิ่งที่กล่าวมา ไหมครับ?

ขอพระเจ้าทรงอวยพรให้ทุกท่าน
1.อิ่มเอมด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ในเวลาเช้า
2.ร้องเพลงด้วยความชื่นบาน ยินดีและปลื้มปีติ ได้ตลอดชั่วชีวิต
3.ใช้ทุกวันเวลาในชีวิต อย่างมีคุณค่า และมีคุณประโยชน์อย่างสูงสุด
ทั้งแก่ตัวเอง และผู้อื่น
…จะอาเมนไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
21พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(51)

คุณมีสำนึกแห่ง Gratitude บ้างหรือไม่?

“เพราะการปรนนิบัติในงานรับใช้นี้
ไม่เพียงเป็นการจัดหาให้กับธรรมิกชนที่ขัดสนเท่านั้น
แต่ยังทำให้มีการขอบพระคุณพระเจ้าอย่างมากมายเหลือล้นด้วย!”
~‭‭2 โครินธ์‬ ‭9‬:‭12‬ ‭THSV11‬‬
“For this service you perform not only meets the needs of God's people,
but also produces an outpouring of gratitude to God.”
‭ ~2 Corinthians‬ ‭9‬:‭12‬ ‭GNT‬‬

เราควรเป็นคนที่มีสำนึกในบุญคุณทั้ง
1.ของพระเจ้า และ
2.ของคนอื่น
อยู่ตลอดเวลา เหมือนคำกล่าวที่ว่า

”จงมีทัศนคติแห่งการสำนึกในบุญคุณอยู่เสมอ!“
(Always have an attitude of gratitude.)
—STERLING K. BROWN

ผมชอบทัศนคติของ WILL ARNETTที่ว่า

“ ฉันมีความสุขเพราะว่าฉันรู้สึกขอบคุณ
ฉันเลือกที่จะสำนึกในบุญคุณ
เพราะความสำนึกเช่นนั้นทำให้ฉันมีความสุข!
(I am happy because I’m grateful.
I choose to be grateful.
That gratitude allows me to be happy.)

มีเรื่องราวในพระคัมภีร์ กล่าวถึง เรื่อง การสำนึกในบุญคุณ(gratitude)อยู่มากมาย
แต่เรื่องหนึ่งที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

“ตามทางไปกรุงเยรูซาเล็ม
1.พระเยซูเสด็จเลียบระหว่างแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลี และ
ขณะที่พระองค์กำลังเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
2.คนโรคเรื้อนสิบคนมาพบพระองค์ พวกเขายืนอยู่แต่ไกล และส่งเสียงร้องว่า
“เยซูนายเจ้าข้า โปรดเมตตาเราเถิด”
3.พระเยซูทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงตรัสกับเขาว่า
“จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด”
4.เมื่อพวกเขากำลังเดินไปก็หายสะอาด
5. คนหนึ่งในพวกนั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองหายโรคแล้ว จึง
1).กลับมาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง และ
2).กราบลงที่พระบาทของพระเยซู
3).ขอบพระคุณพระองค์
คนนั้นเป็นชาวสะมาเรีย
6.พระเยซูจึงตรัสว่า
“มีสิบคนหายสะอาดไม่ใช่หรือ?
แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน?
ไม่มีใครกลับมาสรรเสริญพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ?”
7.แล้วพระเยซูตรัสกับคนนั้นว่า
“จงลุกขึ้นและไปเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ตัวท่านหายปกติแล้ว””
‭‭ ~ลูกา‬ ‭17‬:‭11‬-‭19‬ ‭THSV11‬‬

ในท่ามกลางคนโรคเรื้อน10คนที่หายโรค ปรากฏว่า
มีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นชาวสะมาเรียที่ปกติคนยิวดูถูกดูหมิ่น
ที่รู้สึก“Grateful” คือ “สำนึกในบุญคุณ“ที่พระเยซูทรงรักษาเขา
ความรู้สึก Grateful เช่นนี้ จะมีผสมผสาน ทั้งรู้สึกขอบคุณ ปลื้มปีติ ชื่นชมยินดี และซาบซึ้ง
ในความเมตตากรุณาที่ได้รับมา(feeling or showing an appreciation of kindness; thankful.)

เราเรียก “ความรู้สึกขอบคุณ”,“ความรู้สึกซาบซึ้งใจ,” “ความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ”, หรือ “ความกตัญญู“นี้ว่า ”Gratitude“
ซึ่งถ้าผู้ใดมี ความรู้สึกเช่นนี้ เขาก็พร้อมที่
1).จะแสดงความรู้สึกนั้นออกมาเป็นคำพูด
2).จะตอบสนองพระคุณต่อความเมตตาที่ได้รับมานั้นกลับคืนมาด้วยการกระทำ
อย่างมีคุณค่าและมีคุณภาพ
(the quality of being thankful; readiness to show appreciation for and to return kindness.)

ดังนั้น เราจะรู้ว่าเราเป็นคนที่มีใจกตัญญู(Gratitude )
ในนาทีที่เรารู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆในชีวิตที่เราได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม อาทิ เช่นสำหรับ
1.คนบางคนที่เรามองข้ามพวกเขาไป(ทั้งๆที่เขาทำดีต่อเรา)
2.สถานที่ ที่เราอยู่อาศัย รวมทั้งโบสถ์ที่เราไปนมัสการพระเจ้า
3.อาหารที่เรามีรับประทาน และน้ำสะอาดที่เราดื่ม
4.เสื้อผ้าที่เรามีนุ่งห่ม
5.เงินทองที่เราพอมีใช้
6.มิตรสหาย และ
7.ครอบครัว และพี่น้องที่เรามีทั้ง
1).ในบ้าน
2).ในคริสตจักร

ย้ำอีกครั้งว่า
1.คนที่มี Gratitude (ใจสำนึกในบุญคุณ หรือ ในพระคุณ) อย่างแท้จริง
จะรีบฉวยโอกาสสะท้อนความรู้สึกถึงความโชคดี
ที่ตัวเองมีเมื่อบางสิ่งที่ดีเกิดขึ้นไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่อย่างจริงใจ
และ
2.คนที่มีทัศนคติ Gratitude เช่นนี้ จะสามารถรับมือได้กับทุกขภาวะต่างๆได้ดี
ไม่ว่า จะเป็นความผิดหวัง ความเจ็บปวด ความเสียใจ หรือ ความล้มเหลวใดๆ
เหมือนคำกล่าวที่ว่า

“เมื่อเราจดจ่ออยู่ที่ใจสำนึกในพระคุณของเรา
กระแสแห่งความผิดหวังจะไหลออกไป และ
กระแสแห่งความรัก จะทะลักเข้ามาแทนที่”
(When we focus on our gratitude, the tide of disappointment goes out
and the tide of love rushes in.)
-KRISTIN ARMSTRONG

พี่น้องที่รัก
นับจากวันนี้ เป็นต้นไป ขอให้เราเป็นที่รู้ซึ้ง
1).ในพระคุณของพระเจ้า และ
2).ในบุญคุณของคน

ขอให้ทุกสิ่งที่เราจะพูด จะเขียน จะโพสต์ หรือจะทำจากนี้ไป
ล้วนออกมาจากใจที่ขอบพระคุณอยู่เสมอ
เหมือนอย่างที่ LAURYN HILL กล่าวไว้ว่า

“ ทุกๆสิ่งที่เราทำ ควรจะเป็นมาจากใจที่ขอบพระคุณ
สำหรับสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อเราเสมอมา“
(Everything we do should be a result of our gratitude
for what God has done for us.)

อย่าให้เราเป็นเหมือนคนที่หายจากโรคเรื้อน 9คนนั้น
ที่ไร้ซึ่งความกตัญญู หรือ Gratitude สำหรับสิ่งที่พระเยซูทำเพื่อเขา
แต่จงเป็นเหมือนคนหายโรคคนนั้น ที่เขากลับมาสรรเสริญพระเจ้า
ด้วยความขอบพระคุณจากสุดขั้วหัวใจ

…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
21พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน สิทธิพิเศษ Ep.963

บทสรุปของโมเสสยังคงเข้มข้น จริงจัง ทั้งสำหรับคนอิสราเอลในเวลานั้น รวมทั้งพวกเราในเวลานี้ด้วย

“ท่านก็ได้เห็นกับตาแล้วถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำที่บาอัลเปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงประหารทุกคนที่ติดตามพระบาอัลแห่งเปโอร์ แต่ทุกคนที่ยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭3‬-‭4‬ ‭TNCV‬‬

ทุกคนที่ยึดมั่นติดตามพระเจ้า จะยังมีชีวิต เพราะพระเยซูเป็นชีวิต ส่วนคนที่ไม่ยึดมั่นติดตามพระเจ้า หันเหไปติดตาม ไปสนใจพระอื่นหรือสิ่งอื่น ในที่สุดคนนั้นจะถูกทำลาย

“ดูเถิด ข้าพเจ้าได้สอนกฎหมายและบทบัญญัติตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงบัญชาแก่ท่าน เพื่อท่านจะปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านจะเข้ายึดครอง จงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงให้ประชาชาติทั้งหลายเห็นถึงสติปัญญาและความเข้าใจของท่าน เมื่อพวกเขาได้ยินถึงกฎหมายเหล่านี้ พวกเขาจะกล่าวว่า “ชนชาติยิ่งใหญ่นี้มีปัญญาและมีความเข้าใจจริงๆ”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭5‬-‭6‬ ‭TNCV‬‬

การที่โมเสสบอกเล่าเรื่องราวต่างๆและบันทึกไว้ มีจุดประสงค์คือ ให้ทุกคนที่ได้ยิน ได้อ่านคำสั่งที่พระเจ้าตรัสผ่านโมเสสนั้น ทำตามตามอย่างเคร่งครัด เพื่อทุกคนที่ไม่ได้เชื่อในพระเยซูจะตื่นเต้นเมื่อเห็นชีวิตของเราที่มีปัญญาและความเข้าใจ จากการใช้ชีวิตตามคำสังของพระเจ้าอย่างเคร่งครัด

“ชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีพระเจ้าของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงอยู่ใกล้ชิดเราทุกครั้งที่เราทูลอธิษฐานต่อพระองค์? และมีชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีกฎหมายและบทบัญญัติอันชอบธรรมเหมือนบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้ามอบให้พวกท่านในวันนี้?”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭7‬-‭8‬ ‭TNCV‬‬

สิทธิพิเศษของคนที่เชื่อฟังทำตาม คือพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย ทรงฟังเสียงของเขาทุกครั้งที่เขาร้องทูลต่อพระองค์ ความพิเศษของคนที่อยู่ในพระเจ้าคือมีกฎหมายและบทบัญญัติอันชอบธรรมให้เราทำตาม สิทธิพิเศษนี้เกิดขึ้นในคนที่บังเกิดใหม่ในพระเยซู เขาจะรักและยำเกรงพระเจ้า เขาจะรู้สึกว่ากฎเกณฑ์ต่างๆ ไม่ใช่การบังคับฝืนใจให้เขาทำตาม แต่กฎเกณฑ์ กฎหมายนี้เป็นแนวทางในการใช้ชีวิตของคนที่ได้รับสิทธิการเป็นลูกของพระเจ้าจากความเชื่อ กฎเกณฑ์ กฎหมายที่เราชอบที่จะทำตามนี้เป็นเครื่องหมายยืนยันว่า เราเป็นลูกของพ่อที่สามารถทำในสิ่งที่พ่อทำได้ ลูกนั้นชอบและมีวิธีคิดแบบเดียวกับพ่อ พระวิญญาณของพระเจ้าจะเป็นกำลังให้เราและเป็นผู้ช่วยเราในทุกๆเรื่อง
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(50)

กองสุมอยู่ เปล่าเปล่า ตอนเราตาย!

“แน่ทีเดียว มนุษย์ไปๆ มาๆ อย่างเงา
แน่ทีเดียว เขาวุ่นวายอยู่เปล่าๆ เขาโกยกองสมบัติไว้
และไม่ทราบว่าใครจะเก็บไป””
‭‭ ~สดุดี‬ ‭39‬:‭6‬ ‭THSV11‬‬
“no more than a shadow. All we do is for nothing;
we gather wealth, but don't know who will get it.”
‭‭ ~Psalm‬ ‭39‬:‭6‬ ‭GNT‬‬


มีบทกลอนตอนหนึ่ง ที่แพร่กระจายไปในสื่อโซเชียลออนไลน์ โดยอ้างว่า
เป็นผลงานเขียน ของ หม่อมราชวงศ์ ถนัดศรี สวัสดิวัตน์
แต่ต่อมา ม.ล.ศิริเฉลิม สวัสดิวัตน์ เจ้าของฉายา หมึกแดง แจ้งในแฟนเพจ Chef McDang ย้ำว่า
“คุณชายไม่ได้เขียนหนังสือมาเป็นเวลากว่า เกือบ 7-8 ปีแล้ว”
ผลงานนั้น จึงไม่ใช่ของม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ตามที่มีการกล่าวอ้าง
แต่เป็นบทกลอนดังกล่าวนี้ แต่งโดยคุณสมภูมิ บ่ายเที่ยง
แต่ไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้แต่ง แต่ กลอนบทนี้
ก็สะท้อนสัจธรรมของชีวิตได้ชัดเจนยิ่ง จึงขอนำมาแบ่งปันในที่นี้

“เริ่มเป็นไม้ ใกล้ฝั่ง ต้องนั่งคิด
เหลือชีวิต ยาวนาน สักปานไหน
เมื่อหมดกรรม จำพราก จากโลกไป
จะมีใคร ชื่นชม สมบัติเรา

ถึงมีบุตร สุดรัก ก็ยากพึ่ง
สักวันหนึ่ง ก็รักตัว ครอบครัวเขา
พ่ออุตส่าห์ หาให้ คงไม่เอา
ล้วนของเก่า เกินวัย ไม่อยากรับ

มองโถถ้วย สวยสี ที่เคยคุ้น
เริ่มหมดเงา ขาวขุ่น เพราะฝุ่นจับ
หนังสือเก่า เบียดเสียด ขี้เกียจนับ
วางสุมทับ อับชื้น เริ่มขึ้นรา

ค้นปืนผา หน้าไม้ จากใต้ตู้
ยังดีอยู่ ของเก่า เรารักษา
รูปภาพเก่า นานนม สะสมมา
ทั้งเงินตรา เก่าใหม่ มิใช่น้อย

หีบเสื้อผ้า แต่ก่อน ตั้งซ้อนทับ
ถูกเก็บพับ ห่างงาน การใช้สอย
เสื้อกันหนาว กรำงาน ผ่านดงดอย
มีร่องรอย เลาะลุย คุ้ยหิมะ

นึกถึงวัน ข้างหน้า ถ้าเราสิ้น
อาจจมดิน เน่าเหม็น เป็นขยะ
ห่วงพระเครื่อง ใส่กล่อง เต็มห้องพระ
เป็นภาระ ของใคร ยังไม่รู้

เริ่มแจ้งชัด สัจธรรม อันล้ำค่า
เราเกิดมา มือเท้า เปล่าทั้งคู่
หลงไขว่คว้า มาครอง เป็นของกู
กองสุมอยู่ เปล่าเปล่า ตอนเรา ต า ย!”

พี่น้องที่รัก
พระวจนะของพระเจ้า ก็ได้ เตือนสติเรามานานแล้วว่า

“มนุษย์เป็นแค่เงาแวบไปแวบมา
วิ่งวุ่นทำโน่นทำนี่แต่ก็สูญเปล่า
ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ไม่รู้ว่าใครจะได้ไป”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭39‬:‭6‬ ‭TNCV‬‬

ใช่ครับ ชีวิตของเรา และ ทุกอย่าง
1).ที่เราหามา
2).ที่เราหวงแหน
3).ที่เราเก็บรักษา หรือ แม้แต่
4).ที่เราบูชา
ในที่สุด สิ่งเล่านั้น ก็เหมือนเงาที่ หายไป
คือไม่เหลืออะไร!

ดังนั้น หากเราพอจะมีกินมีใช้
เราก็ควรทำตามคำแนะนำของ อาจารย์ เปาโลที่ แนะนำเรา
ไม่ให้สะสมทรัพย์สมบัติเพื่อชีวิตในโลกนี้ แต่ให้สะสมเพื่อสำหรับยุคหน้า

“ส่วนพวกที่มั่งคั่งในชีวิตนี้
1.จงกำชับพวกเขาไม่ให้
1).เย่อหยิ่ง หรือ
2).มุ่งหวังในทรัพย์ที่ไม่ยั่งยืน แต่
2.จงมุ่งหวังในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งแก่เราอย่างบริบูรณ์ เพื่อให้เราได้ชื่นชม
3.จงกำชับพวกเขา
1).ให้ทำการดี
2).ให้ทำการดีมากๆ
3).ให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน
การทำเช่นนี้เป็นการสะสมทรัพย์ที่เป็นรากฐานอันดีสำหรับตนในภายหน้า(ยุคหน้า)
เพื่อพวกเขาจะยึดมั่นในชีวิต คือชีวิตที่แท้จริงนั้น”
~‭‭1 ทิโมธี‬ ‭6‬:‭17‬-‭19‬ ‭THSV11‬‬

นั่นคือ ให้เราผู้ที่ได้รับความรอดจากพระเจ้า โดยทางความเชื่อ
ในการตายไถ่บาปและการเป็นขึ้นมาของพระคริสต์เพื่อเราแล้ว
จะสะสมความมั่งคั่งอันถาวรนิรันดร์ในอนาคตกาล
ผ่านการทำดีเอื้อเฟื้อและแบ่งปันแก่ผู้อื่นที่มีความต้องการในปัจจุบันกาล
ด้วยใจกว้างขวาง
อย่าให้ทุกอย่างที่เรา หา และ เก็บสะสมไว้ตลอดชีวิตนั้น
กองสุมอยู่ เปล่าเปล่า ตอนเราตาย!

…เห็นด้วยดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
20พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ต้องอยู่ในข้อสัญญา Ep.962

เราเดินทางมาถึงพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬ นี่คือบทสรุปของสิ่งที่โมเสสเล่าเรื่องทั้งหมดมา เราสามารถทำความเข้าใจพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ‬แบบยุคสมัยเรานี่เป็นการเทศนาของโมเสส ซึ่งในพระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติ‬มีการเทศนาทั้งหมด 3 ครั้ง ในบทที่ 4 นี้เป็นบทสรุปของการเทศนาครั้งที่หนึ่งของโมเสส

“บัดนี้ โอ คนอิสราเอล จงฟังกฎเกณฑ์และกฎหมายซึ่งข้าพเจ้าสอนท่านทั้งหลายให้ประพฤติตามเพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่ และเข้ายึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านประทานแก่ท่าน”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭1‬

พระธรรม 5 เล่มแรกตั้งแต่พระธรรมปฐมกาลที่เราอ่านกันมา เป็นสิ่งที่พระเจ้าดลใจให้โมเสสเขียน โดยหลายคนคงทราบว่าพระธรรม 5 เล่มนี้ถูกเรียกว่า “โทราห์” คำนี้มีความหมายว่า คำสั่ง คำสอน หรือกฎหมาย ถูกต้องที่สุดพระธรรม 5 เล่มคือกฎหมายที่ฝ่าฝืนไม่ได้ เป็นคำสั่งที่ต้องปฎิบัติตาม และเป็นคำสอนเพื่อทุกคนจะมีชีวิตที่เป็นไปตามพระประสงค์ความต้องการของพระเจ้า ในข้อแรกของบทนี้มีคำสั่งว่า จงฟังกฎเกณฑ์ กฎหมายที่โมเสสได้สอนพวกเขาและให้ทั้งพวกเขาและพวกเราประพฤติตาม หากเลือกที่จะเชื่อฟัง ผลที่ตามมาก็คือจะมีชีวิต และยังอยู่ในข้อสัญญาที่พระเจ้าทรงประทานพระสัญญาของพระองค์ ซึ่งข้อตกลงนี้ละเมิดไม่ได้ สิ่งที่ละเมิดให้เราไม่อยู่ในข้อตกลงหรือในพระสัญญาของพระเจ้า คือการไม่ฟัง และไม่ทำตาม

“ท่านทั้งหลายอย่าแต่งเติมถ้อยคำที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้ และอย่าตัดสิ่งใดออก เพื่อท่านจะรักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭4‬:‭2‬

อีกสิ่งหนึ่งของข้อสัญญานี้ เราต้องถืิรักษาพระบัญญัติ กฎเกณฑ์ หรือถ้อยคำของพระเจ้าทุกประการ ที่พระเจ้าทรงบัญชาเราไว้ให้ครบถ้วน อย่าแต่งเติมหรือตัดออก อย่าเพิ่มเติมอะไรเข้าไปตามใจเราต้องการ อย่าตัดออก หรือเลือกที่จะยึดถือข้อสัญญานี้ เฉพาะสิ่งที่เราชอบหรือสิ่งที่เราคิดว่าเราประพฤติตามได้ เราต้องถือรักษากฎเกณฑ์ทุกประการ แล้วแน่นอนจะได้รับผล รับรางวัลที่พระเจ้าสัญญาจะให้ ขอให้เราจะฟังกฎเกณฑ์ กฎหมาย รักษาทุกถ้อยคำให้ครบถ้วน เพื่อเราจะยังอยู่ในข้อสัญญาของพระเจ้า
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

พระธรรมนำชีวิต
ตอน พระเจ้าไม่ได้ใจร้าย Ep.561

เคยรู้สึกไหมว่าพระเจ้าใจร้าย พระองค์ไม่ตอบคำอธิษฐานของเราสักที เมื่อพระองค์ไม่ตอบ เรายังคงมุ่งมั่นอธิษฐานต่อไปโดยหวังว่าพระเจ้าจะตอบตามที่ใจเราปราถนา พระองค์จะตอบตามสิ่งที่เราต้องการ สำหรับผมความจริงในเรื่องนี้ พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เราร้องทูลแล้ว คือพระองค์ตอบว่า ไม่ เพียงแต่เราไม่ฟังคำตอบนั้น หรือเพียงแต่หลอกตัวเองเพราะไม่อยากฟังคำตอบนั้น

“เวลานั้นข้าพเจ้าอ้อนวอนพระยาห์เวห์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระองค์เพิ่งทรงสำแดงความยิ่งใหญ่และพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์แก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะมีพระเจ้าองค์ไหนเล่าในสวรรค์ หรือในแผ่นดินโลกที่ทรงสามารถทำกิจการต่างๆ และการอิทธิฤทธิ์เหมือนพระองค์ทรงกระทำ ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ข้ามไปดูแผ่นดินดีที่อยู่ฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน ดูแดนเทือกเขางดงามและเลบานอนด้วย’” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭3‬:‭23‬-‭25‬

สิ่งที่เราเห็นมาตลอดตั้งแต่พระธรรมอพยพ คือโมเสสเชื่อฟังพระองค์ เขาเพียงหลุดครั้งเดียวที่ต่อต้านฝ่าฝืนคำสั่งของพระเจ้าด้วยอารมณ์โกรธ และนั่นคือผลที่เขาต้องรับ เขามาร้องทูลอ้อนวอนกับพระเจ้า ขอข้ามไปดินแดนแห่งพระสัญญา

“แต่พระยาห์เวห์ทรงพระพิโรธต่อข้าพเจ้า เพราะพวกท่านเป็นเหตุ พระองค์จึงไม่ทรงฟังข้าพเจ้า และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘พอแล้ว เจ้าอย่าพูดเรื่องนี้กับเราอีกต่อไป”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭3‬:‭26‬

นี่เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า พระเจ้าของเราไม่ได้ใจร้ายไม่ตอบสิ่งเขาร้องทูล แต่สิ่งที่เราขอมันขัดแย้งกับพระลักษณะของพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าของเราทรงซื่อสัตย์ และเที่ยงธรรม คำไหนคำนั้นไม่มีเปลี่ยน เราต้องเชื่อฟังพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ตรัสคือ “พอแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เรื่องนี้กับเราอีกต่อไป” สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือโมเสสยังไม่หลุดจากความรู้สึกข่มขืนที่มีกับประชาชนอิสราเอล เขายังคงบอกว่า “ เพราะพวกท่านเป็นเหตุ” ผมให้กำลังใจทุกคนที่จะพอแล้ว ให้กลับมาทำตตามสิ่งที่พระเจ้าบอก และเราต้องปลดปล่อยความทุกข์ของตัวเอง ด้วยการให้อภัยกับคนที่สร้างปัญหาให้กับชีวิตของเรา หันมาขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งในชีวิต ให้เราอธิษฐานอวยพรคนเหล่านั้น ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยกำลังที่พระเจ้าประทานให้เรา เราสามารถจะเป็นตามพระทัยของพระองค์ได้แน่นอน

“เจ้าจงขึ้นไปถึงยอดปิสกาห์และมองดูทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันออก แลดูแผ่นดินนั้นด้วยนัยน์ตาของเจ้า เพราะเจ้าจะไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดนนี้”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭3‬:‭27‬ ‭

นี่คืออีกข้อที่ยืนยันว่า พระเจ้าของเราไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่บางสิ่งที่เราขอมันขัดแย้งกับพระลักษณะของพระเจ้า พระองค์จึงไม่ตอบสิ่งที่เราร้องทูล แต่ด้วยความรัก ความเมตตา ของพระเจ้า พระองค์ยังทรงให้โมเสสได้มีโอกาสเห็นแผ่นดินนั้นทั่วทุกทิศ

“แต่เจ้าจงกำชับโยชูวา จงหนุนใจและเสริมกำลังเขาให้เข้มแข็ง เพราะเขาจะต้องนำหน้าชนชาตินี้ข้ามไป และจะทรงให้เขาเข้ายึดครองแผ่นดินที่เจ้ามองเห็นนั้น” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭3‬:‭28‬

เมื่อเราเป็นผู้นำที่อยู่ในจุดสูงสุดของชุมชน หรือองค์กรที่เราอาศัยอยู่นั้น ในเวลาที่เราจะลงจากจุดนั้น เรามีความกังวล อาจจะด้วยว่าคนที่จะมาแทนเป็นใคร เขาจะทำดีเท่าเราไหม ขออย่าให้การที่เราไม่อยากลงจากจุดๆนั้น เป็นเพราะเราหวงอำนาจไว้ พระธรรมในตอนนี้บอกเราสบายใจได้เลยว่า พระเจ้าทรงเตรียมคนของพระองค์ไว้แล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือเชื่อฟังพระเจ้า เมอบหมายหน้าที่ ที่พระเจ้ามอบหมายให้กับคนที่พระเจ้าเลือก สิ่งที่สำคัญคือเราต้องให้กำลังใจเขา เพื่อเขาจะเข้มแข็งและเป็นผู้นำชุมชนหรือองค์กรที่เรารับผิดชอบอยู่นั้นต่อไป ขอให้เรารู้ว่าพระเจ้าไม่เคยใจร้ายกับคนของพระองค์ พระเจ้าตอบทุกคำอธิษฐาน แต่สิ่งที่พระเจ้าตอบอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราอยากฟัง เพราะสิ่งที่เราอยากฟังนั่น มันขัดแย้งกับพระลักษณะของพระเจ้า ขอให้เราทุกคนกลับมายืนอยู่ในจุดที่เราจะเชื่อฟังพระเจ้าทุกประการ ด้วยการยอมรับพระทัยของพระองค์ด้วยความชื่นชมยินดีเสมอ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(49)

ความสำคัญของเพื่อนบ้าน!

“ถ้าพวกท่านปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างแท้จริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า
“จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
พวกท่านก็ทำดี!”
‭‭ ~ยากอบ‬ ‭2‬:‭8‬ ‭THSV11‬‬
“You are doing right if you obey this law from the highest authority:
“Love your neighbor as you love yourself.””
‭‭ ~James‬ ‭2‬:‭8‬ ‭GW‬‬

Thomas Jefferson(1743-1826) กล่าวว่า

“เพื่อนบ้านที่ดี คือ สิ่งที่น่าปรารถนามากยิ่งนัก!”
(A good neighbor is a very desireable thing.)

ในพระคัมภีร์มีบันทึกถึงความสำคัญของเพื่อนบ้าน และการรักเพื่อนบ้านไว้ว่า

“1.พวกฟาริสีได้ยินว่าพระเยซูทรงทำให้พวกสะดูสีนิ่งอั้นอยู่
2.พวกฟาริสีจึงประชุมกัน
3.ผู้เชี่ยวชาญบัญญัติคนหนึ่งในพวกเขามาทดสอบพระองค์ว่า”
“ท่านอาจารย์ ในธรรมบัญญัตินั้น พระบัญญัติข้อไหนสำคัญที่สุด?”
4.พระเยซูทรงตอบเขาว่า
“ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่าน
ด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’ และ
ด้วยสุดความคิดของท่าน
นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก
ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ
‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’
ธรรมบัญญัติและคำของผู้เผยพระวจนะทั้งหมด
ก็ขึ้นอยู่กับพระบัญญัติสองข้อนี้””
‭‭ ~มัทธิว‬ ‭22‬:‭34-‭40‬ ‭

คริสเตียนมีบัญญัติใหญ่อยู่เพียง2ข้อคือ
1.บัญญัติข้อแรกคือ จงรักพระเจ้า
2.บัญญัติข้อที่สองคือ จงรักเพื่อนบ้าน
ถ้าโลกนี้ ไม่มี พระเจ้า บัญญัติข้อแรกก็ไม่มีทางสำเร็จ
ถ้าโลกนี้ เราไม่มี เพื่อนบ้าน บัญญัติข้อที่สองก็ไม่มีวันสำเร็จ เช่นกัน

ใครคือ เพื่อนบ้านของเรา?
เพื่อนบ้านคือคนที่เราจะต้องรักเมตตาต่อเขา ที่มีอยู่ในทุกแห่งหน
1.เพื่อนบ้านคือ คนที่บ้านอยู่ติดกับเราหรืออยู่ใกล้เคียง
1).คนที่ย้ายเข้ามาใหม่ อยู่ใกล้กับเรา
หากเรารักและต้อนรับเขา เขาจะคลายความหวาดกลัวหรือความตึงเครียด
2).คนที่กำลังจะย้ายออกไป
หากเรารักเขา อำลาเขาด้วยมิตรไมตรี เขาจะขอบคุณและซาบซึ้ง
2.เพื่อนบ้านคือคนที่ตกทุกข์ได้ยากและต้องการความช่วยเหลือ 1).คนที่ขัดสนยากจน
2).คนที่ป่วย
3).คนแก่ชราที่ช่วยตัวเองไม่ได้
4).คนที่ตกงาน
5).คนที่ต้องการช่วยเหลือดูแลในเรื่องบางเรื่อง 3.เพื่อนบ้านคือ คนที่ต่างความเชื่อที่อยู่ใกล้กัน
1).คนศาสนาเดียวกัน แต่ต่างคณะนิกาย
2).คนต่างศาสนา

เราควรเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
แล้วเพื่อนบ้านที่ดีควรปฏิบัติต่อกันอย่างไร?

1.ทำความรู้จักกัน มีอัธยาศัยต้อนรับกัน
2.ทำตัวให้เป็นมิตร มีไมตรีจิตให้กัน
3.ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อกัน
4.ไม่สร้างความวุ่นวายหรือ การรบกวนให้แก่กัน
5.ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา
6.ให้มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
7.มีข้าวของฝากให้กันอยู่เสมอ
8.ไม่นินทาว่าร้ายกัน
9.ช่วยดูแลรักษาความสะอาดของชุมชน
10.อาสาพัฒนาสภาพแวดล้อม
11.นำข่าวดีแห่งความรอดมาแจ้งด้วยความรักจากใจ
ฯลฯ

พี่น้องที่รัก
วันนี้
ขอให้เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ของคนรอบตัวของเรา
ขอให้เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มีคุณสมบัติเหมือนดังที่

Edward B. Rust, Jr. กล่าวไว้ว่า

“นิยามของเพื่อนบ้านที่ดี
คือคนบางคนที่ไว้วางใจได้ มีความเอื้ออาทร
เป็นแหล่งความอุปถัมภ์ในยามที่ต้องการความช่วยเหลือ
คือคนที่คุณพึ่งพาได้
คือคนที่ห่วงใยคุณ!”
(Definition of good neighbor: someone to be trusted; a courteous, friendly source of help when help is needed; someone you can count on; someone who cares.)

…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
19พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(48)

อย่าใส่ร้ายนินทาใคร!

“เจ้าปล่อยปากของเจ้าให้พูดชั่ว และลิ้นของเจ้าปั้นการหลอกลวง เจ้านั่งพูดใส่ร้ายพี่น้องของเจ้า เจ้านินทาเขา เจ้าได้ทำสิ่งเหล่านี้ แล้วเราก็นิ่งเงียบ เจ้าคิดว่าเราเป็นเหมือนเจ้า แต่เราจะตำหนิเจ้า และกล่าวโทษเจ้า”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭50‬:‭19‬-‭21‬ ‭THSV11‬‬

“You let your mouth say anything evil. Your tongue plans deceit.
You sit and talk against your own brother. You slander your own mother’s son.
When you did these things, I remained silent. ⌞That⌟ made you think I was like you.
I will argue my point with you and lay it all out for you to see.”
‭‭ ~Psalms‬ ‭50‬:‭19‬-‭21‬ ‭GW‬‬

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีตอนนี้ กล่าวว่า
พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้คนบาป(โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อ้างว่าเขาเชื่อในพระองค์)
ให้ทำบาปต่อไปโดยไม่ถูกตักเตือนว่ากล่าวอีกต่อไป
ไม่ว่า พวกเขา จะรู้จักหรือจะท่องจำพระคัมภีร์หรือบัญญัติกฎเกณฑ์ต่างๆตามตัวอักษรได้แม่นยำขนาดไหน(หรือยึดหลักข้อเชื่อในคณะหรือสังกัดของตนเองอย่างเคร่งครัดสักเพียงใด
แต่หากพวกเขาประพฤติตนตรงกันข้าม กับกฏศีลธรรมของพระเจ้า อาทิ โกหกหลอกลวง
พูดชั่วใส่ร้ายนินทาผู้อื่น หรือร่วมในการกระทำบาปอื่นๆ เข้าทำนอง“ปากว่า ตาขยิบ”
ปากเดียวกันสรรเสริญพระเจ้าและทำร้ายผู้อื่นไปในเวลาเดียวกัน
พวกเขาต้องได้รับการตักเตือน และ การลงวินัย!

ต่อไปนี้ คือ สิ่งพระเจ้าตักเตือนไม่ให้พวกเราทำอย่างที่พวกหน้าซื่อใจคดกระทำ

“ส่วนคนชั่ว พระเจ้าตรัสกับเขาว่า
“1.เจ้าถือสิทธิ์อะไร
1).ท่องบทบัญญัติของเรา หรือ
2).อ้างพันธสัญญาของเรา?
ในเมื่อเจ้า
1).เกลียดคำสอนของเรา และ
2).เหวี่ยงถ้อยคำของเราทิ้ง
2.เจ้าเห็นขโมยก็สมรู้ร่วมคิดกับเขา
3.เจ้าคบหากับคนล่วงประเวณี
4.เจ้าใช้ปากทำชั่ว ตวัดลิ้นเพื่อล่อลวง
5.เจ้าพร่ำพูด
1).ให้ร้ายพี่น้อง
2).นินทาว่าร้ายกระทั่งพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ”
~สดุดี‬ ‭50‬:‭16-20

พระเจ้าเตือนพวกเขาให้ตระหนักว่าพวกเขาคิดผิดเพราะ
พระเจ้าจะจัดการกับคนที่เคร่งแต่บทบัญญัติแต่ทำตรงกันข้ามกับพระเจตนารมณ์ของพระบัญญัติ

“1.เจ้าทำสิ่งเหล่านี้
~เราก็นิ่งอยู่
2.เจ้าเลยพลอยคิดว่าเราก็เป็นเหมือนเจ้า
~แต่เราจะ
1).กำราบ(ตำหนิ)เจ้า และ
2).กล่าวโทษเจ้าซึ่งๆ หน้า
3.เจ้าผู้ลืมพระเจ้า
1).จงพิจารณาเรื่องนี้
2).มิฉะนั้นเราจะฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ โดยไม่มีใครช่วย(กู้เจ้า)ได้ ”
~สดุดี‬ ‭50‬:‭21-22

แต่ในตอนท้าย พระเจ้าทรงสัญญาที่จะสำแดงความรอด
และประทานพรให้แก่คนที่ให้เกียรติแก่พระเจ้าและคนอื่นๆ อย่างถูกต้องว่า

“1.ผู้ที่ถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณก็ให้เกียรติเรา และ
2.ผู้ที่(จัด)เตรียมทางของตนไว้ดี (อย่างถูกต้อง)
เราก็จะสำแดงความรอดของพระเจ้าแก่เขา!”
‭‭ ~สดุดี‬ ‭50‬:‭23‬ ‭


พี่น้องที่รัก

มีภาษิตบทหนึ่งเขียนว่า

“คนพูดให้ร้าย ฆ่าคนสามคน คือ คนพูด คนที่รับคำพูด และคนที่ถูกพูดถึง!”
(Slander slays three people: the speaker, the spoken to, and the spoken of.)

ดังนั้น ขอให้เราจะไม่ทำร้ายใครด้วยปากของเรา
โดยการซูบซิบนินทา หรือ พูดให้ร้ายผู้อื่น

อย่าให้เราเป็น“คนมือถือสาก ปากถือศีล!”
อย่าให้เราเป็น“คนแบบข้างนอกสุกใสข้างในเป็นโพรง!”
อย่าให้เราเป็นคนที่ดูร้อนรนเคร่งหลักข้อเชื่อและข้อปฏิบัติทางศาสนา
แต่ปากลิ้นและพฤติกรรม นี่มารชัดๆ!

ขอให้เราจะไม่ทำร้ายผู้ใด ด้วยคำมุสา คำซุบซิบนินทา พูดให้ร้ายเขาหรือเธอ อีกต่อไปเลย
…จะดีไหมครับ?

~~—————————
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
18พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(47)

จะรับมือกับการดูหมิ่นเหยียดหยามหรือการนินทาว่าร้าย
อย่างไรดี?

“ คนที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนย่อมไม่มีสามัญสำนึก
แต่คนที่มีความเข้าใจก็นิ่งเงียบ”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭11‬:‭12‬ ‭THSV11‬‬
“It is foolish to speak scornfully of others.
If you are smart, you will keep quiet.”
~‭‭Proverbs‬ ‭11‬:‭12‬ ‭GNT‬‬

พระธรรมสุภาษิตเตือนไว้ว่า
1.คนไร้สามัญสำนึก ~ดูหมิ่นเหยียดหยามเพื่อนบ้าน ส่วน
2.คนที่มีความเข้าใจ~นิ่งเงียบสงบปากสงบคำ

วันนี้ คุณ
1. เป็นคนหนึ่งที่ ถูกคนอื่นดูหมิ่นเหยียดหยามหรือถูกนินทาว่าร้าย หรือไม่?
2. เป็นคนหนึ่งที่ดูถูกเหยียดหยามและนินทาว่าร้ายคนอื่น หรือเปล่า?
3. เป็นคนหนึ่งที่ดูถูกเหยียดหยามนินทาว่าร้ายผู้อื่นและถูกคนอื่นกระทำเช่นเดียวกันกลับมา หรือไม่?

แล้วคุณมีความสุขหรือไม่?
คุณควรจะทำอะไรที่ดีในการรับมือหรือตอบสนองต่อ
1).การดูหมิ่นเหยียดหยาม นินทาว่าร้ายคนอื่น หรือ
2).การถูกคนอื่น ดูหมิ่นเหยียดหยาม นินทาว่าร้าย เช่นนั้น?

จะเป็นการดีไหม หากว่า ในยามที่เราถูกดูหมิ่นเหยียดหยามหรือถูกนินทาว่าร้าย
(หรือเรากำลังดูหมิ่นเหยียดหยามนินทาว่าร้ายผู้อื่น) เราจะกระทำดังต่อไปนี้

1.ให้เราขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงใช้เขามา
1).เตือนสติเรา หรือ
2).ทดสอบเรา
ว่าเราจะสอบผ่านหรือสอบตกกับการรับมือกับกรณีเช่นนี้หรือไม่?
2.ให้เราขอบคุณเขา ไม่ว่าจะ
1).อยู่ในใจ หรือ
2).พูดกับเขาตรงๆว่า
เราขอบคุณเขาที่ทำให้เรารู้ว่ายังมีบางเรื่องที่เราจำเป็นต้อง
ก.ระมัดระวังตัว หรือ
ข.ปรับปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
3.ให้เรามองเขา
1).ด้วยความเข้าใจ และ
2).ด้วยความเมตตาต่อสิ่งที่เขา
ก.เป็น หรือ
ข.กระทำเช่นนั้น
แทนที่จะโกรธหรือเกลียดเขา
4. ให้เราสังเกตหรือสำรวจว่าอะไรเป็น
1).สาเหตุ หรือ
2).แรงจูงใจ
ที่ทำให้เขาหรือเรากระทำเช่นนั้น แล้วรีบตอบสนองหรือแก้ไขโดยด่วน
5.ให้เราตระหนักถึงสัจธรรมของชีวิตว่าคงไม่มีใครที่จะหลีกเลี่ยงการถูกซุบซิบนินทา
หรือถูกดูหมิ่นเหยียดหยามในเรื่องใดเรื่องหนึ่งในชั่วชีวิตนี้
ดังนั้น
1).อย่าหยุดยั้งในสิ่งดีที่พึงทำ
2).อย่าไปสนใจฟังในสิ่งที่บั่นทอนจิตใจที่ไม่จำเป็นเหล่านั้น
3).อย่าท้อใจ แม้ว่าเราพยายามอธิบายหรือเตือนสติแล้ว แต่เขาไม่ฟัง
6. ให้เรามีวิจารณญาณแยกแยะว่าอะไรจริง อะไรเท็จ อะไรเป็นแค่ความรู้สึกหรือความคิดเห็น
ในยามที่เรา
1).กำลังดูถูกดูหมิ่นหรือนินทาว่าร้ายผู้อื่น หรือ
2).กำลังถูกผู้อื่นดูหมิ่นหรือนินทาว่าร้ายตัวเรา
7.ให้เรายังคงมุ่งหน้าในการทำ
1).ตามหน้าที่ หรือ
2).ตามเป้าหมายต่อไป อย่างไม่หวั่นไหว
แม้ว่าจะถูกดูหมิ่นเหยียดหยามหรือซุบซิบนินทาก็ตาม
หากว่าเมื่อตรวจดูแล้ว เห็นว่า สิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง
8. ให้เรารักษาใจของเราด้วยการ
1).ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า
2).อธิษฐานมอบเรื่องนี้ไว้กับพระเจ้า
3).พึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือเรา
9.ให้เราอธิษฐานเผื่อ
1).คนที่ดูหมิ่นเหยียดหยามซุบซิบนินทาเรา และ
2).ตัวเราเองที่จะหยุดดูหมิ่นเหยียดหยามหรือซุบซิบนินทาผู้อื่น
10.ให้เราหาหนทางที่จะช่วยเหลือ
1).ตัวเรา และ
2).ตัวเขา
ในการที่จะเอาชนะหรือยุติการกระทำที่ไม่สมควรดังกล่าวนั้น และก่อให้เกิดสัมพันธภาพที่ดี
ต่อกันด้วยความถ่อมใจและจริงใจ
11.ให้เราขอการช่วยเหลือคริสตจักรและพร้อมร่วมมือในการปฏิบัติตามขั้นตอนของคริสตจักร
ในเรื่องกระบวนการทางวินัยตามหลักการของพระคัมภีร์ที่ดำเนินการโดยคริสตจักรอย่างเต็มที่

…จะดีไหมครับ?


~~—————————
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
17พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน อดทนรอคอยด้วยใจยินดี Ep.959

เมื่อผมทบทวนชีวิตของตัวเอง จะมีเวลาที่เราถามกับพระเจ้าว่า พระองค์เจ้าข้า ทำไมชีวิตยังต้องเดินวนอยู่ในถิ่นทรุกันดารนี้ พระองค์ประสงค์ที่จะให้วุฒิเองเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ หากเรามีคำถามแบบนี้คล้ายๆผม เราจะพบว่า พระเจ้าทรงมีเวลาของพระองค์เสมอ เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า เราจะร้องเป็นเสียงเดียวว่า “อ้อ...” เรายังอยู่กับเรื่องราวที่โมเสสเล่าให้ลูกหลานของเขาฟัง คือคนอิสราเอลที่กำลังจะเข้าไปรับดินแดนแห่งพระสัญญาของพระเจ้า

“วันนี้เราจะให้ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้าครั่นคร้ามและกลัวเจ้า เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวเรื่องเจ้าก็จะกลัวจนตัวสั่นและลนลานเพราะเจ้า’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭25‬ ‭

ในเวลาที่เรากำลังรับผลจากการต่อต้าน ต่อสู้กับพระเจ้า ขอให้เราระลึกไว้เสมอว่า ยังไงเราก็เป็นคนของพระเจ้าที่พระองค์รัก ในเวลาแบบนั้นอาจจะมีคำถามว่า ทำไม ๆ ขอเราอย่าหนีออกไปจากพระคุณของพระเจ้า เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า สิ่งที่ทำให้เราเหนื่อย เราท้อ จะครั่นคร้าม ลนลาน เพราะสิ่งเหล่านั่นจะอยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และมีฤิทธิ์อำนาจสูงสุด

“ข้าพเจ้าจึงใช้ผู้สื่อสารจากถิ่นทุรกันดารเคเดโมทไปเข้าเฝ้าสิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน ทูลถ้อยคำอันสันติว่า”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭26‬ ‭

ขอให้เราไปตามทางหลวง เราจะจ่ายเงินซื้ออาหารและน้ำจากท่าน ขอเพียงแต่ยอมให้เราเดินผ่าน เหมือนที่ลูกหลานของเอซาว และชาวโมอับอนุญาตให้เราไป จนเราข้ามแม่น้ำจอร์แดนเพื่อไปยังดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราประทานให้

“แต่สิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน ไม่ยอมให้เราผ่านเขตแดนของเขา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทรงทำให้จิตใจของสิโหนกระด้าง และทรงทำให้ใจแข็ง เพื่อจะทรงมอบเขาไว้ในมือของท่านดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘นี่แน่ะ เราเริ่มมอบสิโหนและแผ่นดินของเขาไว้กับเจ้า จงเข้ายึดครองเพื่อเจ้าจะได้แผ่นดินของเขาเป็นกรรมสิทธิ์’”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭30‬-‭31‬ ‭

พระเจ้าทรงมอบกษัตริย์สิโหนและเมืองของเขาไว้ในมือของคนอิสราเอล

“เวลานั้นเราได้ยึดเมืองทั้งหมดของเขา และได้ทำลายผู้ชายผู้หญิงและเด็กในทุกเมืองไม่มีผู้เหลือรอดชีวิตเลย เหลือแต่ฝูงสัตว์ เราก็ยึดมาเป็นของแย่งชิงของเรา ทั้งของริบในเมืองเหล่านั้นที่เราตีมา”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭34‬-‭35‬ ‭

เราอาจจะอยู่ในช่วงที่กำลังรอคอยเวลาของพระเจ้า ขอให้เราอดทนรอคอยด้วยความชื่นชมยินดีต่อไป แม้ว่าผลที่เรากำลังรับนั้นกำลังทำให้เราเหนื่อย ท้อ ทุกครั้งที่กำลังเริ่มรู้สึกแบบนั้นให้เราพูดกับใจของเราว่า ไม่ต้องกลัว เพราะทางที่ดูน่ากลัวนั้น เราจะปลอดภัย พระเจ้าสถิตอยู่กับเรา ในเวลาที่เราเหนื่อยอ่อน ให้เราพึ่งพากำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่ในเรา ขอพระองค์เพิ่มแรงให้กับเรา

“ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
‭‭ฟีลิปปี‬ ‭4‬:‭13‬ ‭

ขอพระเจ้านำให้เรารู้ว่า เราสามารถพบเจอ เผชิญหรือทำทุกอย่างได้ โดยพระเจ้าผู้สถิตอยู่กับเราพระเจ้าเท่านั้นทรงเป็นผู้ประทานกำลังและโอกาสดีให้กับเรา ขอพวกเราจะอดทนรอคอยเวลาของพระเจ้าต่อไปด้วยใจชื่นชมยินดีในพระองค์
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(46)

ขาดฟืน ไฟก็ดับ!

“เพราะขาดฟืน ไฟก็ดับ และ
ที่ไหนไม่มีคนซุบซิบนินทา การทะเลาะวิวาทก็หยุดไป”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭26‬:‭20‬ ‭THSV11‬‬
“Without wood a fire goes out;
without gossips, conflict calms down.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭26‬:‭20‬ ‭CEB‬‬

คำว่า “นินทา” ความหมายว่า
“คำติเตียนลับหลัง,คำกล่าวร้าย”
ในภาษาอังกฤษมีหลายคำ อาทิ
1.slander
=ใส่ร้าย, นินทา, หมิ่นประมาท, กลั่นแกล้ง, ป้ายสี, วางเพลิง
2.tattle
=นินทา, ปากบอน, มีเสียง, เปิดเผยข่าว
3.scandalize
=นินทา, ทำให้อัปยศ, ทำให้อื้อฉาว, ทำให้เสื่อมเสีย, ทำให้รู้สึกชัง

เราสามารถกล่าวได้ว่า
“คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก!”

สุนทรภู่ยังเขียนกลอนยืนยันไว้เลยว่า

“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา"
(กลอนสุนทรภู่ จากเรื่อง "พระอภัยมณี)

ในพระคัมภีร์ เตือนสติเราไม่ให้ ซุบซิบนินทาผู้ใด โดยเน้นว่า
1.ขาดฟืน ไฟก็ดับ
2.ขาดคนซุบซิบนินทา การทะเลาะวิวาทก็หยุดลง!

มีไตรภาคีที่พระเจ้าทรงรังเกียจ คือ
1.นินทา(ว่าร้าย)
2.มุสา
3.หน้าซื่อใจคด

ทำไมคนเราจึงชอบนินทา?
อาจมีสาเหตุมาจากคำตอบใดต่อไปนี้ เพราะ

1.ช่วยทำให้เขาหายเหงา จากการโหยหาความรู้สึกที่เชื่อมโยง(คนที่สนใจเรื่องเดียวกัน)
=เป็นสิ่งที่ช่วยให้รู้สึกว่า “ฉันยัง connect กับคนอื่นอยู่”
2.ต้องการได้รับความสนใจ /เป็นการเรียกร้องความสนใจมาที่ตัวเอง
3.ต้องการได้รับการยอมรับ
4.ช่วยให้ลืมความกังวลและความกลัว
5.เป็นการแสดงความไม่พอใจบางคน
1).ที่เด่นกว่า
2).ที่ไม่สนใจตัวเรา
6.ดึงให้คนอื่น(ที่คิด)คล้อยตามมาเป็นพวก
7.ขี้ขลาด ไม่กล้าเผชิญหน้า
8.ใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายคนอื่น
=พวกซาดิสม์ ที่มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นเจ็บปวด
9.ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ด้วยความรู้สึกดีว่า “ฉันไม่แย่เท่ากับเธอ”
10.มีความรู้สึกไม่มั่นคงทางอารมณ์ และมีความบิดเบี้ยวทางความคิด
11.มีความเจ็บปวด ที่ต้องการระบายออกมาผ่านการทำให้คนเจ็บปวด
แบบ “Hurting People Hurt People!”

พี่น้องที่รัก
วันนี้ ขอให้ระงับ หรือ หยุดการสร้างความเจ็บปวดแก่ผู้อื่น ด้วย
1.พฤติกรรมที่เป็นเหมือนการ “ใส่ฟืน ลงไปในกองไฟ“ และ
2.การซุบซิบนินทา ที่ทำการทะเลาะวิวาทดำเนินต่อไป
‭‭

…เห็นด้วยไหมครับ?

~~—————————
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
16พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน เชื่อฟังจะนำผลดีมา Ep.958

ใบทที่ 1-4 ยังคงเป็นเรื่องราวในอดีตที่โมเสสย้ำเตือนให้คนรุ่นที่สองฟัง เพื่อเขาจะเชื่อฟัง การเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความยำเกรงนั้นจะนำผลดีมาสู่ชีวิตของเราเสมอ ในบางเรื่องเราอาจจะไม่ต้องเข้าใจในเหตุผลว่าทำไม แต่ขอให้เราเชื่อฟังเพราะว่าพระเจ้าเป็นผู้มีสิทธิอำนาจสูงสุดในการปกครองดังนั้นขอเพียงเราเชื่อฟัง

“อย่าต่อสู้เขา เพราะเราจะไม่ให้ดินแดนของเขาแก่เจ้าเลย จะไม่ให้ที่ดินแม้เพียงฝ่าเท้าเหยียบ เพราะเราได้ให้ภูเขาเสอีร์แก่เอซาวเป็นกรรมสิทธิ์”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭5‬ ‭

“และพระยาห์เวห์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘อย่าเป็นศัตรูกับพวกโมอับและอย่ารบกับเขาเลย เพราะเราจะไม่ให้ดินแดนของเขาแก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะเราได้ให้เมืองอาร์แก่ลูกหลานของโลทเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭9‬ ‭

พระลักษณะของพระเจ้า พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ พระสัญญาของพระองค์มั่นคงแน่นอน ไม่เปลี่ยน เราจะเห็นว่าถ้าพระเจ้ารักษาสัญญาของพระองค์ กับลูกหลานครอบครัวของโลทหรือเอซาว หยุดมองเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตเพียงแต่ในมุมของตัวเอง ขอเพียงเราเชื่อฟังทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ทุกอย่างดีแน่นอน

“เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ได้ทรงอวยพรเจ้าในงานทุกอย่างที่มือของเจ้าทำ พระองค์ทรงทราบทางที่เจ้าเดินในถิ่นทุรกันดารใหญ่นี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้อยู่กับเจ้ามาสี่สิบปีแล้ว เจ้าไม่ขาดสิ่งใดเลย’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭2‬:‭7‬ ‭

เมื่อคนอิสราเอลกลับมาเชื่อฟัง พระเจ้าทรงอวยพรในงานทุกอย่าง ตลอด 40 ปี พวกเขาก็ไม่ขาดอะไร พระเจ้าผู้กำหนดเส้นทางทุกเส้นในชีวิตของคนอิสราเอลและพวกเราทุกคน ให้กำลังใจพวกเราว่า แม้ว่าเรากำลังอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่พระเจ้าทรงอยู่กับเราเสมอ แต่เราเชื่อฟังพระองค์ หากไม่เชื่อฟังจะเดินวนอยู่ในถิ่นทุรกันดารต่อไป


“เชิญชิมดูแล้วจะเห็นว่า พระยาห์เวห์ประเสริฐ คนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ก็เป็นสุข บรรดาวิสุทธิชนของพระองค์ จงยำเกรงพระยาห์เวห์ เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดแคลน”
สดุดี 34:8-9

ขอพวกเราจะเชื่อฟังทำตามคำสั่ง คือ จงยำเกรงพระเจ้า พวกเราจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดๆเลย เพราะพระเจ้าประเสริฐ ความดีและความรักของพระเจ้าจะทำให้เราปลอดภัยและมีความสุข หากเราเชื่อฟังซึ่งเป็นการแสดงผลของการยำเกรงพระเจ้า เราจะได้เห็นผลดีในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่แน่นอน
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(45)

ผู้ซุบซิบนินทา?

“คนตลบตะแลงแพร่การวิวาท
และผู้ซุบซิบนินทาก็แยกเพื่อนสนิทออกจากกัน”
‭‭ ~สุภาษิต‬ ‭16‬:‭28‬ ‭THSV11‬‬
“Gossip is spread by wicked people; they stir up trouble
and break up friendships.”
‭‭ ~Proverbs‬ ‭16‬:‭28‬ ‭GNT‬‬

“คนนินทา ซุบซิบ ติลับหลัง
สร้างความชัง เสื่อมเสีย แก่ผู้อื่น
หมิ่นประมาท ป้ายสี เขาขมขื่น
ยังระรื่น ใส่ร้าย ไร้ปรานี

คนนินทา อารมณ์ ไม่มั่นคง
รณรงค์ เรียกหา ความสนใจ
พร้อมชนดะ หากว่า ใครไม่ให้
แต่ใครได้ ตัวข้า ไม่ปล่อยแน่

คนนินทา กล่าวหา คนอื่นง่าย
รับไม่ได้ ใครว่า ตัวเองผิด
คำขอโทษ ไม่มี แม้สักนิด
ทั้งชีวิต ข้าถูก แต่ผู้เดียว

คนนินทา ขี้ขลาด ชอบซาดิสม์
ดีต่อจิต เมื่อเห็น เขาเจ็บปวด
ยืดหยุ่นเรา แต่เขา ต้องเข้มงวด
ชอบขออวด ตัวเอง เมื่อได้ที

คนนินทา ต้องรับ ในผลกรรม
สีขาวดำ จริงเท็จ ต้องปรากฏ
ความเชื่อถือ เคยมี จะถูกลด
เพื่อนหายหมด ต่างกลัว ถูกนินทา!“

Blake Lively กล่าวว่า

”คนซุบซิบนินทา คือ คนที่รู้สึกไม่มั่นคง
ดังนั้น พวกเขาพูดเรื่องของคนอื่น เพื่อว่า
พวกเขาจะได้ไม่ต้องถูกพูดถึง
พวกเขาชี้ไปที่ความบกพร่องของคนอื่น
เพื่อทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตัวพวกเขาเอง!“
(People gossip. People are insecure, so they talk about other people
so that they won’t be talked about.
They point out flaws in other people to make them feel good about themselves.)


พี่น้องที่รัก
1.อย่าให้เราเป็นคนที่รู้สึกไม่มั่นคงในตัวเอง
จนไร้วุฒิภาวะ ต้องไประบายออกผ่านการซุบซิบนินทาผู้อื่น
2.อย่าให้ปัญหาของตัวเรา ทำให้เราไปสร้างปัญหาให้แก่คนอื่น
ผ่านการแสดงความคิดเห็น การเสนอแนะนำ การวิพากษ์วิจารณ์ หรือ
การกล่าวร้ายเกี่ยวกับคนอื่น ไม่ว่าจะในรูปแบบอะไร
3.อย่าให้เราเป็นคนตลบตะแลงที่แพร่การทะเลาะวิวาทในท่ามกลางพี่น้อง
4.อย่าให้เราซุบซิบนินทาจนแยกเพื่อนสนิทออกจากกัน

แต่ให้เรามีวุฒิภาวะมากพอที่
1).จะระงับยับยั้งปากของเรา ไม่ให้ทำร้ายผู้ใดทั้งต่อหน้าและลับหลัง
2).จะให้อภัยแก่คนที่ซุบซิบนินทาเราได้ ด้วยใจกว้างขวางอย่างแท้จริง
โดยเห็นแก่พระเจ้าผู้ทรงรักและให้อภัยเราก่อนแล้ว

…จะดีไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
15พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ยังพอมีเวลา Ep.957

เมื่อชีวิตของเราผิดพลาดเพราะการตัดสินใจในบางเรื่อง ทุกอย่างมีราคาและจะมีผลตามมาเสมอ แต่สำหรับพวกเราที่เชื่อในพระเยซู ผลหรือราคานั้นพวกเราไม่ต้องรับโทษ ไม่ต้องรับผลของความบาปคือความตายนิรันดร์ เพราะพระเยซูทรงมาเป็นผู้รับแทนเราแล้ว

“แล้วท่านทั้งหลายตอบข้าพเจ้าว่า ‘พวกเราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์แล้ว เราจะขึ้นไปสู้รบตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงบัญชาเราทุกอย่าง’ และท่านทั้งหลายได้คาดอาวุธเตรียมพร้อมทุกคน คิดว่าการขึ้นไปยังแดนเทือกเขานั้นเป็นเรื่องง่าย”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭41‬

โมเสสได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนรุ่นที่สองฟังว่า ทำไมคนในรุ่นพ่อแม่ของพวกเขาจึงไม่ได้เข้าแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะให้ ย้อนกลับไปในเรื่องราวในตอนนั้น ผมรู้สึกได้ว่า สิ่งที่คนอิสราเอลเป็นคือรู้สึกผิด จึงหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเอง

“พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘จงบอกพวกเขาว่า อย่าขึ้นไปสู้รบเลย เกรงว่าพวกเจ้าจะแพ้ศัตรู เพราะเราไม่ได้อยู่ท่ามกลางเจ้า’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭42‬ ‭

ขอให้เรื่องราวนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจเราทุกคนที่จะเชื่อฟังในทุกเรื่อง ผลที่ตามมาจากการต่อต้าน ต่อว่าพระเจ้าคือต้องเดินวนไป 40 ปี พระเจ้าคำไหนคำนั้น เมื่อคำตัดสินออกมาแล้วเปลี่ยนแปลงไม่ได้ การไม่ยอมรับผล ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายไปเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องทำคือ ยอมรับผลนั้นแล้วกลับมาเชื่อฟังด้วยสุดใจ

“ดังนั้นข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่พวกท่าน แต่ท่านไม่เชื่อฟัง กลับขัดขืนพระบัญชาของพระยาห์เวห์ มีใจอุกอาจขึ้นไปยังแดนเทือกเขานั้น”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭43‬ ‭

เพราะคนอิสราเอลไม่เชื่อฟัง ผลที่เกิดขึ้นก็จะเลวร้ายมากขึ้น เช่นเดียวกันสำหรับพวกเรา ขอให้เราใช้โอกาสที่ยังมีอยู่ ที่จะกลับใจเชื่อฟัง ไม่ฝ่าฝืน และไม่แก้ปัญหาปรับเปลี่ยนผลที่จะตามมาด้วยตัวเอง

“และพวกท่านกลับมาร้องไห้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ แต่พระยาห์เวห์ไม่ทรงสดับเสียงของท่าน หรือเงี่ยพระกรรณฟังท่าน”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭45‬

เมื่อหมดเวลาพระเยซูกลับมา เราจะมาร้องไห้คร่ำครวญแต่พระเจ้าจะไม่ฟังเราแล้ว ขอพระเจ้าเมตตาที่เราจะเลียนแบบดาวิด

“ขออย่าซ่อนพระพักตร์ของพระองค์จากข้าพระองค์ อย่าทรงผลักไสผู้รับใช้ของพระองค์ออกไปด้วยความกริ้ว พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ขออย่าทรงละข้าพระองค์หรือทิ้งข้าพระองค์” สดุดี‬ ‭27‬:‭9‬ ‭

ในวันที่เราไม่เชื่อฟัง ทำผิดบาปเราต้องยิ่งเข้ามาใกล้พระเจ้า เข้ามาพึ่งพาพระคุณของพระเจ้าที่มาถึงเราโดยทางพระเยซู เหตุผลที่สำคัญที่สุดยังอยู่ในคำเดิม ถ้าจะรับพระคุณของพระเจ้า เราต้องรับและเชื่อฟังพระเจ้าแบบหมดทั้งหัวใจ

“แล้วเจ้าจะร้องทูลเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า’”
‭‭เยเรมีย์‬ ‭29‬:‭12‬-‭13‬ ‭

สิ่งที่พระเจ้าตรัสกับคนอิสราเอลในยุคต่อมา เป็นคำตอบว่าทำไมพระเจ้าไม่ฟังเสียงของคนอิสราเอล ในขณะเดียวสิ่งนี้คือเคล็ดที่ไม่ลับของเราทุกคนที่ต้องการให้พระเจ้าฟังเสียงร้องทูลของเรา คือ เราต้องแสวงหาพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของเรา พระเยซูยังไม่เสด็จกลับมา เรายังมีโอกาส ยังพอมีเวลาให้เรารีบใช้โอกาสนั้นแสวงหาพระเจ้าด้วยสุดใจ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(44)

วิธีวิ่งในการแข่งขันของชีวิต!

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้ว
ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา โดยจับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์ พระองค์ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ และพระองค์ประทับเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า”
‭‭ ~ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬ ‭THSV11‬‬
“Therefore, since we are surrounded by such a great cloud of witnesses, let us throw off everything that hinders and the sin that so easily entangles. And let us run with perseverance the race marked out for us, fixing our eyes on Jesus, the pioneer and perfecter of faith. For the joy set before him he endured the cross, scorning its shame, and sat down at the right hand of the throne of God.”
‭‭ ~Hebrews‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬ ‭NIV‬‬

Nicky Gumbel ผู้นำ พันธกิจ Alpha ที่เจริญเติบโตไปทั่วโลก
แบ่งปันในการประชุม Leadership Conference (LC24)ที่ Royal Albert Hall ณ กรุงลอนดอน ในหัวข้อว่า "How to run the race of Life"(วิธีวิ่งในการแข่งขันของชีวิต) โดยใช้พระธรรมฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬ ‭เป็นพระธรรมหลัก
บทเรียนสำคัญที่เราต้องเรียนรู้ จากพระคัมภีร์และการแบ่งปันของนิกกี้ คือ

1.เราทุกคนที่เป็นผู้นำและเป็นผู้เชื่อต้องจ่ายราคาสูง
2.เราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างต่อเนื่อง ผ่าน
1).การฟัง
2).การสังเกต
3).การลงมือทำ และ
4).วิเคราะห์/สังเคราะห์บทเรียนจากความผิดพลาดของเรา และของคนอื่น
3.เราต้องตระหนักว่า
1).บทบาทหน้าที่ และสิทธิอำนาจ ต่างๆ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่
2).เมื่อพระเจ้าทรงมอบให้เรามาก พระองค์ก็ทรงเรียกร้องจากเรามากเช่นกัน!
“…คนที่ได้รับมาก จะต้องเรียกเอาจากคนนั้นมาก และ
คนที่ได้รับฝากไว้มาก ก็จะต้องทวงเอาจากคนนั้นมาก!”
‭‭ ~ลูกา‬ ‭12‬:‭48‬ ‭THSV11‬‬
4.เราต้องระวังหลุมพรางหลายอย่างบนเส้นทางของการเป็นผู้นำและการรับใช้
“เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง”
~‭‭1 โครินธ์‬ ‭10‬:‭12‬ ‭THSV11‬‬

Nicky ยังสรุป ถึง 7 สิ่งที่เราต้องเรียนรู้ ในฐานะ ที่ผู้เชื่อในพระคริสต์ ซึ่งเป็นดุจนักวิ่งบนเส้นทางแห่งชีวิต คือ

1. You are loved(คุณเป็นที่รัก)

สิ่งสำคัญมากที่สุดคือสิ่งที่คุณ"เป็น" ไม่ใช่สิ่งที่คุณ "ทำ"
"คุณคือผู้ที่พระเจ้ารักอย่างมาก" ขนาดที่
1).พระเยซูสิ้นพระชนม์ที่กางเขนเพื่อคุณ
2).พระวิญญาณบริสุทธิ์โอบกอดคุณทุกวันในชีวิต
ดังนั้นคุณควร
ก.จับจ้องอยู่ที่พระเยซู
ข.ใช้เวลากับพระองค์ รับฟังและพูดคุยกับพระองค์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก
ค.เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ
ง.รักเมตตาสงสารและปรนนิบัติคนอื่นๆด้วยการเคารพให้เกียรติ
# คริสตจักรของพระเจ้าต้องมีชื่อเสียงด้านความรัก!

2. You are cheered on(คุณได้รับการให้กำลังใจ)

คุณกำลังวิ่งแข่งต่อหน้าพยานมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เชื่อที่ได้ไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว
พวกเขากำลังเชียร์คุณอยู่ ดังนั้นคุณจงมีกำลังใจ
คุณต้องปลดเปลื้องภาระหนักออก ไม่ว่าจะเป็นบาปหรือความรู้สึกผิด
คุณต้องมี Integrity(คุณธรรมที่บูรณาการ) และ Authenticity (ความเป็นของแท้ เชื่อถือได้) ไม่หน้าซื่อใจคด คุณต้องให้ Character(คุณลักษณะภายใน)เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่ Image (ภาพลักษณ์ภายนอก)
คุณต้องตระหนักว่า คุณไม่ได้วิ่งอยู่คนเดียว คุณยังได้รับสิ่งดีๆหลายๆอย่าง รวมทั้งกำลังใจจากเพื่อนๆที่ร่วมวิ่งและพยานผู้เป็นกองเชียร์อีกมากมาย

3. You are doing well(คุณกำลังทำได้ดี)

คุณได้อดทนยืนหยัด มีความเพียรพยายาม(Perseverance) ไม่ยอมแพ้ และพร้อมลุกขึ้นมาใหม่ (Resilience) หรือ เด้งกลับมาได้เหมือนสปริงเวลาเจอปัญหา โดยมีแบบอย่างจากพระคริสต์ผู้ทรงอดทนต่อกางเขน
คุณควรเป็นเหมือนต้นปาล์ม ที่แม้เจอลมแรงมันก็ลู่ลมและกลับมา ไม่ใช่ต้นโอ้ค ที่อาจดูแข็งแรงแต่พอเจอลมก็มักจะหักโค่นลง

5. You have courage in you(คุณมีความกล้าอยู่ภายในตัว)

ถ้าพระเจ้าทรงเรียกให้คุณทำอะไรบางอย่าง ถึงแม้จะมีความเสี่ยง ก็จงมุ่งหน้าต่อไป
การทำงานของพระเจ้าจะมี Opposition (การต่อต้าน)
แต่จงพึ่งพระเจ้า เข้มแข็งและกล้าหาญเถิด

6. You are holding the battle(คุณกำลังอยู่ในสมรภูมิ)

พระธรรมนำชีวิต
ตอน ด้วยสุดใจ Ep.956

ขอบพระคุณพระเจ้าที่วันนี้พวกเราได้ตื่นขึ้นมาพบเจอกันอีกวันนึง การเดินทางของผมเริ่มปกติแล้วจึงขอพาพวกเรากลับมาที่พระธรรมเฉลยธรรมบัญญัติกันต่อ ในมุมมองของผมพระธรรมเล่มนี้เป็นเหมือนคำสั่งเสียของโมเสส ก่อนที่โมเสสจะจากไป ถ้าเราดูในภาพรวมการเล่าเรื่องต่างๆที่ผ่านมา เราจะต้องอ่านกันตั้งแต่บทที่ 1 ถึงบทที่ 4 แต่อย่างไรก็ดี ผมจะค่อยๆพาพวกเราไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ โดยถือหลักว่า เล็กน้อยแต่สม่ำเสมอ คือมหาศาล ขอพระเจ้าเมตตาเราทุกคน ที่จะเดินไปกับพระเจ้าโดยมีพระวจนะของพระองค์นำหน้าเราไปทุกวัน อยากให้พวกเราจัดเวลากลับไปอ่านทั้งบทจะช่วยนำให้เราเข้าใจได้มากขึ้น

“พระยาห์เวห์ได้ทรงสดับเสียงพูดของพวกท่าน จึงกริ้วและทรงปฏิญาณว่า ‘จะไม่มีสักคนเดียวในชาติพันธุ์ที่ชั่วนี้ จะได้เห็นแผ่นดินดีนั้น ที่เราปฏิญาณว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของพวกเจ้า” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭34‬-‭35‬

เรื่องราวที่โมเสสกำลังเล่านี้เขากำลังพูดกับคนรุ่นที่ 2 ที่ออกมาจากอียิปต์ หลังจากที่โมเสสได้เล่าเรื่องราวความเป็นไปของบรรพบุรุษของพวกเขาที่ต่อต้าน ฝ่าฝืน ต่อสู้กับพระเจ้า จนทำให้พระเจ้าโกรธ จนพระเจ้าบอกว่า จะไม่มีสักคนคนเดียวในรุ่นของเขาที่ชั่วร้าย จะได้เห็นแผ่นดินที่พระเจ้าสัญญาจะให้กับพวกเขา

“เพราะพวกท่าน พระยาห์เวห์ก็ทรงพระพิโรธเราด้วย ตรัสว่า ‘เจ้าจะไม่ได้เข้าไปในที่นั้นด้วยเหมือนกัน”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭37‬ ‭

แม้แต่ตัวโมเสสเอง ก็บอกเหตุผลว่าเพราะพวกเขา จึงทำให้โมเสสไม่สามารถจะเข้าไปได้ด้วยเช่นกัน

“นอกจากคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ เขาจะเห็นแผ่นดินนั้น และเราจะให้แผ่นดินที่เขาเหยียบนั้นแก่เขาและแก่ลูกหลานของเขา เพราะเขาได้ติดตามพระยาห์เวห์อย่างสุดใจ’”
‭‭เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭36‬

“โยชูวาบุตรนูนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าจะได้เข้าไป จงสนับสนุนเขา เพราะเขาจะพาคนอิสราเอลไปครอบครองแผ่นดินนั้น” เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭38‬ ‭

มีเพียงชายสองคนที่สามารถจะเข้าไปได้ในรุ่นของพวกเขา คือ โยชูวาและคาเลบ ที่เป็นหนึ่งใน 12 คนที่ออกไปสอดแนมแผ่นดินนั้น แล้วมีความเชื่อมั่นในพระเจ้าว่า พระเจ้าอยู่กับพวกเขา และพระองค์จะรักษาพระสัญญาของพระองค์แน่นอน โดยพระเจ้าจะประทานแผ่นดินนั้นให้กับพวกเขา

“ยิ่งกว่านั้นบรรดาลูกน้อยของพวกเจ้าที่เจ้าว่าจะถูกปล้นเอาไปนั้น และเด็กๆ ของเจ้าที่ในวันนี้ยังไม่รู้จักผิดและชอบ จะได้เข้าไปที่นั่น เราจะให้แผ่นดินนั้นแก่พวกเขา และพวกเขาจะยึดครองที่นั่น”
เฉลยธรรมบัญญัติ‬ ‭1‬:‭39‬ ‭

เรื่องที่โมเสสเล่าผ่านไปเป็นเวลา 40 ปีแล้ว เด็กน้อยที่อยู่ในคำแจ้งล่วงหน้าที่พระเจ้าพูดไว้ คือกลุ่มคนที่กำลังฟังโมเสสพูดเตือนสติ ชี้แนะพวกเขาถึงแนวทางที่พระเจ้าจะยังคงสถิตอยู่กับพวกเขา ข้อความที่สำคัญสุดาำหรับผมในเช้าวันนี้ ที่ผมอยากให้กำลังผมเองและพวกเรา ที่พวกเราจะเป็นคนที่พระเจ้าโปรดปรานอย่างคาเลบ คือเขาได้ติดตามพระเจ้าอย่างสุดใจ นี่เป็นคำถามที่สำคัญว่า วันนี้พวกเราติดตามพระเจ้าด้วยสุดใจ หมดทั้งหัวใจหรือเปล่า ขอพระเจ้าเมตตานำเราทุกคน ในเวลาที่เราเอาใจของเราออกห่างจากพระเจ้า ขอพระวิญญาณของพระองค์จะส่งเสียงเตือนเรา และนำให้ใจของเราจะถ่อมลง ที่จะเชื่อฟัง เพื่อเราจะรีบเอาหัวใจและความต้องการทั้งหมดของเรามามอบแด่พระองค์ เพื่อเราทุกคนจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ

ทำอย่างไรดีถ้าอยากย้ายโบสถ์อะครับอาจารย์?

คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่4(43)

จงจัดการกับบาป ก่อนที่บาปจะจัดการกับคุณ?

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้ว
ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น
ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา”
~‭‭ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬ ‭THSV11‬‬
“As for us, we have this large crowd of witnesses around us.
So then, let us rid ourselves of everything that gets in the way,
and of the sin which holds on to us so tightly,
and let us run with determination the race that lies before us.”
‭‭ ~Hebrews‬ ‭12‬:‭1‬ ‭GNT‬‬

Paul David Tripp กล่าวว่า

“บาปของเราคือสิ่งที่แยกเราออกจากพระเจ้า
แต่การหลงในความชอบธรรมของตัวเองคือ
สิ่งที่กีดกันเราไม่ให้เราวิ่งไปหาพระองค์
เพื่อรับพระคุณที่พระองค์เต็มพระทัย
มอบให้กับคนทั้งปวงที่มาหาพระองค์!”
(Our sin is what separates us from God, but it's our self righteousness
that keeps us from running to Him for the grace He willingly gives to all who come.)

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู กล่าวถึง บุรุษและสตรีแห่งความเชื่อมากมาย ในพระคัมภีร์เดิม
ที่ติดตามพระเจ้าด้วยความเชื่อ
ท่านจึงกล่าวกับคนในสมัยของท่านและคนในสมัยของเรา เช่นกันว่า

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมาย(หมู่ใหญ่พรั่งพร้อม)อยู่รอบข้าง(รอบด้าน)อย่างนี้แล้วก็
1.ขอให้เราละทิ้ง
1).ทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และ
2).บาปที่เกาะแน่น
2.ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทน(บากบั่นไปตามลู่ที่ทรงกำหนดไว้สำหรับเรา)
ในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา
3.ขอให้เราจับตา(เพิ่ง)มองที่พระเยซู
1).ผู้(ทรงลิขิต)เบิกทางความเชื่อ และ
2).ผู้ทรงทำให้ความเชื่อ(ของเรา)นั้นสมบูรณ์
3).ผู้ทรงสู้ทนต่อกางเขน เพื่อ(เพราะเห็นแก่)ความยินดีที่อยู่ต่อหน้าพระองค์
4).ผู้ทรงถือว่าความอับอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญ
(ไม่ใส่พระทัยในความอัปยศของไม้กางเขน)
5).ผู้ทรงประทับที่เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า”
‭‭ (ฮีบรู‬ ‭12‬:‭1‬-‭2‬ )

พี่น้องที่รัก
วันนี้ มีบาป หรือ อะไรที่ถ่วงคุณ ไม่ให้เข้าไปหาพระเจ้าบ้าง?
คุณจะปล่อยให้สิ่งเหล่านั้น ถ่วงรั้งคุณเช่นนั้นต่อไปหรือ?

ควรหรือไม่ ที่คุณจะรีบละทิ้ง
1.ทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และ
2.บาปที่เกาะแน่น
ไม่ว่าจะเป็นบาป
1).ที่คุณทำโดยไม่ตั้งใจ
2).ที่คุณทำแบบกึ่งตั้งใจ
3).ที่คุณทำอย่างตั้งใจ
ไม่ว่า จะเป็นบาป
ก.ทางความคิด
ข.ทางคำพูด ข้อเขียน คำโพสต์
ค.ทางกิริยาท่าทาง
ง.ทางการกระทำ
ฉ.ทางความประพฤติ

พี่น้องที่รัก
ขอให้เราฟังคำเตือนของ JOHN BUNYAN (1628~1688) ที่ว่า

“ รูรั่วเพียงรูเดียว
จะทำให้เรือจม
บาปเพียงบาปเดียว
ก็จะทำลายชีวิตของคนบาป(อย่างเรา)ได้เช่นกัน!
(One leak will sink a ship,
and one sin will destroy a sinner.)


ดังนั้น ขอให้เรารีบกำจัดบาปในชีวิตของเราให้หมดไป โดยด่วน
ก่อนที่บาปเหล่านั้น จะจัดการกับเรา
ไม่ว่า จะเป็น
1.บาปเล็ก หรือ
2.บาปใหญ่
…เห็นด้วยไหมครับ?

~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
13พฤษภาคม 2024
#YoutubeCJCONNECT #thongchaibsc
#คริสตจักรแห่งความรัก #churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี